ซื้อตั๋วไปนอนหลับ! เกาหลีใต้จัด Dream Concert คอนเสิร์ตแนวใหม่รับเทรนด์ดูแลตัวเอง ชวนคนไปนอนฉ่ำ 12 ชั่วโมง บัตรหมดเกลี้ยงอย่างไว

  • 8
  •  
  •  
  •  
  •  

เรียกว่าเป็นเทรนด์ใหม่ของการจัดคอนเสิร์ตก็ว่าได้สำหรับ Best Dream Concert คอนเสิร์ตที่เพิ่งจัดไปที่ประเทศเกาหลีใต้ในวันที่ 2 พฤษภาคม ถึงวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา เป็นคอนเสิร์ตที่ไม่ได้ชวนให้คนไปสนุกกับศิลปินดังในเวลาแค่ 2-3 ชั่วโมงตามปกติแต่อย่างใด แต่เป็นคอนเสิร์ตที่คนซื้อตั๋วเพื่อไปนอนในระยะเวลาถึง 12 ชั่วโมงเต็ม 

แพลทฟอร์ม Amplify โดย TrendWatching รายงานถึงเทรนด์นี้ว่าเป็นคอนเสิร์ตที่มีชื่อว่า “Best Dream Concert” จัดขึ้นโดยเอเจนซี่ที่มีชื่อว่า Nominom นับเป็นคอนเสิร์ตเพื่อการนอนหลับครั้งแรก มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือคนที่เป็นโรคนอนไม่หลับ หรือมีอาการนอนหลับยาก รับเทรนด์ความต้องการดูแลตัวเองของคนในยุคนี้ รวมไปถึง Counter-Culture วัฒนธรรมของกลุ่มคนที่ต้านวัฒนธรรมกระแสหลักอย่างการทำงานหนักและมองว่าการนอนหลับเป็นเรื่องของคนขี้เกียจ กระตุ้นให้คนมองเห็นความสำคัญของการนอนหลับที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพที่ดีนั่นเอง

ใน Best Dream Concert ที่จัดขึ้นตั้งแต่เวลา 19.00น. ของวันที่ 2 พฤษภาคม ถึงเวลา 07.00น. ของวันที่ 3 พฤษภาคม รวมเวลา 12 ชั่วโมงเต็ม มีศิลปินมาบรรเลงเพลงช้าๆเบาๆให้ความรู้สึกสงบ นอกจากนี้ผู้เข้าชมยังสามารถเข้าคลาสโยคะแบบเบาๆเพื่อผ่อนคลายก่อนนอนได้ด้วย และแน่นอนว่าในคอนเสิร์ตครั้งนี้จะไม่มีที่นั่งให้แต่จะมีเตียงและชุดนอนเตรียมให้สำหรับผู้มีตั๋วให้แทน

Acacia Leroy Asia Lead แห่ง TrendWatching วิเคราะห์ว่า ความสำเร็จของเกาหลีใต้อย่าง K-Pop ที่ทุกคนเห็นในระดับโลกนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความเติบโตของ K-Culture ในหลายทศวรรษที่ผ่านมาเท่านั้น คุณ Acacia ระบุว่า การเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจเกาหลีใต้โดยเฉพาะในช่วงทศวรรษที่ 60-90 นั้นโตในระดับ 1,500% ในขณะที่รายได้ต่อหัวก็เติบโตขึ้นถึง 8 เท่าตัวด้วย และการเติบโตในระดับปาฏิหารย์นี้ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าต้องแลกมาด้วยผลกระทบแง่ลบ โดยเฉพาะปัญหาสุขภาพจิต ที่ทำให้เกาหลีใต้เป็นหนึ่งในประเทศ OECD ที่มีสถิติคนฆ่าตัวตายมากที่สุด

อย่างไรก็ตามชาวเกาหลีรุ่นใหม่ก็ไม่ทนกับสิ่งนี้แต่กลายเป็นเทรนด์ Counter-Culture เทรนด์ของคนที่ “สู้กลับ” กับวัฒนธรรมกระแสหลักของสังคมเมืองที่ทำงานหนัก เพื่อสร้างสุขภาพจิตที่ดีให้กับสังคมจนเกิดเป็นเทรนด์อย่าง Hitting Mung ที่คนนิยมกันในช่วงปี 2020 เทรนด์ของการพักเบรกเพื่อลดความเครียดให้กับร่างกายและจิตใจ เป็นเทรนด์ที่คนจะออกไปหาพื้นที่สงบ นั่งเงียบๆ หรือจดจ่อกับกิจกรรมที่ทำให้ผ่อนคลาย เช่น นั่งมองธรรมชาติ หรือเพียงแค่นั่งมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างก็ได้ โดยมีเป้าหมายเพื่อ ชำระจิตใจจากความเครียด ให้ใจได้พักผ่อน ช่วยให้คนที่อยู่ในเมืองที่วุ่นวายโดยเฉพาะในกรุงโซล เมืองหลวงของประเทศได้ พักจากเรื่องราวเครียดๆของสังคมเมือง

เทรนด์ของการผักผ่อนหย่อนใจ เบรกจากความเครียดนั้นไปไกลถึงขั้นมีการแข่งขัน “ไม่ทำอะไรเลย” หรือ Space-Out Competition ประจำปี กิจกรรมที่จัดขึ้นครั้งแรกงในปี 2014 มีไอเดียเบื้องหลังในแบบเดียวกันก็คือการปลีกตัวจากความวุ่นวายและความเครียดของชีวิตในยุคปัจจุบัน

คุณ Acacia บอกว่า เทรนด์ของการหลีกหนีความเครียดนั้นไม่ได้จำกัดเฉพาะในเกาหลีใต้เท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นในประเทศจีนด้วย จนเกิดเทรนด์ที่วัยรุ่นในวัย 20-30 ปีในจีนไปผ่อนคลายในสถานที่อย่าง Junior Nursing Homes บริการแบบเดียวกับบ้านพักคนชรา แต่ให้บริการคนหนุ่มสาวที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายในสังคมเมือง ผ่อนคลายด้วยการมีเวลาเป็นของตัวเองพร้อมกับการมีคนดูแล กลายเป็นอีกประสบการแบบ Luxury สำหรับคนในยุคนี้ไปแล้ว

แน่นอนว่าเทรนด์เหล่านี้เป็นสิ่งที่แบรนด์ไม่สามารถมองข้ามได้ โดยเฉพาะเมื่อเพราะสังคมอย่างประเทศเกาหลีใต้ และจีนเองก็ไม่ได้ต่างจากประเทศไทยมากนัก ผู้คนบางครั้งต้องการหลีกหนีจากความเครียด ต้องการมุมสงบเพื่อฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ คำถามก็คือแบรนด์จะเข้าไปมีส่วนสร้างประสบการณ์รับกับเทรนด์ Counter-Culter เหล่านี้ได้อย่างไร เพื่อให้ผู้คนได้หันกลับมาดูแลสุขภาพไม่เฉพาะร่างกายแต่รวมไปถึงจิตใจด้วยเช่นกัน

ที่มา: Amplify by TrendWatching


  • 8
  •  
  •  
  •  
  •