ท่ามกลางสถานการณ์ COVID-19 ที่สร้าง “วิกฤต” ให้ภาคธุรกิจ จนส่งผลกระทบไปทั่วทุกอุตสาหกรรม แต่สำหรับ “Online Station” ในฐานะผู้นำสื่อเกม และเครือข่าย Influencer อันดับ 1 ภายใต้เครือทรู สถานการณ์นี้ไม่ใช่ “วิกฤต” สำหรับองค์กร เพราะย้อนหลังไปเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา Online Station เคยผ่านวิกฤตครั้งใหญ่มาแล้ว
จากภาวะ “Disrupt” ที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงในอุตสาหกรรมสื่อ คุณต่อบุญ พ่วงมหา กรรมการผู้จัดการบริษัท Online Station จึงเลือกกลยุทธ์ Digital Transformation เข้ามากอบกู้สถานการณ์ พร้อมปักธงพาองค์กรสู่เป้าหมายการเป็น “One Stop Service” เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคและกลุ่มลูกค้าองค์กรที่ต้องการคอนเทนต์และดิจิทัลโซลูชันเพื่อการทำตลาด โดยคุณต่อบุญ เล่าว่า เทรนด์การเสพคอนเทนต์ของคนไทยเริ่มเปลี่ยนไป ไม่ได้บริโภคคอนเทนต์ประเภทเดียวเหมือนในอดีต แต่มองหาคอนเทนต์ผ่าน Multi Channel อ่านบทความ ชอบรีวิว และดูวิดีโอ บริษัทจึงปรับรูปแบบการนำเสนอคอนเทนต์ให้เข้าถึงผู้บริโภคผ่านช่องทางออนไลน์ รวมทั้งเปลี่ยนรูปแบบการสร้างรายได้ จากการเป็นสปอนเซอร์ชิปและลงโฆษณาออฟไลน์ผ่านแมกกาซีน เป็นการซื้อแบนเนอร์บนเว็บไซต์และวิดีโอ รวมถึงการเติมเต็มรายได้ด้วยธุรกิจรูปแบบอื่นเพื่อตอบโจทย์ภาคธุรกิจที่หันมาทำตลาดออนไลน์และนิยมใช้ Influencer มากขึ้น
อย่างในช่วงนี้ ทั้งภาคธุรกิจ แบรนด์ต่าง ๆ องค์กรทั้งรัฐและเอกชน ล้วนออกมาสร้างการรับรู้ถึงผู้บริโภค โดยย้ำให้ทุกคนลดความเสี่ยงให้ตนเองและผู้อื่นด้วยการอยู่บ้าน ในฐานะผู้นำสื่อเกม และเครือข่าย Influencer อันดับ 1 ภายใต้เครือทรู Online Station ก็ออกแคมเปญ “อยากให้ทุกคนอยู่บ้าน” ซึ่งให้เหล่า Influencer ในสังกัดร่วมกันสร้างสรรค์วิดีโอเพื่อรณรงค์เรื่องดังกล่าวและให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องเสียสละตนเองและปฏิบัติหน้าที่อย่างหนักในวิกฤตครั้งนี้
พลิกความสำเร็จ 10 ปีบนสิ่งพิมพ์ สู่สนาม “Digital Content”
ย้อนกลับมาถึงการฝ่าวิกฤตทางธุรกิจของ Online Station คุณต่อบุญ ย้อนให้ฟังว่า บริษัทเชี่ยวชาญคอนเทนต์เกมซึ่งครองใจกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นยาวนานกว่า 10 ปี โดยเริ่มต้นธุรกิจจากแมกกาซีนเกมในชื่อ ออนไลน์ สเตชั่น ก่อนจะทรานส์ฟอร์มสู่ Digital Content ผ่าน www.online-station.net ในฐานะเว็บไซต์แวดวงเกม การ์ตูน และไลฟ์สไตล์ที่กลายเป็นคอมมูนิตี้อันดับ 1 ของเหล่าคอเกม โดยปัจจุบันมีผู้เข้าชมกว่า 13.1 ล้านคนต่อปี
