จากงาน Thailand Now & Next: Rebuild and Grow with Chat Commerce ไม่เพียงทำให้เราได้รู้ถึงประโยชน์และกระแสความแรงของ Chat Commerce เทรนด์การตลาดที่ถูกจับตามองในขณะนี้ สิ่งสำคัญมากไปกว่านั้น คือ การแนะนำเทคนิคและเคล็ดลับในการนำ LINE แอปฯ ยอดนิยมของคนไทยมาใช้อย่างไร เพื่อทำ Chat Commerce ให้ประสบความสำเร็จและสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ
เครื่องมือที่น่าสนใจหนึ่งในนั้น คือ LINE Ads Platform หรือ LAP ซึ่ง ‘ปัณณ์ ภูติมหาตมะ’ Advertising Product Manager LINE ประเทศไทย ได้มาแชร์พร้อมบอกเล่าข้อมูลต่าง ๆ ในหัวข้อ Master Chat Commerce with LINE Ads Platform
LINE Ads Platform คืออะไร เชื่อมโยงธุรกิจกับลูกค้าได้อย่างไร
ปัณณ์ เริ่มต้นเล่าว่า ตอนนี้ LINE เป็นแอปฯ ที่นิยมเป็นอย่างมากในไทย โดยมีผู้ใช้งานมากกว่า 47 ล้านคน และมีการใช้เฉลี่ย 67 นาทีต่อวัน เหตุผลเพราะ LINE มีบริการที่สามารถตอบโจทย์ชีวิตได้ในทุกช่วงเวลา และเมื่อมีฐานผู้ใช้งานจำนวนมาก ทำให้ LINE เป็นตัวกลางเชื่อมโยงระหว่างธุรกิจกับลูกค้า และ Tools ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงผู้ใช้งาน LINE ก็คือ LAP ซึ่งเป็นช่องทางการซื้อโฆษณาในตำแหน่งต่างๆ ของไลน์ในรูปแบบ Bidding ที่ LINE พัฒนาขึ้นเอง มีด้วย 3 ฟีเจอร์หลัก ได้แก่
Auction-based: เพียงบอกว่า ต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างไรและเพื่ออะไร จากนั้นระบบจะดำเนินการเอง โดยไม่จำเป็นต้องมีการใช้โฆษณาแบบตายตัวหรือมีงบประมาณเป็นตัวกำหนด
Automatic Placement: ระบบจะเลือกตำแหน่งโฆษณาให้เหมาะสมว่าควรแสดงในพื้นที่ใด ตำแหน่งไหนถึงจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มีประสิทธิภาพสูงสุด
Machine Learning: ระบบจะเรียนรู้จากผลลัพธ์ของการทำแคมเปญโฆษณาที่ผ่านมา จากนั้นจะดำเนินการแคมเปญโฆษณาต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับโฆษณาของ LAP จะอยู่บน LINE APP ใน 5 ส่วน ประกอบด้วย บน Smart Channel ในหน้าแชท , โพสต์บน LINE TIMELINE , LINE TODAY , LINE TV และหน้า LINE Wallet ซึ่งระบบจะเลือกตำแหน่งที่มีประสิทธิภาพสูงสุดให้ตรงกับวัตถุประสงค์และกลุ่มเป้าหมายที่ลูกค้าต้องการ โดยแบ่งวัตถุประสงค์การใช้ดังต่อไปนี้
1. สร้างการรับรู้ให้แบรนด์: มีด้วยกัน 3 รูปแบบ ได้แก่ Website Visit การเพิ่มจำนวนทราฟฟิกให้คนเข้าเว็บไซต์ , Reach and Frequency ให้คนเข้าถึงและเห็นโฆษณาของแบรนด์หรือสินค้าให้มากขึ้น และ Video View การให้คนได้เห็นวีดีโอสำหรับบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์หรือสินค้าใหม่ ๆ
2. การเพิ่มฐานลูกค้า: ซึ่งตอบโจทย์ Chat Commerce ได้มากที่สุด ผ่านการนำเสนอใน 2 รูปแบบ คือ เพิ่มเพื่อน (Gain Friend) การเพิ่มฐานเพื่อนบน LINE Office Account หรือ LINE OA และ ติดตั้งแอปฯ (App install) เพิ่มจำนวนในการใช้แอปฯ
