
การที่จะประเมินเทคโนโลยีที่สร้างความตื่นตะลึงได้มากที่สุดในแต่ละปีนั้นอาจเป็นเรื่องที่ยากลำบาก แต่ในปี 2022 ที่กำลังจะผ่านไปนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เทคโนโลยี Generative AI นั้นเป็นเทคโนโลยีที่สร้างความตื่นเต้นให้กับคนทั่วโลกได้อย่างไม่ต้องสงสัย และเชื่อว่าในปีนี้จะถูกบันทึกเอาไว้ในฐานะของปีที่เป็นจุดเริ่มต้นของเทคโนโลยี AI ที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจะเปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์ไปอีกครั้งหนึ่งด้วยเช่นกัน
Generative AI คืออะไร?
แล้ว Generative AI คืออะไร? คำตอบก็คือเป็นปัญญาประดิษฐ์ (AI) แขนงหนึ่งที่ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถสร้างคอนเทนต์ขึ้นเองได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ งานศิลปะ เรื่อยไปจนถึง บทกวี, เพลง, บทความ, วิดีโอ, บทละคร หรือแม้แต่ โค้ดคอมพิวเตอร์ ความสามารถที่อาจทำให้เราเข้าใจได้ว่า มนุษย์ได้สร้าง AI ที่มีความรู้สึกนึกคิดและมีความคิดสร้างสรรค์ขึ้นมาได้แล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นก็ยัง “ไม่ใช่”
จริงๆแล้วระบบ Generative AI นั้นถูกฝึกให้เรียนรู้สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมาก่อนแล้วไม่ว่าจะเป็นเอกสาร บทความ, ภาพวาด, ภาพยนตร์, บทละคร และสิ่งอื่นใดก็ตามที่สามารถเก็บไว้ใน database ที่ AI เข้าถึงได้ หรือพูดง่ายๆก็คือเป็นระบบที่สามารถ “เลียนแบบ” ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ได้นั่นเอง และมันก็เก่งถึงขั้นเรียนรู้จากสิ่งเหล่านี้และสร้างคอนเทนต์ที่เป็นของตัวเองได้แล้วเช่นกัน
AI ที่วาดรูปได้
Generative AI เป็นเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นมาแล้วหลายปี แต่ในปีนี้ระบบได้พัฒนาขึ้นมาถึงจุดที่สามารถเปิดให้สาธารณชนทั่วโลกได้ใช้กันแล้วโดยเฉพาะ AI ที่สามารถสร้างรูปภาพได้ไม่ว่าจะเป็น DAll-E 2 รวมไปถึง AI อย่าง Stable Diffusion รวมไปถึง Midjourney ที่เป็นที่พูดถึงอย่างมากในปีนี้
AI ที่วาดรูปได้เหล่านี้ใช้งานง่ายด้วยคำสั่งที่เป็นประโยคธรรมดาๆแต่ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและน่าทึ่ง จนสร้างแรงกระเพื่อมไปสู่ชุมชนศิลปะ และเกิดเป็นคำถามขึ้นว่าอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ภาพวาดจะถูก Disrupt ด้วยเทคโนโลยีนี้หรือไม่
เพื่อให้เห็นภาพก็ต้องลองทดสอบให้ Midhourney ลงวาดรูปปกบทความเกี่ยวกับ Generative AI ที่เรากำลังพูดถึงด้วยคำสั่ง “imagine article cover about generative AI” และนี่คือผลลัพธ์ที่ได้ภายในเวลาไม่ถึง 60 วินาทีเท่านั้น และภาพนี้ก็คือภาพปกของบทความนี้นั่นเอง
AI ก็เขียนงานได้
