Social Media นับว่าเป็นเครื่องมือหลักในการทำการสื่อสารทางการตลาดในยุคนี้อย่างมาก เพราะสามารถเข้าไปเชื่อมต่อกับผู้คนได้อย่างมากมาย และเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคนั้นเข้ามาติดต่อและพูดคุยกับแบรนด์ได้โดยตรง จากที่อดีตที่ไม่มีการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้บริโภคและแบรนด์เลย ทำให้ Social Media กลายเป็นที่สามารถสร้างฐานแฟน ๆ ของคนใช้สินค้าและบริการของตัวเองขึ้น และสามารถใช้ฐานแฟน ๆ เหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ในแง่การตลาดอื่น ๆ ขึ้นมาได้
และเมื่อ Social Media มีการใช้งานมากมายในหมู่นักการตลาดเช่นนี้ ทำให้นักการตลาดหลาย ๆ คนพยายามเรียนรู้ หรือหาข้อมูลใหม่ ๆ เพื่อยกระดับการตลาดผ่านช่อง Social Media และเมื่อใครบอกว่าอะไรดี ก็ทำตาม ๆ กัน เหมือนเป็นความเชื่อแบบหนึ่ง ซึ่งวันนี้ผมมี 4 ความเชื่อที่ไม่จริง ที่นักการตลาดควรจะเลือกเชื่อและเลิกทำตามความเชื่อเหล่านี้สักที
1. ควรโพสในเวลาที่เฉพาะเจาะจงต่อวัน : หลาย ๆ ครั้งเรามักจะเจอ Infographic หรือการที่บริษัทด้านการเก็บข้อมูลออกมาบอกว่า นี้คือเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการโพส social media ออกมา แต่เอาเข้าจริงแล้วเวลาพวกนี้มันเวิร์คจริง ๆ ไหม คำตอบคือไม่เลย เพราะแต่ละเพจ แต่ละกลุ่มของผู้บริโภคก็มีเวลาปฏิสัมพันธ์ที่ต่างกัน ตัวอย่างเช่น ถ้าเรารู้ว่ากลุ่มของนักการตลาดคือแม่บ้าน ชอบมีเวลาเข้ามาเล่น Social Media ในตอนบ่าย ๆ แต่กลับไปเชื่อในข้อมูลที่มาบอกว่าต้องโพสเย็น ลองคิดว่าจะมีแม่บ้านสักกี่คนจะมาเจอโพสของคุณในเวลานั้นพอดี
สิ่งที่ควรทำคือการที่ต้องเริ่มใช้เครื่องมือวิเคราะห์ของตัวเองออกมา และหาว่าในแต่ละวัน คนชอบเข้ามาดูเนื้อหาที่เพจของนักการตลาดในเวลา และยิ่งไปกว่านั้นวิเคราะห์ให้รู้เลยว่า ในแต่ละวันและช่วงเวลา เนื้อหาแบบไหนที่คนต้องการขึ้นมา
2. ต้องเข้าไปอยู่ในทุก ๆ Platform นะ : หลาย ๆ ครั้งนักการตลาดจะเจอการบอกว่าควรเข้าไปทำ Social Media ทุก ๆ อัน เพราะไม่งั้นจะพลาดโอกาสอย่างมากในการทำการตลาด แต่ในทางที่ถูกต้องแล้ว กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะการที่เอาตัวเองไปอยู่ทุก ๆ Platform Social Media นั้นจะทำให้ขาดการโฟกัสไปอย่างมาก และทำให้ขาดการสร้างสัมพันธ์ที่เฉพาะกับกลุ่มเป้าหมายขึ้นมาอย่างมาก ตัวอย่างของ Seth Godin นักการตลาดชื่อดัง ไม่เคยทำ Social Media เลย และเขียน Blog อย่างเดียว เพื่อให้คนมาตามที่ blog มากกว่าและได้ปฏิสัมพันธ์กับ Seth Godin ใน Blog ไปเลย