3. เพิ่มยอดขาย: หากคุณมีเวบไซต์ของตัวเอง สามารถเลือกใช้ Website Conversion ที่สามารถแทร็ค Customer journey ตั้งแต่ลูกค้าเริ่มเห็นโฆษณาไปจนกระทั่งปิดการซื้อขาย หรือหากคุณมีฐานคนใช้แอป ฯ สามารถเลือกใช้ App Engagement ในการเพิ่มจำนวนผู้ใช้แอปฯได้
4. รักษาฐานลูกค้า: เมื่อลูกค้าซื้อสินค้า A ไป อาจต้องการซื้อสินค้า B หรือ C เพิ่มขึ้น ใน LAP ก็มี การจำหน่ายสินค้าแบบไดนามิก (Dynamic Product Sales) หรือการยิงโฆษณาที่เป็นคอนเทนต์ใหม่กลับไปยังกลุ่มเดิมที่กระตุ้นให้เกิดการซื้อเพิ่มหรือซื้อซ้ำ
ขณะที่กลุ่มเป้าหมายในการทำโฆษณาของ LAP มีด้วยกัน 2 กลุ่ม ประกอบด้วย
- กลุ่มเป้าหมายหลัก เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ทาง Line กำหนดขึ้นมาให้แบรนด์สามารถเลือกใช้ได้ แบ่งออกเป็น Location กำหนดตามตำแหน่งที่ตั้ง, Demographic กำหนดตามลักษณะทางประชากรศาสตร์ เช่น อายุ เพศ ฯลฯ, Device) กำหนดอุปกรณ์ที่จะเข้าถึง และ Interest กำหนดตามความสนใจ
- กลุ่มเป้าหมายแบบกำหนดเอง การเลือกกลุ่มเป้าหมายแบบกำหนดเองที่เราสามารถเลือก กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการให้เห็นโฆษณาของเราได้อย่างแม่นยำ โดยเลือกจากฐานข้อมูลจากผู้เข้าชมเว็บไซต์หรือการใช้แอปฯ, จาก Device ID เช่น หมายเลขโทรศัพท์/อีเมล์, จากผู้ติดตามใน LINE OA และจากการรับชมโฆษณาวิดีโอ
ทำไมถึงบอกว่า LAP เป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ตอบโจทย์ Chat Commerce ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากรีเสิร์ชพบว่า การปิดการขายหรือติดต่อขอข้อมูลส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นที่ LINE นอกจากนี้เมื่อเทียบกับโซเชียลมีเดียอื่นแล้ว คนรู้สึกเชื่อมั่นใน LINE ถึง 68% และ LINE สามารถปิดการขายได้มากกว่า 15 เท่าเมื่อเทียบกับเว็บไซต์
LAP ถูกออกแบบขึ้นมาเฉพาะเพื่อ Chat Commerce เพราะมีการการผสมผสานกันแบบ seamless โดยสามารถใช้งานร่วมกับ LINE OA ด้วยการนำ Audience ของ LINE OA มาใช้บน LAP และนำ Audience จาก LAP ไปใช้บน Line OA ได้แบบไร้รอยต่อเช่นเดียวกัน นอกจากนี้จากการทำรีเสิร์ชยังพบสถิติที่น่าสนใจ คือ 50% ของผู้ใช้ LAP ใช้เพื่อสร้าง Chat Commerce ของตัวเอง และผู้ใช้ LINE OA 35% ก็สามารถปิดการขายได้จากกลุ่มเป้าหมายที่ได้มาจาก LAP ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง
ปัณณ์ ให้มุมมองว่า Chat Commerce คือ Data Game หมายถึงเป็นข้อมูลของลูกค้าที่ทำให้เรารู้ว่าเขาต้องการอะไร ยิ่งคุยมากเท่าไหร่ เราจะยิ่งรู้จักลูกค้ามากขึ้น นั่นจึงทำให้ LAP มีประโยชน์ในการเก็บดาต้าของลูกค้า ซึ่งมี 2 ส่วนที่ LAP จะเข้าไปช่วย คือ 1.การหาและเพิ่มฐานลูกค้าแบบ Quality และผลักดันให้เกิดยอดขาย 2.เมื่อได้ฐานลูกค้ามากพอ LAP จะนำข้อมูลดังกล่าวไปจัดกลุ่มลูกค้าเพื่อนำไปใช้ทำแคมเปญได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ส่วนเคล็ดลับความสำเร็จของ LINE คือ ยิ่งมีเพื่อนเยอะเท่ากับยิ่งมี Data เยอะ และเมื่อมี Data เยอะ ยิ่งมีโอกาสขายเยอะตามไปด้วย พร้อมยกตัวอย่างการใช้ LAP และ LINE OA ในการเปลี่ยนคนที่ไม่รู้จักแบรนด์ให้มาเป็นเพื่อนได้ใน 3 ขั้นตอน