นอกจากเว็บไซต์แล้ว Online Station ยังเสิร์ฟ Digital Content ในรูปแบบและช่องทางอื่น อาทิ ธุรกิจ “MCN หรือ Multi Channel Network” จากการเป็นพาร์ทเนอร์กับ YouTuber โดยเฉพาะสายเกม ซึ่งบริษัทรับหน้าที่ดูแลและให้คำแนะนำในการบริหารจัดการ Channel รวมถึงบริหารเนื้อหาวิดีโอของเหล่า YouTuber ในสังกัด เพื่อส่งเสริมให้มียอด Subscribers และยอดวิวมากขึ้นเพื่อสร้างรายได้ในฐานะ YouTuber ขณะเดียวกัน ก็ยังมีความร่วมมือกับ Facebook Gaming ในการพัฒนา Gaming Creator นำเสนอคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มดังกล่าว โดยปัจจุบันมี Facebook Gaming Creator ในสังกัดประมาณ 250 คน
“ปัจจุบันเรามี Influencer ในสังกัดกว่า 1,000 Channel ในทั้งสองแพลตฟอร์ม แบ่งเป็นกลุ่มเกมมิ่ง 70%, เอนเตอร์เทนเมนต์ ไลฟ์สไตล์ 20%, กีฬา อาหาร เด็กและครอบครัว ราว 10% ถือว่าสามารถตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มธุรกิจที่ต้องการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายในการทำ Influencer Marketing ได้อย่างครอบคลุม โดยปีที่ผ่านมา Influencer ในสังกัดของเราได้สร้างวิดีโอคอนเทนต์กว่า 400,000 คลิป มียอดวิวทั้งสิ้น 12,000 ล้านครั้ง คิดเป็นการรับชมกว่า 1,000 ล้านชั่วโมง ทั้งยังมีจำนวนผู้ติดตามบน FacebookPage : OnlineStationNetwork เกือบ 1 ล้านคน และมียอด Reach มากกว่า 8.7 ล้าน Reach ต่อเดือน ส่วน YouTube Channel : Online Station มีผู้ติดตามประมาณ 7 แสนคน และมียอดวิวมากกว่า 2.4 ล้านครั้งต่อเดือน สะท้อนถึงศักยภาพในการทำ Digital Content ที่สามารถวัดผลได้จริง”
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีเป้าหมายขยายเครือข่าย Influencer ในกลุ่มอื่นด้วย เริ่มจากกลุ่มกีฬา ด้วยการทำเรียลไทม์คอนเทนต์เกี่ยวกับฟุตบอลในชื่อ “Live Score” รายการเดียวในประเทศไทยที่เชิญเซเลบริตี้และ Influencer มาพากย์ฟุตบอล English Premier League แบบสด ๆ ผ่าน YouTube, Facebook และ TrueID ซึ่งมียอดวิวรวมทั้งหมด 21 ล้านครั้ง ถือเป็นการสานต่อความสำเร็จหลังจากบริษัทสามารถผลักดันให้ Zbing z. กลายเป็น YouTuber และ Influencer สายเกมคนแรกของประเทศที่มีผู้ติดตามมากกว่า 10 ล้านคน ทั้งยังสร้างโอกาสให้ Influencer รายใหม่ได้แจ้งเกิดบนโลกออนไลน์แม้จะเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงบนออฟไลน์อยู่แล้ว ยกตัวอย่าง นนท์ – ธนนท์ จำเริญ ที่เพิ่งเปิดตัวในฐานะ YouTuber หน้าใหม่ประเภทเอนเตอร์เทนเมนต์ โดยสามารถสร้างปรากฏการณ์ #Nontuber ฮิตติดเทรนด์ Twitter ในประเทศไทย
ปั้น “Original Content” ทั้ง “รายการ” และ “ซีรีย์” เสิร์ฟคนดู!
