ธุรกิจไหนที่วางตัวเองว่าเป็นธุรกิจที่ใช้ข้อมูลในการตัดสินใจและดำเนินการ (Data-driven) มีแนวโน้มที่จะมีทำกำไรมากขึ้นและดำเนินการดีขึ้น ถ้าอ้างอิงตามศูนย์ธุรกิจดิจิทัลจาก MIT ธุรกิจพวกนี้จะทำผลงานได้ดีขึ้น 5% และมีกำไรมากกว่าคู่แข่ง 6% ปัญหาก็คือเพราะธุรกิจไม่สามารถจัดการกับข้อมูลได้ โดยเฉพาะ Big Data ทำให้ธุรกิจส่วนใหญ่ชอบพึ่งสัญชาตญานมากกว่าข้อมูลในการตัดสินใจ อาจเกิดความเสียหายต่อธุรกิจได้ ฉะนั้นธุรกิจต้องรู้จักใช้ข้อมูลให้เป็น Big Data ที่ไม่ใช่แค่ชื่อเรียกอีกชื่อของวิธีการวิเคราะห์ข้อมูล แต่เป็นข้อมูลที่มีลักษณะ 3 อย่างตามนี้
1. ปริมาณ (Volume)
ปริมาณข้อมูลจำนวนมากจนไม่สามารถเก็บได้ในอดีต แต่เมื่อมีเทคโนโลยีเข้ามาก็ทำให้เราจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ได้ง่ายกว่าเดิม ถ้าใครยังนึกภาพไม่ออก ให้ย้อนไปปี 2012 มีข้อมูลขนาด 2.5 exabyte (หนึ่งพันล้าน Gigabyte) ที่เกิดขึ้น “ทุกวัน” และเพิ่มขึ้นสองเท่าทุกๆ 40 เดือน ข้อมูลที่แลกเปลี่ยนบนอินเตอร์เน็ตเยอะกว่าข้อมูลที่ถูกเก็บเมื่อ 20 ปีที่แล้ว และที่สำคัญข้อมูลไม่ได้มากจากอินเตอร์เน็ตอย่างเดียว แต่มาจากการทำธุรกรรมของผู้บริโภคในทุกๆวัน ข้อมูลมหาศาลขนาดนี้เป็นโอกาสดีที่ธุรกิจจะเข้าไปใช้ประโยชน์
2. ความเร็ว (velocity)
หลายๆแอปพลิเคชั่นความเร็วสำคัญกว่าริมาณข้อมูล เราสามารถเข้าถึงและจัดการข้อมูลได้ทันที ธุรกิจไหนที่เก็บและวิเคราะห์ข้อมูลได้ตรงเวลา (Realtime) ก็ได้เปรียบคู่แข่ง เช่นใช้ข้อมูลตำแหน่งจากโทรศัพท์ของคนที่มาจอดรถหน้าร้านในแต่ละวันโดยเฉพาะช่วงเทศกาล แล้วเอาไปวิเคราะห์ทำนายได้ว่าแต่ละวันร้านจะมียอดขายเท่าไหร่
3. ความหลากหลาย (Variety)
ข้อมูลที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นข้อความ วิดีโอ รูปภาพ และอื่นๆเช่นสัญญาน GPS หรือข้อมูลจากเซนเซอร์ ที่สำคัญคือแหล่งข้อมูลเดี๋ยวนี้พัฒนาไปตามเทคโนโลยี เช่นข้อความจากโทรศัพท์ ตอนนี้มีข้อความจาก Twitter รายการสดในทีวี ตอนนี้ก็มีรายการสดใน Facebook ถ้าลงทุนเก็บข้อมูลมหาศาลพวกนี้ ต้องใช้ต้นทุนที่สูงมากๆ แต่การเข้าถึงข้อมูลพวกนี้ กลับมีต้นทุนที่ต่ำลงเรื่อยๆ ถ้าธุรกิจใช้เทคโนโลยีจัดการข้อมูลพวกนี้เป็นก็จะทำให้ธุรกิจเพิ่มกำไรและทำงานได้ดีขึ้น ไม่เว้นแต่การทำสินค้าหรือออกโปรโมชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของแต่ละคน (Personalised Promotion) หรือปรับแต่งเว็บไซต์ให้เข้ากับพฤติกรรมของคนที่เข้ามาดูเว็บไซต์ได้ด้วย Google Analytics เดี๋ยวนี้เครื่องมือไว้จัดการกับ Big Data ก็ไม่จำเป็นต้องมีต้นทุนสูง แล้วแต่ขนาดของธุรกิจด้วย ที่สำคัญต้องรู้จักคิดว่าข้อมูลที่เรามีกำลังบอกอะไรเรา? ข้อมูลมาจากไหน? ใช้วิธีหรือเครื่องมืออะไรมาวิเคราะห์ข้อมูล คำตอบที่วิเคราะห์ออกมาเชื่อได้มากน้อยแค่ไหน? การฝึกตั้งคำถามแบบนี้ก็ช่วยให้เราตัดสินใจทำการตลาดและธุรกิจได้เฉียบคมขึ้นครับ แหล่งข้อมูล https://hbr.org/2012/10/big-data-the-management-revolution