- เพิ่มเพื่อน ด้วยการใช้ LAP Gain Friend ส่งโฆษณาไปยังพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อทำให้ลูกค้าเพิ่มเราเป็นเพื่อน
- Connect หลังจากลูกค้ามาเป็นเพื่อนกับคุณแล้ว ก็ต้องทำการ Connect กับพวกเขา อาทิ ใช้ Greeting Message หรือ Rich Menu มอบสิทธิประโยชน์ให้ ฯลฯ
- ทำ Trigger Sales ทันที เช่น ตอบคำถามที่ลูกค้าสอบถามอย่างรวดเร็ว , มีทีมปิดการขายในการรับช่วงต่อ หรือใช้ MyShop สำหรับปิดการขายให้เร็วขึ้น
นอกจากทำแคมเปญแบบ Retargeting ระหว่าง LINE OA กับ LAP ได้แล้ว ยังมี Smart Channel การซื้อโฆษณาแบบเลือกพื้นที่แสดงผลบนหน้าแชท ซึ่งแต่ละวันสามารถเข้าถึงกลุ่มคนได้ราว 20 ล้านคน และสามารถเพิ่มมูลค่าได้ โดยแบ่งรายละเอียดจากคนที่เห็นโฆษณาผ่าน Smart Channel เช่น เมื่อเห็นโฆษณาแล้วเกิดการคลิกหรือไม่ หรือรับชมวิดีโอจบหรือดูไปกี่เปอร์เซ็นต์ เป็นต้น
เพื่อให้เห็นภาพยิ่งขึ้น ทาง ‘ปภพ ฤชุตระกูล’ Head of Media and Digital Marketing ของ dtac ได้พูดถึงศักยภาพของ LINE ที่จะทำให้ประสบความสำเร็จใน Chat Commerce ภายใต้หัวข้อ Outriding Chat Commerce through LINE Ecosystem โดยกล่าวว่า Chat Commerce จะทำให้แบรนด์กับผู้บริโภคใกล้ชิดกันมากขึ้น และ dtac ได้ทำงานร่วมกับ LINE ประเทศไทย ด้วยการพัฒนา dtac LINE OA และ LINE dtac Chat and Shop ขึ้นมารับเทรนด์ที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงผู้บริโภคจำนวนมากก็ยังคงใช้สื่อดั้งเดิมอย่างโทรทัศน์และบิลบอร์ด แต่สิ่งที่ dtac ต้องการคือบทสนทนาร่วมกับลูกค้าและรู้จักลูกค้าได้ดีขึ้น ซึ่งใช้ LINE มาตอบโจทย์ เป้าหมายไม่ใช่แค่การสร้าง Awareness แต่รวมถึงสร้าง Conversation และการเก็บ Data เพื่อทำความเข้าใจลูกค้าให้มากขึ้นด้วย โดย dtac ใช้ LINE เพื่อสร้าง Full Consumer Journey เริ่มตั้งแต่สร้างการรับรู้และทำแบรนดิ้ง ด้วยการ Reach เข้าถึงคนหมู่มาก, นำเสนอโปรดักท์ผ่าน LAP และพัฒนาร่วมกับ LINE ในการทำ Across Journey เพื่อต่อยอดลูกค้าไปยัง dtac application
สำหรับ dtac Chat and Shop จะถูกดีไซน์มาให้ Seamless เริ่มต้นจากการค้นหาว่ากลุ่มลูกค้าคือใคร โดยใช้ข้อมูลจากทาง dtac และ LINE รวมกัน เพื่อหากลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมที่สุด จากนั้น จึงส่งผ่าน LAP และ Smart Channel หรือ LINE Timeline Ad หรือ LINE Today Ad เพื่อผลักดันไปยัง dtac Chat and Shop ทำให้มีลูกค้าสนใจเข้ามาหาข้อมูลหรือซื้อโปรดักท์โปรดักท์มากขึ้น
เปิดกลยุทธ์ร้านอาหาร แชทยังไงให้ปัง
