ทั้งปี 2016 ที่ผ่านมานี้ ต้องนับว่าเป็นปีที่ Video Content นั้นมาแรงจริง ๆ ซึ่งเป็นผลมาจากการแข่งขันของ Facebook และ Google เองในการแย่งผู้ใช้งานอินเทอร์เนตเข้ามาใช้ใน Platfrom ของตัวเอง นอกจากนี้ก็ยังมีการแข่งขันของทั้งนักการตลาด สื่อออนไลน์ และผู้ใช้ทั่วไปที่ต่างก็สร้างวิดีโอจำนวนมากมายและโพสมายังสื่อออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อแย่งผู้ชมและสร้างการมีตัวตนของตัวเองขึ้นมา
Video Content นั้นเป็นกระแสของการทำการตลาดที่แรงมากในช่วงเวลาที่ผ่านมาในปีนี้และมีการพัฒนาทั้งนวัตกรรมและรูปแบบการทำอย่างมากมาย เพื่อสร้างสรรค์ให้คนที่เข้ามาดูนั้นรู้สึกสนุกหรือมีอารมณ์ร่วมไปกับวิดีโอที่ทำออกมา แล้วแชร์ออกไปเพื่อให้ได้กระแสมากขึ้น ทั้งนี้จากการวิจัยในต่างประเทศนั้นมีการคาดการณ์กันว่ามูลค่าของการทำ Ads ที่จะลงไปอยู่กับ Video Content จะเพิ่มขึ้นไป 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกาภายในปี 2019 อย่างแน่นอน ซึ่งในปี 2016 มูลค่าโฆษณาที่ลงไปใน Video Content อยู่ที่ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ซึ่งนี้หมายความว่าภายในปี 2017 มูลค่าโฆษณาที่ลงไปจะเพิ่มขึ้นมาก และนักการตลาดต้องแย่งกันที่จะสร้างวิดีโอที่สามารถดึงดูดผู้ชมเข้ามา การเข้าใจว่าปี 2017 นั้นต้องทำอะไร หรือจะทำแบบไหนที่จะนำหน้าคนอื่นได้นั้นจึงมีความสำคัญอย่างมาก ทั้งนี้จากครึ่งปีหลัง 2016 ที่ผ่านมาทั้งนักการตลาด คนทำเอเจนซี่และสื่อหลาย ๆ คนที่ติดตามกระแสหรือข่าวทางการตลาดนั้นเห็นได้ชัดว่ามีรูปแบบที่แน่ชัดในปีหน้าแล้วว่าจะเป็นสิ่งที่ทำกันแน่นอน นั้นคือ Live Video, การวัดผลที่ต้องดีขึ้นกับวิดีโอ และ การแข่งขันที่สูงขึ้นไปอีกกับ Platform Video ต่าง ๆ ที่มีในตอนนี้
เมื่อ Live Video มาและคนนั้นจะดูมากขึ้นไปอีก
กระแส Live Video ในตอนนี้นั้นมาแรงอย่างมาก และไม่ใช่แค่ผู้ผลิตสื่อที่สามารถถ่ายทอดสดช่วงเวลาที่ต้องการต่าง ๆ ลงในสื่อออนไลน์ได้ แต่ผู้บริโภคทั่วไปก็แสดงออกลงในช่องทางออนไลน์ของตัวเอง (ไม่ว่าจะด้านดีหรือไม่ดี) ทั้งนี้ด้วย Live Video ที่เกิดขึ้นมานี้ทำให้ผู้ขึ้นนั้นเข้าถึงกันได้มากขึ้นไปกว่าเดิม เชื่อมต่อได้มากกว่าเดิม ส่งต่อความรู้สึกผ่านการถ่ายทอดสดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Moment สั้น ๆ Stories ของตัวเอง หรือ Snap ช่วงเวลาเอาไว้ ในตอนนี้นั้นการใช้ Live Video นั้นเกิดขึ้นอย่างมากมายทั่วทั้งโลก ผ่าน Platform ที่มีอยู่ในปัจจุบันต่าง ๆ มากมาย และทำให้คนที่เข้ามาดูได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกผ่านวิดีโอเหล่านี้ นักการตลาดต้องเริ่มคิดว่าจะเข้าไปอยู่ใน Live เหล่านี้ได้อย่างไรให้ได้ผลมากที่สุด ที่ไม่ใช่ทำการ Live ด้วยตัวเองซึ่งทำไปอาจจะไม่มีคนดูเลย การหา Content Creator ในมือไว้จะกลายเป็นเรื่องสำคัญ
