รู้จัก 5 สิ่งที่จะนำองค์กรสู่การเป็น Digital-First Company เทรนด์ธุรกิจโลกอนาคต

  • 2
  •  
  •  
  •  
  •  

คงจะไม่มีใครไม่รู้จักกับ Digital Tranformation ที่เป็นเทรนด์ของโลกยุคใหม่ที่โลกธุรกิจต้องให้ความสำคัญ เทรนด์ที่ย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ความเป็นดิจิทัลด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด แต่อีกหนึ่งเทรนด์สำคัญสำหรับการทำธุรกิจเพื่อรองรับอนาคต ที่ต้องรู้ก็คือ “Digital-First Company” ที่จะทำให้องค์กรมีความยืดหยุ่นและสร้างความเติบโตให้กับองค์กรได้ในทุกอุตสาหกรรม และการก้าวไปสู่การเป็น Digital-First Company นั้นก็มี 5 สิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้ระบบนิเวศน์ทางธุรกิจและเพิ่มประสิทธิภาพการได้ดีขึ้น

ล่าสุดบริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ที่ปรึกษาชั้นนำผู้ให้บริการด้าน Digital Transformation ครบวงจร ได้เปิดเทรนด์สำคัญในการทำธุรกิจแห่งอนาคตสู่ “Digital-First Company” เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และพฤติกรรมของคน Gen MZ (กลุ่ม Gen Millennials และ Gen Z) ที่กำลังก้าวขึ้นเป็นกลุ่มคนที่มีอิทธิพลต่อสังคมและการบริโภคของโลกในอนาคต ซึ่งการปรับเปลี่ยนเป็น “Digital-First Company” สามารถสร้างความยืดหยุ่นควบคู่การเติบโตให้องค์กรด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี อีกทั้งยังเป็นการปูรากฐานสู่ความสำเร็จในการทำ Digital Transformation อย่างต่อเนื่องขององค์กรในทุกอุตสาหกรรม

นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK เปิดเผยว่าการปรับเปลี่ยนองค์กรเป็น “Digital-First Company” ต้องเริ่มด้วยการคิดใหม่ในทุกแง่มุมของการทำธุรกิจ โดยมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อน เชื่อมโยงและตอบโจทย์ความต้องการผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder)  ในระบบนิเวศของธุรกิจยุคใหม่ ที่ประกอบด้วย องค์กร (Company) ลูกค้า (Customer) พันธมิตรทางธุรกิจ (Partner) และสังคม (Community) ซึ่งในแต่ละส่วนของระบบนิเวศนี้ล้วนมีความซับซ้อนและมี Pain Point ที่แตกต่างกัน เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา ที่ก่อให้เกิดกระแส New Normal และกำลังก้าวสู่ New World Order หรือระเบียบโลกใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้ ดังนั้นทุกองค์กรจึงต้องเร่งปรับตัวให้เป็น Digital-First Company เพื่อให้การทำ Digital Transformation ที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องเป็นไปได้อย่างราบรื่น ให้สามารถสร้างความยืดหยุ่นแก่ธุรกิจ ยกระดับการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพและสามารถเข้าถึงและเข้าใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างถูกต้องแม่นยำ

ดังนั้นบลูบิค จึงยกตัวอย่าง Capability สำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรสู่ “Digital-First Company” สามารถสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศทางธุรกิจ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานสำหรับองค์กรยุคใหม่เอาไว้ 5 เรื่องด้วยกันได้แก่

1. Super App

ความนิยมของ Super App พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเทคโนโลยีนี้สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ได้จริง และเป็นช่องทางสร้างการเติบโตร่วมกันกับพันธมิตรทางธุรกิจ ทำให้หลายองค์กรเร่งเดินหน้าพัฒนา Super App ของตนเองในช่วงที่ผ่านมา แต่การพัฒนา Super App ต้องมี Core Feature และระบบที่ซับซ้อนขั้นสูง อีกทั้งต้องมีองค์ประกอบเกี่ยวกับ Microservice, Data Sharing และ Mini App ที่ดี รวมถึงเม็ดเงินลงทุนที่เพียงพอ ซึ่งโดยทั่วไปอยู่ที่ระดับ 100 ล้านบาทขึ้นไป นอกจากนี้ ผู้พัฒนายังต้องมีความเชี่ยวชาญและให้ความสำคัญเกี่ยวกับการรองรับการขยายตัวในอนาคต (Scalability) การขยายหรือเพิ่มขีดความสามารถ (Extensibility) ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) ความสามารถในการดูแลรักษาระบบที่ต้องง่าย (Maintainability) มีประสิทธิภาพการทำงาน (Efficiency) และโซลูชันที่ต้องอัปเดตให้ตอบโจทย์การใช้งานอยู่เสมอ ดังนั้นประสบการณ์และความเชี่ยวชาญจึงเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนา Super App เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา อาทิ ระบบล่มที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ ถูกโจมตีทางไซเบอร์และการหารายได้จาก Super App เป็นต้น

