Marketing Oops! ได้มีโอกาสรับเชิญไปร่วมทริปกับทาง JD Central เพื่อเยี่ยมชมสำนักงาน JD.com และบริษัทในเครือ JD Digits ณ กรุงปักกิ่ง เพื่อไปเยี่ยมชมนวัตกรรมทางการเงิน และสัมผัสนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ของ JD ที่เป็นมากกว่า eCommerce อย่างที่เราเข้าใจกัน
โดยในทริปนี้ JD.com และ JD Digits ได้จัดแสดงหลากหลายนวัตกรรมล้ำยุคที่พิสูจน์ประสิทธิภาพการใช้งานในสถานการณ์จริงมาแล้ว ทั้งร้านค้าแบบไร้พนักงาน ร้านค้าที่ใช้ระบบชำระเงินด้วยใบหน้า และ O2O Shop และเราได้หยิบรายละเอียดมาฝากกัน
1. ร้านสะดวกซื้ออัจฉริยะ Unmanned Store หรือ JD X-Mart
สิ่งแรกที่เราได้สัมผัสจากการเยี่ยมชมสำนักงาน JD ในกรุงปักกิ่งครั้งนี้ คือ การได้สัมผัสกับประสบการณ์จริงของร้านสะดวกซื้ออัจฉริยะอย่างเต็มรูปแบบ JD X-Mart หรือ Unmanned Store เป็นร้านสะดวกซื้อที่ผู้ซื้อสามารถเข้าซื้อสินค้าในร้านค้าได้โดยไม่ต้องพบเจอกับเจ้าหน้าที่ และไม่จำเป็นต้องชำระเงิน เพียงใช้แอพฯ ที่เป็นสมาชิกของ JD.com ด้วยการตื๊ดผ่าน QR-Code เพื่อเข้าสู่ร้านค้า
เมื่อเข้าร้านไปแล้ว ก็เลือกช้อปสินค้าได้ตามต้องการ และสามารถหยิบสินค้าเดินออกจากร้านได้โดยไม่ต้องชำระเงิน
เป็นไปได้ยังไง? นั่นเป็นเพราะ JD ได้นำระบบ Facial Recognition, ระบบเซ็นเซอร์ของชั้นวางของอัจฉริยะ และป้ายสินค้าอัตโนมัติ เข้ามาใช้ในร้านแทนการใช้พนักงาน
- ป้ายสินค้าอัตโนมัติ ที่สามารถเปลี่ยนราคาสินค้าได้เอง จากการควบคุมผ่านระบบ Stock สินค้า และป้ายราคาก็เป็นป้าย e-ink ซึ่งสามารถอัพเดทได้ง่ายกว่าป้ายกระดาษ
- ชั้นวางสินค้าอัจฉริยะ ที่มีระบบเซ็นเซอร์อัจฉริยะ เมื่อของถูกหยิบออกจากชั้นวางสินค้า ระบบเซ็นเซอร์ จะรู้ทันทีว่าลูกค้า ต้องการซื้อสินค้าชิ้นนั้น และคำนวนราคาในทันที หรือหากแกล้งนำสินค้าไปวางปนกับสินค้าชิ้นอื่น ชั้นวางสินค้าอัจฉริยะก็จะทราบด้วยเช่นกัน
- Facial Recognition หรือระบบจดจำใบหน้า กับความสามารถในการจับใบหน้า ว่าลูกค้าคือใคร พร้อมทั้งกำหนดพฤติกรรมการเดินชอปสินค้า ว่าเดินช่องไหน สนใจสินค้าประเภทใด และกำลังซื้อสินค้าใด
ลูกค้าที่มาชอปที่ JD X-Mart สามารถใช้โทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียว เดินเข้าไปซื้อสินค้า หยิบสินค้า และเดินออกจากร้านได้เลย โดยไม่ต้องชำระเงิน เพราะค่าสินค้าจะถูกคำนวนจากชั้นวางของอัจฉริยะ และระบบจดจำใบหน้า และคำนวนค่าสินค้าผ่านแอพฯ JD.com ที่ใช้เข้าร้านค้าในครั้งแรก หลายคนอาจสงสัยว่าเราสามารถเข้าไปหลายๆคน แล้วมีคนเดียวที่ชำระเงินได้หรือไม่ ตอบได้เลยว่าความ JD X-Mart แห่งนี้ทำได้ โดยสามารถรองรับการใช้งานได้ถึง 15 คนต่อ 1 บัญชี หมายถึง เจ้าขอบัญชีสามารถพาเข้าไปชอปในร้าน และเลี้ยงเพื่อนหรือครอบครัวได้ครั้งละไม่เกิน 15 คน