แน่นอนจากสถานการณ์โควิด-19 เกิดขึ้น ได้ส่งผลกระทบต่อทุกธุรกิจ โดยเฉพาะร้านอาหาร เพราะช่วงเริ่มต้นจำเป็นต้องปิดร้าน รวมถึงมีมาตาการ social distancing ทำให้เทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาเป็นเครื่องมือสำคัญที่ธุรกิจร้านอาหาร SME สามารถนำไปใช้เพื่อเป็นทางรอดจากปัญหาที่เกิดขึ้น จึงเป็นที่มาของหัวข้อ ‘เปิดกลยุทธ์ร้านอาหาร แชทยังไงให้ปัง’ โดยมี เจ้าของร้านอาหารชื่อดังที่ปรับตัวได้และมียอดขายเติบโตแม้อยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก ‘ชุติมา อนันรยา’ เจ้าของ The SummerCoffee และ ‘ธนาวลัย เหล่าเราวิโรจน์’ เจ้าของร้าน Supanniga มาแบ่งปันประสบการณ์
ความท้าทายที่ร้านอาหารต้องเผชิญมากกว่าธุรกิจอื่น
ชุติมา อนันรยา เล่าว่า ร้านอาหารมาพร้อมกับการบริการและสร้างประสบการณ์ เมื่อเกิดโควิด-19 ทำให้ลูกค้าไม่สามารถมาใช้บริการตามปกติที่ร้านได้ และหันไปสั่งซื้อทาง LINE มากขึ้น ทางร้านอาหารต่าง ๆ จึงปรับช่องทางการขายมาโฟกัสออนไลน์มากขึ้น The SummerCoffee ก็เช่นเดียวกันที่ได้ปรับตัวเน้นขายเป็นเมล็ดกาแฟ เครื่องชงกาแฟ แทนการขายเป็นเครื่องดื่ม พร้อมกับหันมาให้ความสำคัญการขายทางออนไลน์ โดยเฉพาะทาง LINE OA และโฟกัสลูกค้าตามบ้านปกติ
ด้าน ธนาวลัย เหล่าเราวิโรจน์ เสริมว่า เมื่อลูกค้ามาทานที่ร้านตามปกติไม่ได้ ทำอย่างไรจะนำโปรดักท์ของเราไปเสิร์ฟให้ลูกค้าถึงที่ และออนไลน์เป็นช่องทางที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาและสร้างทางรอดที่สำคัญ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเทรนด์ที่ยังไงก็ต้องไปหากต้องการสร้างยอดขายและธุรกิจให้เติบโต เพียงมีโควิด-19 มาเป็นตัวเร่ง ทำให้ต้องรีบปรับตัว
แชทอย่างไร ให้ปัง
อีกเหตุผลที่ ชุติมา เลือก LINE OA เป็นหนึ่งช่องทางหลักในการสื่อสารกับลูกค้า เพราะเป็นแอปฯที่ทุกคนมีอยู่ในมือถืออยู่แล้ว และสะดวกต่อการสั่งมากกว่าโทรสั่ง เพราะสามารถส่งรายละเอียดและเมนูไปใน LINE ได้ หรือขอดูภาพ ซึ่งการโทรสั่งไม่สามารถทำได้ อีกทั้งยังเป็น community ที่ลูกค้ามาติดตามข่าวสาร อัพเดทโปรดักท์ใหม่จากทางร้านได้อีกด้วย โดยวิธีของ The SummerCoffee คือทำอย่างไรเมื่อลูกค้าอ่าน LINE แล้วเหมือนมาเจอกับเราจริง ๆ ที่ร้าน ทั้งให้ข้อมูลและพร้อมตอบเมื่อลูกค้ามีคำถาม
นอกจากนี้ยังมีการใช้ chat tag ติดป้ายแบ่งข้อมูลลูกค้าว่า ลูกค้าคนนี้มีความชอบอย่างไรเมื่อมีโปรดักท์หรือโปรโมชั่นที่ตรงกับเขาก็ส่งไป แสดงให้เห็นว่า เราจำเขาได้ เป็นการสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า
ขณะที่ MyShop หนึ่งในฟังก์ชั่นของ LINE OA เป็นเครื่องมือที่ไม่พูดไม่ได้ เหมือนเป็นเว็บไซต์ฉบับง่ายสำหรับลูกค้า เป็นการการอำนวยความสะดวกในการสั่งซื้อของลูกค้าทั้งดูรายละเอียดสินค้า ราคา และสามารถสั่งซื้อได้เลยด้วยตัวเอง แต่หากไม่สะดวก เราสามารถกดออเดอร์ให้ลูกค้าได้ด้วย ช่วยให้ร้านขายของได้ง่ายขึ้น และเพิ่มยอดขายให้เติบโต นอกจากนี้เมื่อมีออเดอร์สั่งซื้อมากขึ้น ทางร้านสามารถไปต่อรองกับบริษัทขนส่งในราคาพิเศษ และตรงนี้เองทำให้เราสามารถทำเป็นสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าได้ เช่น บริการส่งฟรี เป็นต้น