นอกจากความสามารถของ AI ที่อาจแย่งงานมนุษย์ด้วยการวาดภาพแล้ว ในปี 2022 Generative AI ยังพัฒนาไปสู่การสร้างเนื้อหาที่เป็นข้อความในรูปแบบต่างๆได้ด้วย โดยมีระบบเบื้องหลังเรียกว่า Large Language Model (LLMs) และที่โด่งดังที่สุดก็คงหนีไม่พ้น ChatGPT ที่สร้างปรากฏการณ์มีผู้ใช้งานพุ่งทะลุไปมากกว่า 1 ล้านคนในเวลาเพียง 5 วันหลังเปิดให้มีการใช้งาน ทำลายทุกสถิติของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อื่นๆไม่ว่าจะเป็น Twitter, Facebook, Instagram, Pinterest รวมถึง Spotify ที่ต้องใช้เวลาหลายเดือนถึงจะมีผู้ใช้งานในระดับนี้ได้

ChatGPT ของบริษัท Open AI สามารถทำตามคำสั่งต่างๆและโต้ตอบได้เหมือนมนุษย์จริงๆเพียงแค่พิมพ์คำสั่งเป็นข้อความง่ายๆเท่านั้น และความสามารถของ ChatGPT นั้นทำให้เราเห็นความน่าทึ่งของระบบ LLMs ที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้งานคอมพิวเตอร์นับจากนี้ไป กลายเป็นยุคที่เราจะสามารถสื่อสารกับคอมพิวเตอร์ได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น ถึงขั้นว่าหลายคนหวั่นเกรงว่า ChatGPT จะสามารถทำงานแทนมนุษย์ได้ รวมไปถึงอาจทำให้ Google เสื่อมความนิยมลงไปก็อาจเป็นได้
สำหรับรายละเอียดของ ChatGPT ความสามารถ การทดลองใช้ต่างๆสามารถย้อนไปอ่านกันได้ที่บทความ ทดสอบ ChatGPT เขียนบทความภาษาไทยทำได้ดีแค่ไหน และนักการตลาดใช้ประโยชน์อะไรได้อีกบ้าง กันได้
นอกจากงานเขียนแล้วเวลานี้ก็กำลังมี AI ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาที่สามารถสร้างงานเพลง สร้างวิดีโอได้อยู่ในเวลานี้เช่นกัน และหากมองต่อไปในอนาคต Generative AI ก็อาจจะมีบทบาทสำคัญในการสร้างประสบการณ์แบบ Immersive Experience ในยุคที่ Metaverse กำลังมาก็เป็นได้
ข้อจำกัดที่ยังมีอยู่
แม้จะเป็นเทคโนโลยีที่น่าทึ่งแต่ข้อจำกัดสำคัญก็คือ Generative AI นั้นยังคงมีข้อผิดพลาดในเรื่องของการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง นั่นเป็นเพราะข้อมูลพื้นฐานที่ AI เรียนรู้มาจากข้อมูลมหาศาลที่อยู่ในโลกออนไลน์ที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์ที่แม้จะมีข้อมูลถูกต้อง แต่ก็มีข้อมูลบิดเบือน ข้อมูลที่มีอคติทางการเมือง อคติทางสังคมรวมอยู่ในนั้นด้วย ซึ่งทาง Open AI ผู้สร้าง ChatGPT เองก็เตือนเอาไว้ว่า ChatGPT อาจให้ข้อมูลที่ผิดพลาด หรือเนื้อหาที่มีอคติได้และ ChatGPT ไม่ใช่ฐานข้อมูลที่จะเชื่อถือได้แต่เป็นเพียงระบบที่เลียนแบบการตอบสนองแบบมนุษย์เท่านั้น
แม้จะมีข้อจำกัดอยู่ แต่ด้วยความสามารถทั้งหมดของ Generative AI ซึ่งยังไม่หยุดพัฒนาเพียงเท่านี้เพราะ Open AI ก็เปิดเผยว่ากำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา ChatGPT เวอร์ชั่นต่อไปที่เรียกว่า GPT4 อยู่ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้ได้ใช้กันในปี 2023 นี้ ความก้าวหน้าเหล่านี้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนเห็นตรงกันว่าเทคโนโลยี Generative AI เป็นเทคโนโลยีแห่งปี 2022 ที่อาจเป็นอีกครั้งที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตมนุษย์ไปตลอดกาลก็เป็นได้
ที่มา BigThink.com