2. Augmented Intelligence

Augmented Intelligence เป็นเทคโนโลยีขั้นกว่าของปัญญาประดิษฐ์ที่กำลังมาแรง ที่ประสานการทำงานร่วมกันระหว่างเทคโนโลยี Artificial Intelligence – AI, Machine Learning – ML, Deep Learning, Big Data Analytics และ Human Intelligence ใช้จุดแข็งของแต่ละฝ่ายเติมเต็มซึ่งกันและกันเพื่อผลลัพธ์การทำงานที่ดีที่สุดโดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือมากกว่าทำงานแทนมนุษย์เหมือน AI ดังนั้นการพัฒนา Augmented Intelligence ให้สำเร็จและเป็นไปตามวัตถุประสงค์การใช้งาน จำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจทั้งในฝั่งธุรกิจและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้ง เพราะการพัฒนาหรือนำ Augmented Intelligence ไปใช้อย่างผิดวิธีอาจส่งผลเสียต่อการดำเนินธุรกิจได้

3. Digital Immunity and Trust

สร้างความน่าเชื่อถือและเกราะป้องกันภัยทางไซเบอร์ หรือ Digital Immunity Trust คือการสร้างภูมิคุ้มกันภัยทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่งให้กับองค์กร ซึ่งต้องเริ่มตั้งแต่ตัวพนักงาน กระบวนการ และเทคโนโลยีโดยการผสมผสานกลยุทธ์และวิศวกรรมซอฟต์แวร์หลายอย่าง เพื่อป้องกันความเสี่ยงและยกระดับความปลอดภัยให้ผู้ใช้งาน ซึ่งการสร้างมาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและทำให้ลูกค้าหรือผู้ใช้งานเกิดความเชื่อมั่น นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการโจมตีทางไซเบอร์ได้ด้วย ซึ่งแน่นอนว่า Digital First Company จะต้องมีสิ่งนี้รวมอยู่ด้วย

4. Sustainability Technology

เทคโนโลยีเพื่อสร้างความมั่นคงและยั่งยืน หรือ Sustainability Technology เป็นเทรนด์เทคโนโลยีที่ใช้ ตอบโจทย์กระแส ESG ที่กำลังอยู่ในความสนใจขององค์กรทั่วโลก โดยหลักการพื้นฐานแล้วเทคโนโลยีมีส่วนสนับสนุนและเกี่ยวข้องทั้งด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance) ยกตัวอย่างเช่น การย้ายข้อมูลขึ้นระบบดิจิทัลแพลตฟอร์มช่วยลดการใช้กระดาษจำนวนมหาศาล การเพิ่มช่องทางการสื่อสารและพื้นที่บนโลกออนไลน์ให้กับชุมชน/สังคม และการสร้างความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจด้วยด้วยการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) เป็นต้น ฉะนั้นองค์กรใดที่ต้องการประสบความสำเร็จในการทำ ESG จึงควรเริ่มต้นด้วยการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้เดินหน้าสู่เป้าหมาย

5. Agile Operations

Agile Operations คือ แนวคิดการทำงานสำหรับองค์กรยุคใหม่ที่ใช้รับมือกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในโลกธุรกิจ ที่ครอบคลุมตั้งแต่ความต้องการลูกค้า เทคโนโลยีใหม่ ๆ จนถึงสภาพเศรษฐกิจและสังคม ทำให้องค์กรสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัวกว่าเดิม นอกจากนี้ช่วยให้รักษาขีดความสามารถในการแข็งขันและบรรลุเป้าหมายการทำ  Digital Transformation ได้อย่างราบรื่น

เทรนด์ Digital-First Company ที่เกิดขึ้นพร้อมๆกับ 5 สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันนี้เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่องค์กรและภาคธุรกิจสามารถนำไปปรับใช้ได้เพื่อสร้างการเติบโต หรือหากไม่สามารถทำเองได้ทั้งหมด และไม่อยากเผชิญกับอัตราต้นทุนค่าเสียโอกาสทางธุรกิจ (Opportunity Cost) ไปก็สามารถพึ่งพาบริษัทที่เชี่ยวชาญมาเป็นที่ปรึกษาได้ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ บลูบิค ที่มีการเตรียมแผนกลยุทธ์ “Growth at Scale” เพื่อช่วยลูกค้าในการเปลี่ยนผ่านองค์กรได้อย่างราบรื่นครอบคลุมทั้งลูกค้าขนาดกลางและใหญ่ได้นั่นเอง


  • 2
  •  
  •  
  •  
  •