“ตัวเองเชื่อในบริการหลังการขาย และทุก ๆ feedback ที่ลูกค้าให้มามีค่า หากเราให้บริการหลังการขายดี ได้รับการดูแลและใส่ใจตลอดทางที่เป็นลูกค้า เป็นทริคที่จะทำให้ลูกค้ากลับมาหาเราอยู่เรื่อย ๆ”
ธนาวลัย เล่าต่อว่า การขายของสิ่งที่พลาดไม่ได้ คือ ต้องมีการสื่อสาร และ LINE เป็นแอปฯที่คนไทย 47 ล้านคนใช้ในการสื่อสาร ซึ่งนอกจากแชทแล้ว LINE ยังมีฟังก์ชั่นอื่น ๆ ในการอำนวยความสะดวกในการซื้อขายให้กับทางร้านและลูกค้า ส่วนเทคนิคในการแชทให้ปัง ด้วยการที่ทางร้านมีลูกค้าหลากหลาย จึงได้มีการฟอร์มทีมแอดมินในการตอบและให้ข้อมูล พร้อมกับวางแนวทางในการตอบ เพื่อให้เหมาะสมกับลูกค้า หลัก ๆ จะเน้นความสุภาพ แต่ต้องเข้าถึงง่าย มีความน่ารัก เพื่อสร้างความเป็นกันเองกับลูกค้า
นอกจากนี้ การ Add friend เราอยากให้เป็น friend จริง ๆ โดย LINE มีระบบ reward ให้สะสมแต้ม ผ่านเป็นฟังก์ชั่น e-coupon เพียง Add friend ก็ได้รับสิทธิพิเศษ เป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
“การสั่งอาหารผ่านการแชทสำหรับผู้ใหญ่ไม่ใช่ปัญหา เพราะแชทเก่งอยู่แล้ว อีกรูปแบบเราจะมีลิงก์ที่ Rich menu กดสั่งเองได้เลย ถ้าใช้ LINEMAN จ่ายบัตรเครดิตได้ด้วย และเคสความสำเร็จจากการใช้ LINE OA ของเรา คือ การได้มี engagement และการสื่อสารที่ดีกับลูกค้ามากขึ้น ในการรับผลตอบรับทั้งเชิงบวกและเชิงลบ ซึ่งในฐานะเจ้าของร้านจะมอนิเตอร์สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขและการปรับปรุง เหมือนกับที่ว่า เราใส่ใจเขา เขาใส่ใจเรา”
สุดท้าย ชุติมาและธนาวลัย ฝากคำแนะนำถึงผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารและเจ้าของธุรกิจ SME ที่ต้องเผชิญกับความท้าทายทางธุรกิจที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้ โดยชุติมา บอกว่า ทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสให้ได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ ที่อาจทำให้รอดจากวิกฤต หรือสร้างโอกาสในการทำอะไรใหม่ ๆ อย่ามองเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความเครียดอย่างเดียว
ขณะที่ธนาวลัยบอกว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทุกธุรกิจได้รับผลกระทบหมด แต่ขณะเดียวกันก็เป็นสิ่งที่ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ มีการปรับตัวมากมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่ทำให้เรียนรู้ว่า การปรับตัวไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องรู้ว่า จะปรับยังไง และการมองออนไลนถือเป็นทางออกที่สำคัญ
ธุรกิจอาหารเจาะลูกค้าใหม่ มัดใจลูกค้าเดิมด้วย LINE OA x LINE MAN