สำหรับทิศทางการนำเสนอดิจิทัลคอนเทนต์รูปแบบใหม่ในประเทศไทยบริษัทฯ ได้ลงทุนด้วยงบประมาณ 7 หลัก เพื่อสร้าง “Original Content” โดยซื้อลิขสิทธิ์รายการ From Start Till Clear จากบริษัท CJ ENM ประเทศเกาหลีใต้ มาผลิตในชื่อ “ภารกิจพิชิตเกม” นำศิลปินและนักแสดงที่มีชื่อเสียงมาตะลุยภารกิจเล่นเกมร่วมกับเหล่า Influencer สายเกม พร้อมกับ Live บรรยากาศให้ผู้ชมติดตามไปพร้อมกัน ซึ่งหลังจากฉายไปแล้ว 7 EP พบว่ามียอดวิวมากถึง 5 ล้านครั้ง นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนสร้างซีรีย์ที่มีเนื้อเรื่องสไตล์เกาหลีภายใต้การดูแลของ CJ ENM ประมาณ 2-3 เรื่อง กับจุดเด่นในการการเลือก Influencer ที่โด่งดังในออนไลน์มาร่วมแสดง
สานต่อ “มหกรรมเกม” ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ภายใต้ความร่วมมือกับ Show No Limit ในการจัดงาน “Thailand Game Show” มหกรรมงานเกมที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องกว่า 10 ปี บริษัทยังคงดำเนินการต่อไป กับเป้าหมายให้กลุ่มคนที่ชื่นชอบเกมและอีสปอร์ตได้มีพื้นที่ที่รวมความหลากหลายของอุตสาหกรรมเกมทั้งออฟไลน์และออนไลน์ จากในไทยและต่างประเทศเอาไว้ภายในงานเดียว ทำให้ผู้เข้าร่วมงานได้อัพเดทเทรนด์ใหม่ ๆ ของวงการเกม ทำกิจกรรมร่วมกับ Influencer คนดังที่ชื่นชอบ รวมถึงการโชว์และจำหน่ายอุปกรณ์เกมจากแบรนด์ชั้นนำ หรือแม้แต่การนำเสนอสินค้ากลุ่มคอนซูเมอร์โปรดักท์ภายในงานให้มากขึ้น ซึ่งการจัดงานดังกล่าวยังคงได้รับความนิยมเป็นอย่างดี ตลอดการจัดงาน 3 วันในปี 2562 มีผู้เข้าชมงานกว่า 140,000 คน และสร้างเม็ดเงินสะพัดได้กว่า 140 ล้านบาท
ต่อยอดเชิงรุก! ขยายโอกาสสู่ “Media & Marketing Solutions”
คุณต่อบุญ อธิบายแนวคิดดังกล่าวว่า เมื่อบริษัทมีสื่อเป็นของตนเอง ทั้งยังมีเครือข่าย Influencer และ Original Content จึงมองหารูปแบบรายได้ใหม่ ๆ จากการนำเสนอบริการ “Media & Marketing Solutions” เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำตลาดแก่นักการตลาดและภาคธุรกิจที่ต้องการเปลี่ยนแปลงช่องทางการทำตลาดให้ทันยุคสมัย ด้วยสื่อและเครื่องมือการตลาดออนไลน์ ซึ่ง Online Station มีความเชี่ยวชาญจากการดำเนินธุรกิจและคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่มีอย่างหลากหลาย
“หลังจากตัดสินใจทรานส์ฟอร์มธุรกิจในปี 2558 จากสื่อสิ่งพิมพ์ สู่ดิจิตอลคอนเทนต์และธุรกิจรูปแบบใหม่ Online Station ค่อย ๆ เติบโตและกลับมามีรายได้แบบเลขสองหลักต่อเนื่อง กระทั่งสร้างรายได้ 600 ล้านบาทเมื่อปี 2562 ซึ่งในปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 40-50% จากธุรกิจ MCN ที่จะขยายฐานลูกค้าสู่ธุรกิจกีฬา อาหาร และไลฟ์สไตล์มากขึ้น รวมถึงธุรกิจ Original Content ที่เชื่อว่าจะได้รับความนิยมอย่างมากจากกลุ่มผู้ชมที่ชื่นชอบเกม กีฬา และซีรีย์เกาหลี ทำให้ Online Station ก้าวสู่ฐานะผู้ให้บริการแบบ One Stop Service ได้อย่างครบวงจร จากสื่อ จาก Influencer ในสังกัด และเครื่องมือวิเคราะห์ความต้องการผู้บริโภค รวมถึงความเชี่ยวชาญที่เรามี”
ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่ารูปแบบธุรกิจที่ดำเนินการอยู่นี้จะสามารถตอบโจทย์ผู้ชม และภาคธุรกิจที่มองหาการทำตลาตด้วยกลยุทธ์ออนไลน์ใหม่ ๆ เพื่อสร้างโอกาสและเพิ่มรายได้ให้องค์กรด้วยการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างตรงจุด ภายใต้ความเชี่ยวชาญของบริษัทซึ่งมีข้อมูลเชิงลึกของผู้ชมคอนเทนต์ออนไลน์แต่ละกลุ่ม เครื่องมือช่วยรวบรวมผลลัพธ์ และวิเคราะห์แนวทางที่เหมาะสม กับการทำตลาดด้วยจุดเด่นแบบ One Stop Service อีกด้วย