5 เรื่องที่พูดถึงกันมากสุดจากประสบการณ์ตรงงาน SXSW 2017

  • 187
  •  
  •  
  •  
  •  

ผมได้มีโอกาสไปงานเทศกาล SXSW (อ่านว่า South by Southwest) ซึ่งเป็นเทศกาลใหญ่แห่งปีอีกอันของโลก ที่รวมทุกสิ่งเข้าด้วยกันไม่ว่าจะเป็น โฆษณา การตลาด นวัตกรรม เพลง หนัง ตลกและอื่น ๆ มากมาย โดยงานจะมีประมาณ 10 วัน จัดในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน หรือ Springbreak ของที่นั้น ในเมือง Austin รัฐ Texas ซึ่งเรียกได้ว่าปิดเมืองจัดงานกันเลยทีเดียว

Screen Shot 2560-03-23 at 11.57.34 AM

Screen Shot 2560-03-23 at 12.08.39 PM

เทศกาล South by Southwest นั้นเริ่มต้นเมื่อปี 1987 โดยเป็นเทศกาลดนตรี ที่มีการสัมมนาด้านดนตรีอีกด้วย แต่เมื่อเทศกาลเดิบโตขึ้นก็มีเการเพิ่มหมวดภาพยนต์และตลกเข้าไป พอเข้าสู่ช่วงปี 1995 ก็มีการแตกเรื่อง Multimedia มาจาก Film เพื่อให้เข้ากับยุคนั้นที่มีความบันเทิงด้าน Multimedia เยอะมาก จนถึงปี 1999 ก็เปลี่ยนชื่อ Multimedia เป็น Interactive และมีการเพิ่มหมวด Video Games เข้ามาในปี 2006  แถมเริ่มมีการสัมมนาด้านเกี่ยวกับเทคโนโลยีกันแล้ว นับแต่ปี 2006 เป็นต้นมา เทศกาล SXSW ก็มีการเพิ่มขึ้นของ Startup ที่ไปร่วมงานอย่างมากเช่น Mark Zuckerburg ที่ไปขึ้นเวทีในปี 2008 โดยไฮไลท์คือปี 2009 ที่มี Application Foursquare และ Gowalla ไป และ Foursquare ชนะในการประกวด Application ปีนั้นไป นั้นตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมาเทศกาล SXSW ก็กลายเป็นเทศกาลที่ฝั่งเทคโนโลยีสนใจที่จะไปเปิดตัวนวัตกรรมและต้นแบบใหม่ ๆ ของเทคโนโลยีตัวเอง รวมทั้งทำให้บรรดา Agency และ Brand ต่าง ๆ ไปร่วมงานและขึ้นเวทีให้ความรู้มากมาย

Screen Shot 2560-03-23 at 12.01.08 PM

ในปี 2017 นี้เทศกาล SXSW นั้นมาในรูปแบบใหม่โดยเนื่องจากมองความเกี่ยวข้องต่าง ๆ แล้วไม่สามารถแยกการสัมมนาออกจากกันได้อย่างเด็ดขาดเหมือนในปีก่อน ๆ ทำให้ปีนี้นั้นจึงจัดงานเป็นรูปแบบ Convergence ที่ให้หมวดอื่น ๆ ที่แตกต่างกันเข้าสัมมนาของฝั่งอื่นกันได้ เช่น คนซื้อบัตร Film มาเข้าหมวด Interactive ได้ และคนซื้อบัตร Interactive ก็ไป Film หรือ Music ได้ เช่นกัน ในปีนี้ที่ผมไปผมจะเน้นเรื่อง Interactive  และส่วนหนึ่งของ Storytelling กับ Music ที่อยู่ใน Film และ Music ซึ่งมีหัวข้อที่พูดคุยกันอย่างน่าสนใจในปีนี้ 5 เรื่องด้วยกัน