เราได้เห็นตัวอย่าง 2 ร้านอาหารดังที่ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์พลิกสถานการณ์จากได้รับผลกระทบมาเป็นโอกาสของธุรกิจไปแล้ว ตอนนี้ทาง ‘วุฒิชัย น้ำใจประเสริฐ’ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ LINEMAN Wongnai ได้มาแนะถึงเทคนิค และเคล็ดลับให้กับธุรกิจร้านอาหารในการใช้ LINE OA และ LINE MAN มาใช้สร้างความได้เปรียบและเพิ่มการเติบโตให้กับธุรกิจ
วุฒิชัย กล่าวถึงภาพของธุรกิจร้านอาหารรวมทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นเชน ร้าน SME ฯลฯ ในปี 2019 มีมูลค่าตลาดอยู่ราว 7 แสนล้านบาท ขณะที่สัดส่วนของ Food delivery คิดเป็น 5% ของตลาดทั้งหมด หรือคิดเป็นมูลค่า 35,000 ล้านบาท ซึ่งช่วงโควิด-19 มีการแพร่ระบาด ธุรกิจนี้มีการเติบโตกว่า 5 เท่า ทำให้ตอนนี้การสั่งซื้ออาหารผ่านออนไลน์ แพลตฟอร์มเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว ดังนั้น Online Food delivery จึงเป็นเรื่องที่ร้านอาหารต้องนำมาใช้เพื่อเดินหน้าและต่อยอดการเติบโต
สำหรับ LINE MAN Wongnai ถือเป็นหนึ่งแพลตฟอร์มที่มีศักยภาพ โดยมีจำนวนผู้ใช้ 13 ล้านคนต่อเดือน มีดาต้าของร้านอาหารมากกว่า 490,000 ร้าน มี LINEMAN Rider มากกว่า 50,000 คนในการส่งมอบอาหาร สามารถส่งอาหารคลอบคุลมมากกว่า 36 จังหวัด และปีนี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
5 ขั้นตอนเปิด ‘ร้านฟรี’ บน LINE MAN Wongnai
- ดาวน์โหลด Wongnai Merchant App
- เปิดแอปฯ แล้วกดปุ่ม ‘ลงทะเบียนร้าน’
- พิมพ์ค้นหาร้านในช่องกรอกชื่อร้าน จากนั้น กด ‘ลงทะเบียน’ ถ้าหาไม่เจอให้กด ‘คลิกที่นี่ เพื่อใส่ข้อมูลเอง’
- เมื่อลงทะเบียนแล้ว ระบบจะส่งรหัส OTP ผ่านทาง SMS จากนั้นกรอกรหัสเพื่อยืนยัน
- กรอกข้อมูลร้านและเมนูที่ขาย แล้วรอรับออเดอร์จาก LINE MAN
LINE MAN Wongnai มีระบบการจัดการในการสั่งอาหารที่ง่าย ช่วยเพิ่มยอดขายได้ทันที โดยเจ้าของธุรกิจสามารถกำหนดเมนูที่ต้องการขาย และยังสามารถเข้าร่วมโครงการ LINE MAN GP รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ อาทิ ค่าส่งเริ่มต้น 0 บาท , การโปรโมททางออนไลน์มากขึ้น ขณะที่ลูกค้าก็สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกไม่ยุ่งยาก สามารถเลือกการชำระเงินผ่าน e-payment และใช้บริการรับสินค้าที่ร้านได้ด้วย
LINE MAN Wongnai มีระบบบริหารจัดการร้านอาหารผ่าน wongnai POS ช่วยให้บริการจัดการร้านอาหารเติบโตได้แบบยั่งยืน โดยใช้งานได้ฟรี ช่วยเพิ่มยอดขาย และขยายฐานลูกค้าผ่าน Wongnai reward card
นอกจากนี้ยังสามารถต่อยอดธุรกิจด้วย LINE OA ผ่าน https://lineman.line.me/sellers ที่จะช่วยสร้างลิงก์วิ่งตรงไปยังหน้าร้านออนไลน์ใน LINE MAN สำหรับทำการตลาดด้วยกัน 2 ลิงก์ คือ 1.ลิงก์สำหรับนำไปใช้เป็น Rich Menu บน LINE OA ให้ลูกค้าสามารถกดสั่งอาหารผ่านทางไลน์แชทได้เลย 2.ลิงก์สำหรับใช้แชร์บนโซเชียลมีเดียอื่นๆ เพื่อเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้า ส่วนการสร้างลิงก์นั้น ก็ง่าย ๆ เพียงค้นหาชื่อร้านเพื่อสร้างลิงก์ จากนั้นจะขึ้นมา 2 ลิงก์ คือ ลิงก์บน LINE OA และลิงก์บนโซเชียลมีเดีย เพียง copy ลิงก์ ก็สามารถนำไปใช้ได้ทันที