คนดูมากขึ้น วิธีวัดผลก็สำคัญ
เมื่อคนดูมากขึ้นไปอีก สิ่งสำคัญที่สุดคือการวัดผล ด้วยตอนนี้ต่างคนต่างทำ Platform การ Live ขึ้นมาก แต่วิธีการวัดผลนั้นยังจบลงที่แค่ยอดคนดูที่นิยมใช่กัน และยังไม่มีมาตรฐานว่าจะวัดอย่างไร หรือวัดเทียบ Platform ต่าง ๆ เพื่อหามาตรฐานว่าวิดีโอที่ไหนทำงานดีที่สุดนั้นยังไม่เกิดขึ้นมา และการวัดผลเพื่อให้รู้ว่า Video Content ที่ทำนั้นได้ผลจริง ๆ หรือไม่จะกลายเป็นเรื่องปวดหัวต่อไป เพราะด้วยปีที่ผ่านมา Facebook ประกาศถึงความผิดพลาดของการวัดใน Platform ตัวเอง ทำให้การวัดผลในปีหน้าจะต้องมีความแม่นยำมากขึ้นและมีการใช้ 3rd Party เข้ามาวัดความถูกต้องอย่างแน่นอน รวมทั้งการที่คนดิจิทัลเริ่มมีมากขึ้น การเข้าใจดิจิทัลนั้นก็มีมากขึ้น จนถึงงบประมาณที่ลงไปก็ต้องมีมากขึ้น ทำให้การแค่วัดว่าเกิด View เท่าไหร่จะไม่พออีกต่อไป แต่ต้องวัดไปถึงค่า ROI ต่าง ๆ ให้ได้ทันที นักการตลาดต้องรู้เรื่องการวัดค่าต่าง ๆ อย่างมาก และเริ่มสนใจอะไรที่มากกว่ายอดคนดู และทำวิดีโอที่เหมาะที่จะให้เกิดการซื้อมากที่สุดขึ้นมาให้ได้
Platform มากมายที่เกิดขึ้นและแข่งขันด้านนวัตกรรม
การแข่งขันที่เกิดขึ้นของเจ้าแห่งการ Live Video สั้น ๆ อย่าง Snapchat และผู้ท้าชิงที่กำลังพัฒนาคุณสมบัติอย่าง Instagram ทำให้กระแสของการ Live Video นั้นมาแรงเข้าไปอีกแถมผู้คนที่ใช้ Instagram และไม่มี Snapchat ได้ใช้ Feature ที่เหมือนกันผ่าน Instagram นี้เอง ซึ่งนี้เป็นตัวเร่งให้คนนั้นหันมา Live สั้น ๆ ช่วงเวลาที่มองเห็นพร้อมกับใส่ Filter ได้มากขึ้น (คนทำการตลาดเรียกว่า Informal Video) นอกจาก Snapchat กับ Instagram ที่แข่งกันใน Live Video สั้น ๆ ก็ยังมีการแข่งขันของการทำ Live Video ยาว ๆ อย่าง Facebook และ Youtube ที่ต่างก็หันไปจับ Content Creator หรือเร่งให้ผู้ชมนั้นต้องทำ Live หรือดู Live เพิ่มขึ้น แถมมีคู่แข่งที่ 3 อย่าง Twitter โผล่ขึ้นมา ซึ่งการแข่งขันนี้จะทำให้เกิดการแข่งขันนวัตกรรมที่จะแย่งชิงคนทำวิดีโอและคนวิดีโอแน่นอนที่สุด นักการต้องเตรียมพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงหรือรับมือเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ ๆ เกี่ยวกับวิดีโอในปีหน้าเอาไว้ เพื่อให้นำหน้าคู่แข่งได้ในที่สุด
3 เรื่องนี้เป้นสิ่งที่นักการตลาดนั้นคาดว่าจะเกิด ซึ่งอาจจะไม่เกิดก็ได้ แต่อย่างไรก็ตามปีที่ผ่านมานั้นกระแสของ Video Content นั้นทำให้เห็นแล้วว่า Video Content นั้นเพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มโตและพัฒนาอยู่ ในปีถัดไปจะเริ่มกลายเป็นการเติบโตอย่างจริงจัง และจะเป็นปีที่น่าสนใจของการมาถึงวิดีโอในรูปแบบต่าง ๆ อย่างแน่นอน