Screen Shot 2560-03-23 at 12.26.42 PM

Screen Shot 2560-03-23 at 12.05.56 PM

  1. AI AI AI ถนนทุกสายมุ่งหน้าสู่ AI โดย Artificial Intelligent นั้นจะกลายมามีบทบาทเป็น Core Service ของทุก ๆ อัน และคนยังไงก็ต้องทำงานร่วมกับ AI อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอน แต่ AI นั้นยังขาดทักษะหลาย ๆ อย่าง ซึ่งจำเป็นต้องมีมนุษย์คอยช่วยเหลือและสอน หรือไกด์ AI นี้ให้ทำงานได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ความสนใจของ AI ในตอนนี้คือการสร้าง AI ให้เข้าใจอารมณ์ของมนุษย์และสนใจว่ามนุษย์สื่อสารทางอารมณ์อย่างไร เพื่อที่จะสามารถทำการปฏิสัมพันธ์กลับได้ หลาย ๆ Agency และ Brand มีการสร้างแผนก AI ของตัวขึ้นมาเพื่อช่วยการวิเคราะห์ คำนวนหรือทำการโต้ตอบกับลูกค้าตัวเองอย่างมาก หรือสร้างเพื่อเป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกลูกค้า
  2. Engagement ไม่พอต้อง Immersive ความสนใจของนักการตลาดที่นั้นไม่ได้แค่ต้องการเพียงปฏิสัมพันธ์ แต่ต้องการเข้าไปอยู่ในจิตใต้สำนึกของผู้บริโภคและทำให้ผู้บริโภคนั้นคิดถึงแบรนด์หรือเวลามีความต้องการใช้งานต้องคิดถึงแบรนด์เราเป็นแบรนด์แรก จนต้องไปหาซื้อมา ที่นี้ใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์มาทำงานทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น fMRI หรือ Behavioral economics (ใครอ่าน Dan Ariely คงรู้จักดี) รวมถึงการใช้วิธีการที่เรียกว่า Nudge (ลองหาหนังสือเรื่อง Nudge) ดู ทั้งหมดนี้เพื่อการทำให้ถึงเป้าหมายที่ผู้บริโภคนั้นมาใช้จ่ายหรือเกิดการเปลี่ยนพฤติกรรมจริง ๆ ขึ้นมา การ Like, Share, Comment, View นั้นเก่าไปแล้ว
  3. Design Thinking ทุกอย่างที่นี้ใช้ Design Thinking เป็นฐานในรากความคิดที่จะแก้ผู้บริโภค การใช้ Design Thinking นั้นสามารถแก้ไขต้นตอที่ผู้บริโภคเจอได้ และยังสามารถสร้างให้ผู้บริโภคนั้นมีใจแล้วกลับมาใช้จ่ายกับผู้บริโภคได้อย่างมาก การใช้ Design Thinking นั้นแบรนด์ต้องลดอัตตาตัวเองลงอย่างมาก และเริ่มคิดแบบ Human Centric Centric ที่คิดว่ามนุษย์นั้นมีพฤติกรรมกับสิ่งแวดล้อมอย่างไร และจะช่วยให้พฤติกรรมนั้นดีขึ้นอย่างไรขึ้นมาก็ตาม (ลองอ่านหนังสือ Change by Design ของ Tim Brown ดู)
  4. UX/UI ที่จะเปลี่ยนไป เพราะอนาคตนั้นมนุษย์จะเปลี่ยนการสั่งงานจากการใช้พิมพ์นิ้วหรือกวาดนิ้วนั้นไปเป็นการสั่งงานด้วยเสียง การคิดถึง UX/UI ของการทำงานด้วยเสียงนั้นจะกลายเป็นสิ่งจำเป็นขึ้นมาอย่างมากว่าจะทำให้ผู้บริโภคสามารถใช้งานได้ดีอย่างไร นอกจากนี้ยังต้องคิดถึงการสั่งงานที่ลองลงมือคือแบบ Conversation ที่ต้องคิดว่าจะสร้าง Application หรือ Service ที่สามารถโต้ตอบปฏิสัมพันธ์ของแบรนด์อย่างไรที่มี UX/UI ที่เป็น Conversation ได้
  5. Hyper-Personalization การสร้าง Service ที่เรียกได้ว่า Personalised ในระดับบุคคลขึ้นมาด้วยการใช้ระบบ Automation ในการทำ A/B Testing นับล้าน ๆ ครั้งจนสามารถสร้างบริการที่หน้าตาไม่เหมือนกันเลยในแต่ละคน หรือสามารถนับเสนอสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการในแต่ละความต้องการบุคคลได้เลย ที่นี้บริการด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ มีทีมที่ทำ A/B Testing ที่ใหญ่มาก และสามารถสร้างจำนวนบริการที่แตกต่างกันนับล้านรูปแบบให้แต่ละคน ทำให้คนมีความพึ่งพอใจในการบริการ และอยู่กับบริการหรือใช้จ่ายกับบริการได้นานนับเท่าที่ต้องการได้เลย

Screen Shot 2560-03-23 at 12.15.24 PM

Bonus : VR/AR/MR หรือ Virtual/Augmented/Mixed Reality เป็นกลุ่มที่มีการพูดถึง และมี Show มาที่สุดในงาน แต่ด้วยกระแสของ VR/AR/MR ที่ยังไม่ได้เหมาะในระดับ Brand หรือ Marketing อย่างจริงจัง หรือทำให้เหมาะกับ Consumer Use แบบทุกคนได้ ทำให้ VR/AR/MR ตอนนี้ยังเหมาะในระดับ B2B มากกว่าหรือ Internal use ในองค์กรของตัวเอง ในการเทรนนิ่งพนักงาน หรือช่วยพนักงานในการจัดการที่ให้พนักงานอาวุโสกว่าติดตามหรือสอนงานได้ในระดับ Realtime ทันที

Screen Shot 2560-03-23 at 12.06.26 PM

ทั้งนี้นี่คือ 5 เรื่องที่น่าสนใจจาก SXSW 2017 ปีหน้าในงาน SXSW น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอีกอย่างแน่นอน เนื่องด้วยปีนี้คำว่า Interactive นั้นไม่พออีกต่อไปกับ SXSW อีกแล้ว แต่นักการตลาดและแบรนด์นั้นต่างต้องการที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของจิตใต้สำนึกและแก้ปัญหาของผู้บริโภคให้ถูกจุดต่อไป


  • 187
  •  
  •  
  •  
  •  
Molek
Head of Strategic Marketing ใน Integrated Service Agency ที่หนึ่ง ผู้หลงใหลในหลาย ๆ ที่มีความอยากรู้และเรียนรู้ในเรื่อง Startup, นวัตกรรม, การตลาด จากมุมมองหลาย ๆ ด้านและวัฒนธรรมของแบรนด์ต่าง ๆ