ปี 2020 ที่ผ่านมานั้นเป็นที่สาหัสกับคนทำธุรกิจและนักการตลาดอย่างมากและเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในการทำ Social media markating ด้วยการเกิด COVID-19 ที่ทำให้เกิดกระแสการใช้ออนไลน์โดยเฉพาะ Social media นั้นเพิ่มขึ้นการที่อุตสาหกรรมข้อมูลและสิทธิส่วนบุคคลเริ่มเข้ามามีบทบาทจนถึงข่าวตราวความร้อนแรงของการเลือกตั้งที่สหรัฐอเมริกาเป็นผลให้มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการคิดและการทำการตลาดผ่าน Social media อย่างทันทีเพราะ Platform ต่างๆมีการเปลี่ยนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมา
ปี 2021 ก็ยังเห็นได้ว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นมาในปี 2020 นั้นยังส่งต่อเนื่องอยู่วิถีชีวิตของผู้บริโภคทั่วโลกนั้นเปลี่ยนไปมีการเฝ้าระวังในสุขอนามัยเพิ่มมากขึ้นและการสืบค้นข้อมูลการคุยข่าว Social นั้นเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเกิด Social media platform ที่กลายเป็นกระแสขึ้นมาทำให้ปี 2021 นี้มีกระแสที่น่าจับตามองอย่างมาก 5 กระแสซึ่ง 5 กระแสนั้นคือ
1. Social Media Channel จะแตกแขนงและทำให้เงินทำโฆษณาเป็นเบี้ยหัวแตกสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นมาในปี 2020 นั้นคือการที่มี Platform ต่างๆเติบโตขึ้นมาอย่างมากไม่ว่าจะเป็น Tiktok, Telegram หรือ Podcast ที่ในประเทศไทยเองก็มีการนิยมขึ้นมาสิ่งที่เกิดขึ้นคือนักการตลาดแบรนด์ใหญ่ที่มี Target ในทุก Platform จะต้องวางแผนการทำการตลาดใน Platform ที่เกิดและนิยมในปี 2021 นี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ทำให้การตลาดที่ทำจะมีความซับซ้อนและใช้งบประมาณที่ยากลำบากขึ้นอีกเพราะแต่ละ Platform มีความต้องการเนื้อหาที่แตกต่างกันพฤติกรรมในการสร้างแบรนด์ที่แตกต่างกันทำให้แบรนด์นั้นต้องจัดหางบทางการตลาดมาเพื่อตอบสนองการมีช่องทางเหล่านี้และนอกจากนี้ยังรวมถึงงบประมาณโฆษณาที่ต้องลงเงินมาทำการโฆษณาในทุกๆช่องทางอีกด้วยทั้งนี้ในปี 2021 นักการตลาดต้องคำนึงดีๆว่าอยากจะเน้นช่องทางไหนกลุ่มเป้าหมายที่อยากได้ภายใน 5 ปีนี้จะเป็นใครและอยู่ที่ไหนเพื่อที่จะสามารถใช้เงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. แบรนด์จะเริ่มซื้อโฆษณาเอง เมื่อ COVID-19 มา สิ่งที่แบรนด์หลาย ๆ แบรนด์นั้นทำคือการตัดลดงบประมาณ ค่าใช้จ่ายลง สิ่งหนึ่งตัดลดงบประมาณลงแรก ๆ คือค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายให้คนอื่นทำงานหรือ Agency ต่าง ๆ ออกไป และเริ่มเอางานนั้นกลับมาทำงานเอง เพราะจะได้คุมงบประมาณที่ลดลงได้ด้วยตัวเอง ด้วยเหตุนี้ทำให้ผลจากปี 2020 นั้นส่งผลมายังปี 2021 นี้ด้วย เพราะด้วยการทำเช่นนี้ทำให้การใช้เงินนั้นโปร่งใส และสามารถปรับเปลี่ยนตามความต้องการได้อย่างทันที นอกจากนี้ยังมีทีมเฉพาะที่คอยดูแลการซื้อโฆษณาของแบรนด์เลย สุดท้ายข้อดีของการทำ In-house media buyer ของแบรนด์เองคือ การที่สามารถเก็บข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องมีตัวกลาง
3. 1st Party Data อย่างที่ได้เล่าไปเบื้องต้นว่าปี 2020 นั้นกระแส Data นั้นมาอย่างรุนแรงมากทุกๆแบรนด์นั้นตื่นตัวในเรื่องการทำ Data และจะเริ่มเก็บข้อมูลเพิ่มมากขึ้นในปี 2021 นี้ซึ่ง Social media นั้นคือปัญหาสำคัญที่แบรนด์ไม่สามารถเก็บ Data ผู้ใช้งานของตัวเองได้หรือ 1st Party ได้เพราะติดปัญหาที่เรียกว่า walled gardens ซึ่งทำให้แบรนด์ต้องหาทางที่จะให้คนใน Social media เอา Data มาให้แบรนด์ให้ได้เพราะด้วย Data นี้จะทำให้แบรนด์เห็นถึงข้อมูลทางการตลาดที่น่าสนใจและเอาใช้กับการทำการตลาดและธุรกิจได้อย่างหลากหลายขึ้นนอกจากนี้แบรนด์ยังต้องสู้กับ Platform Social media ต่างๆอีกด้วยเพราะ Platform เหล่านี้ไม่อยากให้ข้อมูลออกมาจากระบบของตัวเองและยังมีปัญหาเรื่อง privacy และข้อกฏหมายใน Data อีกมากมาย
4. Social Media Manager ที่วิเคราะห์ข้อมูลได้จะมาแรงมากขึ้นที่ผ่านมานั้น Social Media Manager เป็นตำแหน่งที่เหมือนคนดูแล Social Media และคอยโพสข้อความแต่ในปี 2021 นี้ความสำคัญของ Social Media Manager จะเพิ่มขึ้นมาเพราะต้องสามารถเข้าใจกลุ่มเป้าหมายที่ตัวเองกำลังปฏิสัมพันธ์อยู่ใน Social Media พร้อมๆกับการที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ออกมาจาก Social Media ว่าจะจัดการและใช้ข้อมูลต่างๆที่ได้ออกมาให้เป็นประโยชน์ยังไงรวมถึงความสามารถที่สำคัญในยุคนี้ของ Social Media Manager ที่ต้องมีคือการที่สามารถใช้ Social Media นั้นๆไปจบการขายได้เลย
5. Influencers ของตัวเองสิ่งสุดท้ายคือการที่แบรนด์นั้นไม่สามารถอิงการใช้ Influencer ที่ไม่รุ้จักหรือแค่จ้างงานผ่านระบบ Influencer ได้อีกต่อไปเพราะด้วยความที่ผู้บริโภคนั้นมีความเข้าใจเพิ่มขึ้นต้องการความจริงใจความโปร่งใสจากแบรนด์การจ้างให้พูดจึงไม่เกิดประสิทธิภาพอีกต่อไปแต่จะเป็นการสร้าง Influencer จากฐานแฟนหรือเลือกจากคนที่ชอบแบรนด์ผ่าน Social Media ขึ้นมารวมทั้งการปั้น Influencer จากแบรนด์เองเพื่อที่จะได้คนที่เข้าใจแบรนด์มากที่สุดมีความชอบของแบรนด์และสามารถถ่ายทอดข้อความได้อย่างจริงใจกับกลุ่มเป้าหมายที่แบรนด์อยากจับได้ขึ้นมา