ทั้งนี้นักการตลาดควรเลือกว่า ช่องทางไหนที่ตัวเองจะใช้แล้วจะได้ผลที่ดีที่สุดขึ้นมา เพื่อให้สามารถทุ่มแรวงทั้งหมดและสร้างให้เกิดปรากฏการณ์พิเศษกับกลุ่มเป้าหมายได้ขึ้นมา
3. ต้องโพสเยอะ ๆ : หลาย ๆ ครั้งเราจะเจอความเชื่อของกูรู บางคนที่บอกว่า ทำ Social Media ต้องโพสเยอะ ๆ เพราะการที่ Facebook ลด Reach มาทำให้เราต้องโพสเพื่อชดเชย Reach ที่หายไปนั้นออกมา แต่ในความจริงแล้วหลาย ๆ Social Media Platform นั้น การโพสเยอะกลายเป็นโทษมหันต์ขึ้นมาเลยทีเดียว ตัวอย่างเช่นพวก Blog การโพสเยอะ ๆ ต่อวัน กลายเป็นความน่ารำคาญ เหมือนทำไมไม่ทำอะไรให้จบภายในทีเดียว หรือมีเรื่องสำคัญค่อยมาพูด ไม่ใช่มีอะไรก็มาโพสหมด ใน Facebook เองยิ่งโพสเยอะเข้าไปในระบบ ยิ่งทำให้ระบบเชื่อว่าคุณกำลังทำโพสแย่ ๆ เข้ามา ทำให้เพจคุณจะมี Reach ลดเพิ่มขึ้นไปอีก
ทั้งนี้นักการตลาดต้องเริ่มคิดในทางกลับกันว่า ยิ่งโพสน้อยลง ยิ่งดี ทำให้รู้สึกว่าเป็นของหายาก มีคุณค่า และต้องมาติดตามว่าคุณจะโพสอะไรต่อไป ทำให้เกิดความคาดหวังของผู้บริโภคและทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์เพิ่มขึ้นมา
4. ต้องอยู่ในออนไลน์ตลอดเวลาไม่งั้นคนจะหนีจากคุณไป : ความเข้าใจผิดนี้เป็นความเข้าใจผิดที่คนเชื่ออย่างมาก แต่เมื่อมองในมุมกลับกันแล้ว ผู้บริโภคที่หนีออกไปเพราะลืมคุณจากการที่คุณไม่ได้โพสเนื้อหา แสดงว่าผู้บริโภคกลุ่มนี้ไม่ได้สนใจคุณหรือมีใจให้คุณมาตั้งแต่แรกแล้ว เพราะถ้าผู้บริโภคที่ดี จะรุ้ว่าเมื่อไหร่คุณจะโพส หรือแม้ไม่ได้รอ แต่จะสนใจทุกครั้งที่คุณมีโพสอะไรใหม่ ๆ ออกมา และไม่รอช้าที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับคุณกลับมา
ทั้งนี้สิ่งที่นักการตลาดควรทำคือ การเป็นตัวของตัวเองใน Social Media Platform และสร้างเนื้อหาดี ๆ ออกมา ที่มีคุณค่าต่อผู้บริโภคมากกว่า จะมาคอยกังวัลว่าจะโพสกี่ครั้งต่อวัน หรือต้องออนไลน์ โพสทุกวันหรือเปล่า อย่างที่บอกไป ปริมาณ ไม่มีผลเท่ากับคุณภาพในยุคนี้
4 เรื่องความเข้าใจผิดนี้ มีมานานใน Social Media จากการทำ Social Media Platform ในยุคแรก แต่เมื่อกาลเวลาเปลี่ยน พฤติกรรมคนเปลี่ยน และเทคโนโลยีเปลี่ยนไป การเอาความเชื่อเก่า ๆ ที่เคยได้ผลในอดีตมาใช้ก็จะไม่ได้ผลอีกต่อไปแล้ว