JD X-Mart แห่งนี้ ถือเป็น generation ที่ 2 ต่อยอดจาก generation แรกซึ่งใช้เพียงเทคโนโลยี RFID ในการทำงานเป็นหลัก แต่ในเจนเนอเรชั่นที่ 2 จะใช้การวิเคราะห์และติดตามภาพสินค้าและบุคคลผ่านกล้อง บวกกับเซ็นเซอร์ที่ติดตั้งไว้ที่ชั้นวางของเพื่อตรวจจับการหยิบสินค้าออกจากชั้นแทน ซึ่งถือเป็นการลดความซับซ้อนและต้นทุนในการเตรียมอุปกรณ์อีกด้วย
ปัจจุบันทาง JD X-Mart ได้กลายเป็น “ร้านสะดวกซื้อ 24 ชม.” ที่เปิดให้บริการแล้ว 20 สาขาในเมืองปักกิ่ง และเซี่ยงไฮ้ และจะทยอยเพิ่มจำนวนสาขาขึ้นเรื่อยๆ ในเมืองต่างๆของประเทศจีน และด้วยพันธมิตรของ JD Central เชื่อว่า Unmanned Store นี้จะได้มาไทยอย่างแน่นอน
2. ร้านสะดวกซื้อ ที่ใช้ใบหน้าชำระเงิน
อีกหนึ่งประสบการณ์ของการซื้อสินค้าด้วยการใช้ “ใบหน้าชำระเงิน” ซึ่ง Marketing Oops! ได้เคยนำมาแชร์กันหนนึงแล้ว จากการร่วมงาน WeChat Day ที่เมืองหางโจว เมื่อช่วงเดือน กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่าน และในครั้งนี้ ถือเป็นการใช้งานจริงอีกครั้งกับ JD Convenient Store หรือ ร้านสะดวกซื้ออีกแห่งของ JD และถือเป็นการตอกย้ำการใช้งานที่แพร่หลายมากขึ้นของจีน
ร้านสะดวกซื้อกับการชำระเงินผ่านใบหน้า ผู้ซื้อ สามารถเดินเข้าร้านสะดวกซื้อ เลือกหยิบสินค้าที่ต้องการ ชำระเงินด้วยตนเอง โดยสามารถเลือกชำระเงินผ่าน QR-Code หรือ Facial Pay ก็ได้เช่นกัน ซึ่งเป็นการทำผ่านหน้าจอ และผ่านสมาชิกของแอพฯ JD.com เช่นกัน
JD Facial Pay Convenience Store ที่มีระบบการชำระเงินด้วยตนเองผ่านใบหน้านี้ ได้ถูกนำไปใช้จริงในซูเปอร์มาร์เก็ต 7 Fresh ที่หลายคนเคยฮือฮากันมาแล้ว
3. O2O Store
O2O หรือ Online to Offline store ของ JD ถือเป็นจุดรับสินค้าจากการสั่งซื้อผ่านทางออนไลน์ ซึ่งในตอนนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องปกติของคนจีนไปแล้ว ประมาณว่าสั่งของไว้ แล้วเดี๋ยวแวะมารับนะ หรือจะให้ delivery ไปส่งให้ก็ได้เช่นกัน ซึ่งชอป O2O ของ JD จะมีบริการจัดส่งสินค้าประเภทอาหารสด ไวน์ ยารักษาโรค และอื่นๆ ไปถึงบ้านหรือจุดรับสินค้าที่ลูกค้าเลือกภายในเวลา 1 ชั่วโมง โดยแต่ละจุดจะครอบคลุมระยะการส่งสินค้าเป็นรัศมี 1-2 กิโลเมตร
ร้านค้าอัจฉริยะ ทั้ง 3 รูปแบบนี้ ทาง JD ได้เปิดให้บริการจริงแล้วในจีน โดยจะเน้นเมืองสำคัญๆ อย่าง ปักกิ่ง และเซี่ยงไฮ้ และกำลังเริ่มนำเทคโนโลยีออกไปใช้งานนอกประเทศจีน ซึ่งไทยก็เป็นหนึ่งใน Roadmap
เขียนโดย ณธิดา รัฐธนาวุฒิ
ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ MarketingOops.com กับประสบการณ์การทำงานในแวดวง Digital มากกว่า 15 ปี ในธุรกิจคอนเทนท์ ธุรกิจออนไลน์ และการตลาดดิจิทัล
อ่านบทความ Exclusive Insider เพิ่มเติมได้ที่นี่
บทความ Exclusive นี้เผยแพร่บน Marketing Oops! เป็นที่แรก
Copyright© MarketingOops.com