Rich Menu เป็นฟีเจอร์ที่โดดเด่น และสารถปรับแต่งให้อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น Delivery กดสั่ง LINE MAN ผ่าน LINE OA ได้ทันที, Pick up สั่งอาหารล่วงหน้า และไปรับที่ร้านแบบไม่ต้องรอคิว, Reward Card การรักษาฐานลูกค้าผ่านระบบสะสมแต้ม
LINE BK ช่วย SME ได้อย่างไร
มาถึงหัวข้อส่งท้าย LINE BK ช่วย SME ได้อย่างไร ซึ่งหัวข้อนี้ มี ‘กฤษณ์ เลิศชนะพรชัย’ Banking Product team บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด และ ‘วราวุฒิ จุฑาวรกุล’ Lending Product Team บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด มาร่วมพูดคุย และให้ความรู้
เริ่มต้นจากการทำความรู้จัก LINE BK โดย LINE BK คือบริการทางการเงินในรูปแบบของ Social Banking ภายใต้คอนเซปต์ “LINE BK เรื่องเงินง่ายใน LINE คุณ” ที่ตอบโจทย์ความต้องการและเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้คน อีกทั้งยังให้ผู้ประกอบสามารถเข้าถึงบริการสินเชื่อได้ง่ายขึ้นเพื่อนำไปต่อยอดธุรกิจ เกิดจากความร่วมมือกันระหว่าง LINE กับ KBANK หรือธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน)
เริ่มต้นใช้ LINE BK อย่างไร
1. การสมัคร LINE BK มี 2 วิธี โดยวิธีแรก เป็นลูกค้า KBANK และมีแอปฯ K Plus ก็สามารถสมัครใช้บริการได้เลย หากไม่เป็นลูกค้า KBANK ก็สามารถใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียวก็สามารถสมัครได้ โดย LINE BK อยู่ใน LINE Wallet เลือก LINE BK แล้วกดรับเงื่อนไขเพื่อเริ่มต้นใช้งาน
2. การเปิดบัญชี เงินฝาก สามารถทำได้ 2 วิธี
วิธีแรก ยืนยันตัวตนผ่านแอปฯ K Plus เพื่อเชื่อมต่อมาใช้กับ LINE BK เมื่อทำตามทุกขั้นตอนเรียบร้อยแล้วจะได้รับข้อความแจ้งเตือนผ่านทาง LINE เป็นการเปิดบัญชีเสร็จสมบูรณ์ , วิธีที่สอง คนที่ไม่มี K Plus ยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชนผ่านทาง LINE BK จากนั้นนำบัตรประชาชนไปยืนยันตัวกับทาง KBANK ซึ่งสามารถทำได้ทั้งที่สาขา , ตู้ ATM หรือร้านค้าพันธมิตรของ LINE BK เช่น BIG C , 7-Eleven ฯลฯ
3. เริ่มใช้งานด้วยฟังก์ชันที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกเรื่องทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นเช็คยอดเงินในบัญชีได้ทันที โอนเงิน แสดงรายการที่เพิ่งใช้งานล่าสุด ถอนเงินไม่ใช้บัตร และการจัดการบัญชี บัตรเครดิต และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ยกตัวอย่างฟีเจอร์เด่น ๆ สำหรับตอบโจทย์ธุรกิจ เช่น
LINE BK Alerts ข้อความแจ้งเตือนเมื่อมีเงินเข้าเงินออก รายการทั้งหมดที่ทำจะรวมในที่เดียวและสามารถเลือกเช็คได้
- สามารถโอนเงินได้หลากหลายวิธี ทั้งโอนเงินได้ผ่าน LINE ด้วยการเลือกรายชื่อเพื่อนใน LINE, โอนด้วยเลขบัญชี, โอนด้วยเบอร์มือถือ, โอนด้วยพร้อมเพย์, โอนเข้าบัญชีของตัวเอง
