5 เครื่องมือทาง Digital ที่ควรมีในปี 2016 เพื่อทำการตลาดให้สำเร็จในปี 2016

จากคราวที่แล้วได้มาเล่าเทรนด์ที่น่าจะเกิดขึ้นในประเทศไทยปี 2016 แล้ว มาในตอนนี้หลังจากได้ทำการรีวิวทั้งปีมาก็พอจะเห็นภาพแล้วว่าอนาคตปี 2016 นั้นจะมีเรื่องอะไรสำคัญบ้าง โดยในวันนี้ผมจะมานำเสนอเรื่องเครื่องมือทาง Digital ที่จะมีความสำคัญในปี 2016 เพื่อที่ให้คนทำ Digital Marketing ได้เตรียมตัวเอาไว้รับมือ และมีความได้เปรียบทางการตลาดจากการใช้เครื่องมือเหล่านี้

คงไม่ต้องบอกกันแล้วว่า Digital นั้นกลายมามีความสำคัญมากเพียงใดในช่วงเวลาที่ผ่านมา และนับวันเส้นคั่นแบ่งระหว่างโลก Digital และ Traditional นั้นหายไป การที่ต้องมีเครื่องมือหรือการใช้งาน Digital เข้าเป็นส่วนหนึ่งของแผยการตลาดนั้นไม่ใช่ตัวเลือกอีกต่อไป แต่เป็นความจำเป็นที่ต้องทำเพื่อให้อยู่รอดหรือมีความได้เปรียบทางธุรกิจในปี 2016 นี้ ทั้งนี้ผมจะมารีวิวว่าเครื่องมือใดจะมีความสำคัญอย่างมากในปี 2016 นี้โดยใช้ประสบการณ์ที่อยู่ในการทำงานด้าน Agency นี่มาเล่าให้ฟังครับ

1. Programmatic Advertising

เราเริ่มเห็นแล้วว่าการตลาดแบบที่ใช้ Demographic นั้นกำลังหมดยุค มีน้อยมากที่ซื้อโฆษณาออนไลน์โดยใช้ Demogrphaic เป็นตัวตั้งตัน เพราะนักการตลาดหลาย ๆ คนนั้นจะใช้จะวิธีการซื้อโฆษณาที่เลือกตามพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย หรือความชอบ/ความสนใจของกลุ่มเป้าหมายแทน เนื่องจากได้กลุ่มคนที่ตรงต้องการมากกว่าการซื้อโฆษณาออนไลน์แบบ Demogrphic และเนื่องด้วยความสนใจคนนั้นจะหลากหลาย การซื้อเพียงเว็บใด เว็บหนึ่งที่กลุ่มเป้าหมายนั้นสนใจอาจจะไม่พอ

Programmatic Advertising กลายมาเป็นคำตอบในการซื้อโฆษณาออนไลน์ในยุคนี้ ที่สามารถทำให้นักการตลาด Digital ได้กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ และคนที่ขายพื้นที่โฆษณาก็สามารถขายโฆษณาได้ราคาที่ยุติธรรม ทั้งนี้ทำให้นักการตลาด Digital นั้นไม่ต้องทำการตลาดแบบหว่านแหอีกต่อไปและเสียเงินไปกับกลุ่มคนที่ไม่ได้ต้องการสื่อสารเปล่า ๆ ทำให้ใช้เงินได้มีประสิทธิภาพได้มากที่สุด

2. Viewability

ช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ ผมเริ่มเจอคำถามเรื่อย ๆ เรื่องการ “เห็น” ของโฆษณาที่ทำไป หรือจำนวนการดูวิดีโอคลิปในโลกออนไลน์นั้นถูกดูจริงหรือดูไม่จริง ซึ่งความแตกต่างที่จะเกิดขึ้นในโลกออนไลน์อีกต่อไปและจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำการตลาดให้ได้ผลจริง ๆ นั้นคือจำนวนการเห็นจริง ไม่ใช่จำนวนการโหลดโฆษณาอย่าง Impression ที่ผ่านมา

ในรอบปีที่ผ่านมา iab ได้ผลักดันมาตรฐาน Viewability หรือการเห็นของโฆษณาจริงบนหน้าเว็บหรือแอพต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้นักการตลาดนั้นได้จ่ายเงินกับจำนวนการเห็นที่จริงมากกว่าการจ่ายให้จำนวนการโหลด (ซึ่งอาจจะอยู่ข้างล่างของ Desktop หรือหน้าจอที่ยังไม่เลื่อนขึ้นมา) ทั้งนี้เครื่องมือนี้กำลังถูกผลักดันเช่นกันจากเว็บใหญ่ ๆ อย่าง Google หรือ Facebook ที่ให้แสดงผลโฆษณาแบบ Viewability และให้ 3rd Party มาวัดด้วย

3. Social Listening & Monitoring

ปีนี้เป็นปีที่เริ่มต้นสำหรับนักการตลาดที่ใช้ Social Listening & Monitoring อย่างมากมาย และในปีหน้านี้การใช้เครื่องมือจะทำให้นักการตลาดเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหรือรับรู้ความต้องการและความเห็นของคนที่ใช้สินค้าและบริการได้มากขึ้น จัดการปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นไปอีก แถมยังทำให้นักการตลาดนั้นรู้ว่าใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ ใครกันที่ต่อต้านแบรนด์เรา

