ในช่วงปลาย ๆ เดือนมกราคม ต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี จะมีมหกรรมกีฒาอย่างหนึ่งที่คนที่ชอบกีฬาอเมริกันจะติดตามดู นั้นคือศึกคนชนคนและ NFL นั้นเอง ซึ่งทาง NFL นั้นเคลมว่ามีคนดูรายการแจ่งขันนัดชิง NFL หรือที่เรียกว่า Superbowl กว่า 100 ล้านคนในปีก่อน ๆ ทำให้การถ่ายทอดกีฬานี้ต่างมีช่วงเวลาที่เหล่านักการตลาดอยากจะเข้าไปจับจองพื้นที่ เพื่อที่ให้คนกว่า 100 ล้านคนเห็นทั่วโลกขึ้นมา
ก่อนอื่นต้องเข้าใจธรรมชาติของการถ่ายทอดกีฬาในกลุ่มประเภทที่เล่นกันในอเมริกาเหนืออย่าง เบสบอล ฮอกกี้ บาสเกตบอล และอเมริกันฟุตบอล นั้นต่างมีแนวคิดที่แตกต่างจากกีฬาอื่น ๆ อย่างมาก เพราะกีฬาเหล่านี้ถูกคิดขึ้นมาพร้อม ๆ กับระบบหารายได้นั้นเอง ซึ่งทำให้เวลาเราดูกีฬาเหล่านี้ในการแข่งขันทุกครั้ง ในการเบรคเช่นการขอเวลานอก เวลาพัก หรือเวลาเจ็บ จะมีกิจกรรมที่เหล่า Sponsored เข้ามา หรือการมีโฆษณาที่ใส่เข้าไป รูปแบบนี้ทำให้ผู้ชมในประเทศสหรัฐอมริกาต่างเคยชินกับการดูโฆษณาในระหว่างเกมอย่างมา และหลาย ๆ ครั้งก็มีคนรอติดตามดูโฆษณาต่าง ๆ ด้วย ซึ่งมีเหตุผลเพราะ รูปแบบการคิดโฆษณาที่จะเอาไปใส่ในเกมนั้นต้องมีความสนุก และแนบเนียนไม่ดูแปลกแยกไปจากเกม ทำให้เราเห็นโฆษณาที่นักกีฬาเข้ามามีส่วนร่วมในโฆษณานั้น ๆ เวลาฉายออกมา หรือบางทีก็มีโฆษณาประเภทที่ Surprise เลยให้ทำกิจกรรมออกมา
ทั้งนี้ใน Superbowl เองนั้น ก็เป็นมหกรรมกีฬาที่รวมเอา entertainment ทุกอย่างเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นร concert ในตอนพักครึ่งรายการ และรวมถึงโฆษณาที่จะออกฉายใน Superbowls นั้นเอง ซึ่งโฆษณาที่ออกฉายใน Superbowls นี้เรียกได้ว่าเป็นการวัดพลังและความคิดสร้างสรรค์ของครีเอทีฟ ที่ทำงานมากันเลยว่าจะทำให้แบรนด์ดับหรือเกิดขึ้นมาได้เลย ในอดีตเราได้เห็น Ads ดัง ๆ และแบรนด์ที่เกิดจาก Superbowls มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Apple หรือ Volkswagen ออกมา และแน่นอนด้วยช่วงเวลาพิเศศษแบบนี้และคนติดตามมากมายทำให้เหล่าแบรนด์ต้องหามุก ที่จะสร้างสรรค์โฆษณาออกมา รวมทั้งใช้โอกาสนี้ในการสร้างกระแสให้แบลรนด์ตัวเองขึ้นมา และใน Superbowls ครั้งนี้ก็มีเทรนด์ที่เราเห็นได้ชัดในการทำการตลาดผ่าน Event ที่ยิ่งใหญ่นี้ออกมา 5 ข้อด้วยกัน นั้นคือ
1. โฟกัสในกลุ่มคนมีอายุมากขึ้นไปอีก : จากการที่เราได้ดูโฆษณาทุกตัวที่ออกผ่าน Superbowls ในปีนี้เราจะเห็นได้ว่า โฆษณาในปีนี้นั้นเริ่มเอานักแสดงและสิ่งที่เกิดขึ้นในทศวรรษก่อนหน้า หรือเรียกได้ว่าช่วง Baby Boomer กับ Gen X มาทำโฆษณาทั้งหมดเลย ทั้งนี้เพื่อสร้างการจับกลุ่มคนดูที่มีอายุที่ดู NFL อยู่ ลองดูตัวอย่าง Dirty Dancing ที่กลายเป็นกระแสในช่วงเวลาที่ออกมา และได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี เพราะสามารถจับกลุ่มคนดูให้หวนรำลึกความหลังหรือเชื่อมโยงอดีตตัวเองที่ได้ดูหนังเรื่องนี้กับโฆษณาออกมาได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้นี่เป็นตัวอย่างอันดีระหว่างของการทำงานระหว่างมีเดียที่รู้ว่ากลุ่มเป้าหมายที่ดูเป็นใคร และส่งต่อให้ครีเอทีฟช่วยคิดโฆษณาที่ถูกกลุ่มเป้าหมายกับ Platform ไปให้