- บริการเรียกเก็บเงินผ่านทางแชท LINE ที่สะดวกสบาย หากลูกค้าที่เราเรียกเก็บเงินไม่มี LINE BK ระบบจะส่งเลขบัญชีไปให้อัตโนมัติ
- ถอนเงินโดยไม่ใช้บัตร ด้วยการสแกน QR Code แต่ต้องถอนเงินจากตู้ ATM ของ KBANK เท่านั้น
- ซื้อของออนไลน์ด้วยบัตรเดบิต LINE BK โดยทุกการใช้จ่าย จะได้รับเงินคืน 0.5%
LINE BK ให้บริการสินเชื่อ เพิ่มโอกาสให้ธุรกิจเติบโต
ผลิตภัณฑ์สินเชื่อ LINE BK (วงเงินให้ยืม) เป็นวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนส่วนบุคคลที่มีอายุสูงสุด 5 ปีนับจากวันที่ได้รับอนุมัติ อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกอยู่ที่ 18%-25% ต่อปี สามารถเลือกเบิกเงิน 2 แบบ คือ พร้อมใช้และผ่อนชำระ โดยจุดเด่นของผลิตภัณฑ์อยู่ที่สามารถสมัครด้วยตัวเองบน LINE ไม่ต้องใช้สลิปเงินเดือน รู้ผลทันที เบิกเงินได้ตลอดเวลา และฟรีค่าธรรมเนียม ซึ่งทั้งหมดตอบโจทย์ผู้ประกอบการธุรกิจ SME ได้เป็นอย่างดี
ส่วนวิธีสมัครขอสินเชื่อ LINE BK นั้น
1. ไปที่หน้าหลักของ LINE BK เลื่อนหาคำว่า “วงเงินให้ยืม” เพื่อเริ่มต้นสมัคร จากนั้นอ่านตารางเปิดเผยข้อมูลผลิตภัณฑ์ และกด “ยอมรับ”
2. กรอกข้อมูลส่วนตัว ระบุจำนวนสินเชื่อที่มี กดยืนยันข้อมูลที่สมัคร
3. ยื่นขออนุมัติวงเงินและรอการอนุมัติสินเชื่อ หากได้รับอนุมัติ ให้ตรวจสอบวงเงินที่ได้รับการอนุมัติ แต่หากต้องการวงเงินเพิ่มเติมจากที่ได้รับอนุมัติ สามารถส่งเอกสารเพิ่มเติมเพื่อขอการพิจารณา โดยเอกสารขอการอนุมัติวงเงินเพิ่มเติมนี้จะใช้บัญชีย้อนหลัง 6 เดือน สามารถส่งได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ สำเนาจากสมุดบัญชี , E-statement และรายการเดินบัญชีที่ขอจากธนาคาร
4. ข้อมูลการผ่อนชำระ ผู้ขอรับสินเชื่อสามารถเลือกวันครบกำหนดเพื่อชำระเงิน และตั้งค่าให้หักเงินแบบอัตโนมัติได้
5. รับสัญญาสินเชื่อ ที่จะสรุปรายละเอียดทั้งหมดของสินเชื่อที่ขอ เมื่อเสร็จสมบูรณ์สามารถบันทึกเก็บไว้ได้ และระบบจะส่งสัญญาสินเชื่อให้ทางอีเมลที่ใส่ข้อมูลไว้
สำหรับการเบิกเงินจากสินเชื่อ สามารถเลือกได้จะเบิกวงเงินแบบให้ยืม 2 แบบ ได้แก่ การเบิกเงินแบบวงเงินให้ยืม ‘พร้อมใช้’ คือ การเบิกเงินจำนวนหนึ่งที่ต้องจ่ายคืนทุกเดือนขั้นต่ำเดือนละ 2% จากยอดที่ถอนรวมกับดอกเบื้ย หรือ 200 บาท เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเงินด่วนและใช้ในระยะสั้น, การเบิกเงินแบบวงเงินให้ยืม ‘ผ่อนชำระ’ การเบิกเงินก้อน และจ่ายยอดคืนทุกเดือนแบบเท่ากัน เช่นเดียวกับการผ่อนรถ
ส่วนการชำระเงินคืน สามารถเลือกได้ 2 วิธี คือ ชำระผ่านการหักบัญชี และ ชำระเงินคืนด้วย QR Code
ทาง LINE BK หวังว่า ด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีทั้งหมด จะช่วยสร้างความสะดวกสบายในการบริการทางการเงินให้กับผู้ประกอบการ SME และผลิตภัณฑ์สินเชื่อ จะเป็นวงเงินสำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน เพื่อให้บรรดาผู้ประกอบการทั้งหลายสามารถก้าวสู่ความสำเร็จได้