ทั้งนี้จากปีที่ผ่านมานอกจากเครื่องมือที่ใช้กันอิสระจากผู้ให้บริการ Social Listening & Monitoring แล้ว ในฝั่ง Agency เองก็มีการพัฒนาเครื่องมือพวกนี้เพื่อมาใช้รองรับการทำงานกับลูกค้าต่าง ๆ ให้รวดเร็วมากขึ้นและได้ digital insight ที่จะสามารถช่วยเหลือลูกค้าตัวเองให้ทำการตลาดออนไลน์ได้ตรงมากขึ้น ด้วยเครื่องมือนี้จะทำให้นักการตลาดที่มีเครื่องมือนี้ไว้ในมือสามารถสร้างความได้เปรียบทางการตลาดมากขึ้น คุยกันที่ตัวเลขที่ตรงกันมากขึ้น และมีมาตรฐานที่เป็นค่าวัดเดียวกันมากขึ้นไปอีก

4. Adtech

ปีที่ผ่านมานี้เริ่มมี Startups ที่ทำเทคโนโลยีด้าน Adtech ขึ้นมาหรือเทคโนโลยีการโฆษณาออนไลน์ อย่างเช่น Adoptimal หรือ Adpocket ที่เพิ่งเปิดตัวนั้นเอง โลกของ Digital Advertising แบบเก่านั้นกำลังถูก Disrupt ลงจาก Adtech ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ทำให้นักการตลาดนั้นสามารถมีช่องทางที่จะเข้าไปสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น มีการเก็บข้อมูลที่เพิ่มขึ้นผ่าน Adtech นี้

Adtech นั้นกลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญของนักการตลาดมากขึ้นไปอีก และมีเครื่องมือทาง Adtech หลายๆ แบบ โดย Adtech นี่กลายมาเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะมีกระทั้งงาน Adtech Confernce ที่ใหญ่มากที่บริษัทที่ให้บริการด้านเครื่องมือเทคโนโลยีโฆษณามานำเสนอ ใกล้ ๆ บ้านเราก็จัดกันที่สิงคโปร์เป็นประจำ ใครสนใจก็เดินทางไปร่วมงานและร่วมพูดคุยกับผู้ให้บริการ Adtech นี้ได้ ซึ่งเครื่องมือพวกนี้จะสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้นักการตลาดได้อย่างไม่รู้จบ

5. Digital OOH

เมื่อ Digital เข้ามาการทำแค่ OOH แบบเดิมก็จะเริ่มหายไป ทุกวันนี้เราเริ่มจะเห็น Digital OOH มากขึ้นมีตั้งแต่เล่นภาพนิ่งธรรมดา เป็นวิดีโอ เป็น Interactive จนกระทั่งเป็นเกมส์เล่นกันที่ Siam Paragon หรือมีเป็น Realtime ที่คนไปเล่นแล้วได้ขึ้น OOH อย่างห้าง Emquartier ด้วยสื่อที่มีการเคลื่อนไหวแบบนี้หรือมีลูกเล่นเพิ่มขึ้นนั้นทำให้ Digital OOH นั้นมีคนสนใจดูมากขึ้น มากกว่าจะแค่ผ่านและนับเป็น Eye Ball อย่างในอดีตที่ผ่านมา

ด้วยเทคโนโลยีที่มานี้ทำให้การวัดผลทาง Traditional Media บางตัวเริ่มใช้มาตรวัดแบบเดียวกับโลกออนไลน์ และในทางออนไลน์เองก็ใช้มาตรวัตรแบบ Traditional เช่น eGRP/iGRP ทำให้นักการตลาดสามารถควบคุมสื่อได้ง่ายมากขึ้นไปอีก ทั้งนี้สื่อ OOH เมืองไทยนั้นยังมีช่องว่างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและเติบโตได้อีกมาก และจะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่คนทำ Digital ควรจะมีไว้ในมือเพื่อที่จะสื่อสารและปฏิสัมพันธ์กับคนได้ทันที

ทั้งนี้ 5 เครื่องมือนี้เป็นเครื่องมือที่น่าจะมีความสำคัญในปี 2016 ขึ้นมา ผนวกกับเครื่องมือเก่า ๆ ที่ยังจะคงเป็นกระแสต่อไปในปี 2016 จากปี 2015 เช่น Mobile, Content, Social หรือ Storytelling และกับเรื่องราวที่ควรต้องติดตามต่อไปในเรื่องย่อย ๆ อย่าง Ad fraud, Ad Blocker ที่จะมีผลกับการทำ Native Advertising เพิ่มขึ้นจะยังคงเป็นเรื่องสำคัญในปี 2016 ต่อไป ทั้งนี้ลองดูว่า 5 เครื่องมือตรงใจกับที่นักการตลาด Digital คิดไว้ไหม หรือมีเครื่องมือไหนที่ยังไม่รู้จักและยังไม่มีก็ควรต้องเริ่มเตรียมหาไว้