httpv://www.youtube.com/watch?v=KUoD-gPDahw
2. ขายตรง ๆ และกัดคู่แข่งตรง ๆ : ในโฆษณาของ Sprint นี้จะเห็นได้ชัดในการ Execute โฆษณาออกมา ด้วยการที่ Telco ที่อเมริกานั้นแข่งขันกันสูง และ Sprint ต้องแข่งกับคู่แข่งอย่าง Verizon ที่ครองสื่อออนไลน์มากมายในตอนนี้ สิ่งที่ Sprint ทำให้โฆษณา Superbowls ปีนี้คือการบอกเลยว่าตัวเองที่กว่า Verizon อย่างไร โดยการใช้ Copy ว่า “Do the math and switch to Sprint” ซึ่งเป็น CTA ที่ตรงและไม่ต้องไปตีความใหม่จนเข้าใจผิดได้ หรือ Wendys ก็โจมตีคู่แข่งอย่าง McDonalds ว่า “Skip the hamburgers at the Frozen Arches…head to Wendy’s and…taste the difference for yourself.” ซึ่งซัดตรง ๆ กับ McDonalds และชวนมา Wendys ด้วย CTA ในตอนจบ ซึ่งจะเห็นได้ว่าหมดยุคของการโอ้เอ้ในการขายแล้ว โฆษณาต้องทำให้ชัดเจนและขายกันไปเลยว่าตัวเองดีกว่าอย่างไร
httpv://www.youtube.com/watch?v=DBx2gmFz1Yg
3. CTA right now : จากใน Superbowls นั้นการเห็นโฆษณาที่สร้าง Surprise นั้นมีมาอย่างเรื่อย ๆ แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดในตอนนี้คือการสร้างปรากฏการณ์ที่สามารถสร้าง CTA ได้ทันทีที่โฆษณาออกมา แล้วชักจูงให้กลุ่มคนที่ดู สามารถทำตามได้ตัวอย่างเช่น ภาพยนต์ Cloverfield Paradox ที่ออกโฆษณาออกมา แล้วสร้างความตื่นตะลึง เพราะบอกเลยว่าสามารถดูได้ทันทีที่โฆษณานี้ออกมา ทำให้ผู้คนนั้นไม่ต้องรอคอยและชักจูงให้คนนั้นสามารถเอาอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ Netflix มาเตรียมดูได้ทันที ซึ่งทำให้เกิด Talk of the town มากมายในวิธีการนี้
httpv://www.youtube.com/watch?v=8brYvhEg5Aw
4. แบรนด์ใหญ่แนะนำแบรนด์ใหม่ : สิ่งนี้เรียกว่าเป็นปรากฏการณ์ใหม่ก็ได้ทันที เพราะในครั้งนี้เราจะเห็นการทำโฆษณาที่แบรนด์ใหญ่หรือแบรนด์แม่ทำโฆษณาตัวเองแล้วแนะนำแบรนด์ลูกหรือทำเพื่อคนอื่นเข้าไปด้วยกัน ไม่ว่าจะ Bud light โปรโมท Bud Knight หรือ Tide ที่โปรโมทแบรนด์ลูก ๆ ของตัวเองขึ้นมา และสุดท้ายที่ Verizon ทำการแนะนำให้ขอบคุณนักดับเพลิงที่ตอบสนองการเรียกความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว ทำให้คนที่ดูนั้นต่างต้องจดจำแบรนด์ลูก หรือสิ่งที่กำลังสื่อในการที่จะแนะนำได้ทันทีออกมา
httpv://www.youtube.com/watch?v=6gGXnE1Dbh0
5. Brand ที่ยืนหยัดในสังคัม : ใน Superbowl ปีนี้ เราจะเห็นโฆษณาที่ทำการสร้าง สื่อข้อความทางการตลาดในเรื่อง ความสามัคคีและความเป็นหนึ่งเดียวออกมา เพราะสามารถจับกระแสสังคมในอเมริกาหรือทั่วโลกเป็นส่วนใหญ่ได้ว่า กำลังเกิดความแตกแยกทางด้าน เชื้อชาติ ศาสนา ความเชื้อและเพศ ทำให้แบรนด์เหล่านี้จับ Context เหล่านี้มาสร้างเป็นสื่อโฆษณาตัวอย่างเช่น Toyota บอกในข้อความที่ว่า “We’re all one team” หรือ Coca Cola พูดเรื่องการก้าวข้ามคติทางด้านเพศไป T Mobile พูดเรื่องความเท่าเทียมกันของเชื้อชาติ สีผิว และหลาย ๆ แบรนด์ ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าแบรนด์เหล่านี้ อยู่ยืนหยัดในสังคมและเลือกที่จะทำให้สังคมน่าอยู่ขึ้นผ่านทางโฆษณา ที่เข้ากับสินค้าตัวเองได้ด้วย
httpv://www.youtube.com/watch?v=-R-EEdvDrUU