เมื่อธุรกิจ “ครอบครัว” จะกลายเป็น “มหาชน” เปิดกลยุทธ์ “เซ็นทรัล รีเทล” ปรับใหญ่สู่ New Central Retail Experience

  • 761
  •  
  •  
  •  
  •  

72 years Central Retail

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าว “เซ็นทรัล รีเทล” หนึ่งในธุรกิจเรือธงของกลุ่มเซ็นทรัล เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และระดมทุนผ่าน IPO รวมถึงการปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ของเซ็นทรัล รีเทล ซึ่งก่อนหน้านี้มีการแจ้งเพิกถอนหลักทรัพย์ “ROBINS” บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) ไปแล้ว เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการทำ IPO

ภาพรวมของการปรับโครงสร้างเซ็นทรัล รีเทล เป็นการรวมธุรกิจค้าปลีกต่าง ๆ ทั้งในประเทศไทย เวียดนาม และอิตาลี เข้าเป็นบริษัทเดียวภายใต้การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายในการเป็น “Central of Life” ศูนย์กลางการใช้ชีวิตของผู้คนตามแนวคิดของบริษัท

  • ปี 2561 เซ็นทรัล รีเทล มีรายได้รวม 240,297 ล้านบาท

  • มีเครือข่ายธุรกิจในไทย เวียดนาม อิตาลี ซึ่งมีจุดขายรวมทั้งสิ้น 3,936 สาขา

  • ประกอบธุรกิจ 3 กลุ่ม ได้แก่ แฟชั่น ฮาร์ดไลน์ และฟู้ด

คุณทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร เซ็นทรัล รีเทล (บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด) เล่าว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีการปรับโครงสร้างและเตรียมพร้อมเพื่อเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว ภายใต้การดำเนินงาน 72 ปีของกลุ่มเซ็นทรัล จากห้องแถวห้องเดียวสู่ห้างสรรพสินค้าที่ดีที่สุดในเอเชียอาคเนย์และขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ อนาคตของเซ็นทรัล รีเทล กำลังจะถูกต่อยอดสู่ New Central Retail Experience เปลี่ยนประสบการณ์ห้างค้าปลีกสู่รูปแบบใหม่ Omnichanel เชื่อมโยงการใช้งานทั้งออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกัน

“จากบริษัท Local แต่วันนี้เซ็นทรัล รีเทล จะกลายเป็น International”

ตามรอย “โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา – เซ็นทรัลพัฒนา” เข้าตลาดหลักทรัพย์

ก่อนหน้านี้เครือเซ็นทรัลก็เคยมีบริษัทในเครือเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์มาแล้ว 2 ครั้ง ได้แก่ บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) เมื่อปี 2533 และบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เมื่อปี 2538 โดยทั้ง 2 ครั้งสามารถสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดแก่ธุรกิจ ซึ่ง บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา เติบโตถึง 29.1 เท่าตัว จากรายได้ 1,800 ล้านบาทในปี 2533 เป็น 46,575 ล้านบาทในปี 2562 ขณะที่ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา เติบโตราว 37.3 เท่าตัว จากรายได้ 8,900 ล้านบาทในปี 2538 เป็น 332,112 ล้านบาทในปี 2562

ทัพผู้บริหารเซ็นทรัล รีเทล
ทัพผู้บริหารเซ็นทรัล รีเทล

 

กะเทาะ 3 ปัจจัยหนุน “รีเทล” เติบโต

การดำเนินธุรกิจค้าปลีกมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโต 3 เรื่อง คือ 1. การเติบโตของเศรษฐกิจมหภาค ซึ่งกำลังซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคของไทยยังคงเติบโต สอดคล้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและกรุงเทพฯ ยังคงเป็นปลายทางการท่องเที่ยวที่ผู้คนทั่วโลกชื่นชอบ โดยในปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังประเทศไทยกว่า 37.4 ล้านคน และคาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มเป็น 52 ล้านคน 2. การพลิกโฉมของเซ็นทรัล รีเทล ที่เป็นธุรกิจครอบครัวสู่การเป็นบริษัทมหาชน ซึ่งขับเคลื่อนร่วมกับทีมผู้บริหารมืออาชีพทั้งชาวไทยและต่างชาติ และ 3. การดำเนินธุรกิจโดยใส่ใจสิ่งแวดล้อม สังคม และการเป็นบริษัทธรรมาภิบาล จากทั้ง 3 ปัจจัย ทำให้เซ็นทรัล รีเทล มั่นใจว่าเป็นปัจจัยส่งเสริมการเติบโตแก่ธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

 

คุณญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เซ็นทรัล รีเทล กล่าวถึงเป้าหมายของบริษัทว่า เป้าหมายของบริษัทคือ Central of Life การเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตของผู้คน ภายใต้แกนหลักการดำเนินธุรกิจ 3 กลุ่ม ได้แก่ Multi-Category แบ่งเป็นแฟชั่น ฮาร์ดไลน์ ฟู้ด, Multi-Format การให้บริการเชื่อมโยงทั้งช่องทางจำหน่ายออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกัน, Multi-Market การดำเนินงานทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายต่อไปในการพัฒนา New Central Retail Experience นำเทคโนโลยีเข้ามาตอบโจทย์การใช้งานอย่างหลากหลาย เช่น Personalization นำแมชชีนเลิร์นนิ่งเข้ามาช่วยวิเคราะห์ฐานข้อมูลลูกค้ากว่า 27 ล้านรายทั่วโลก, Superior Services พัฒนาบริการใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า, E-payment Financial Services ระบบจ่ายเงินออนไลน์ในรูปแบบต่าง ๆ ทั้ง QR Code E-wallet เป็นต้น เพื่อตอบโจทย์ความง่าย ความสะดวก และช่วยแก้ปัญหาการเดินทางแก่ลูกค้า

“เป้าหมายสำคัญในการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ มี 3 เรื่อง คือ การมีความร่วมมือทางธุรกิจและคู่ค้าระดับโลก การได้บุคลากรจากองค์กรชั้นนำระดับโลกเข้ามาร่วมงานกับเรา และการสร้างโอกาสต่อยอดเงินทุนให้แก่ธุรกิจ ซึ่งการดำเนินงานในนามบริษัทมหาชนจะทำให้เราได้รับโอกาสและเปิดกว้างมากขึ้น”

Central Retail 01

ลงทุนหลายหมื่นล้านบาทต่อปี! “Food” สร้างรายได้หลัก

แต่ละปี เซ็นทรัล รีเทล ใช้งบลงทุนเฉลี่ย 40,000-50,000 ล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้รวม 240,297 ล้านบาท แบ่งเป็นช่องทางรายได้จากประเทศไทย 77-78% จากเวียดนาม 14-15% และอิตาลี 8% โดยมาจากกลุ่มฟู้ด 43% แฟชั่น 35% และฮาร์ดไลน์ 22%

สำหรับธุรกิจกลุ่มฟู้ด เป็นการจำหน่ายอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภค ของสดของแห้ง สินค้าออร์แกนิค ทั้งที่นำเข้าจากต่างประเทศและจัดซื้อจากในพื้นที่ ผ่านท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ เดลี่ และท็อปส์ พลาซ่า, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, แฟมิลี่มาร์ท, บิ๊กซี, ลานชี มาร์ท โดยมีช่องทางการขายผ่านซูเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ต 326 สาขา และร้านสะดวกซื้อ 1,008 สาขา

ธุรกิจกลุ่มแฟชั่น เป็นการจำหน่ายสินค้าแฟชั่น เครื่องสำอาง และของใช้ในบ้าน ทั้งแบรนด์จากต่างประเทศและแบรนด์ทั่วไป อาทิ เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ และ สินค้าอื่น ๆ ผ่านห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน, โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์, ซูเปอร์สปอร์ต, CMG, รีนาเชนเต โดยมีช่องทางขายผ่านห้างสรรพสินค้า 81 สาขา, ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง 93 ร้านค้า, ร้านค้า Brandshop 390 ร้านค้า

ธุรกิจกลุ่มฮาร์ดไลน์ เป็นการจำหน่ายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าตกแต่งบ้าน วัสดุก่อสร้าง สินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้านแบบ DIY ผ่านไทวัสดุ, บ้าน แอนด์ บียอนด์, เพาเวอร์บาย, เหงียนคิม โดยมีช่องทางการขายทั้งสิ้น 222 ร้านค้า

ยกระดับสู่ Central Retail Economy

นอกจากนี้ การวางรากฐานต่าง ๆ ของเซ็นทรัล รีเทล ยังมีเป้าหมายต่อยอดและยกระดับการแข่งขันโดยเรียกว่า Central Retail Economy จาก Business Highlights คงความโดดเด่นในฐานะผู้นำตลาดค้าปลีก, Thriving Ecosystem ระบบนิเวศที่เชื่อมโยงแต่ละโมเดลทางธุรกิจเข้าไว้ด้วยกันจนนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของทุกผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และ Clear Positioning to Win กลยุทธ์ที่ชัดเจนเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้


  • 761
  •  
  •  
  •  
  •  
Ms.นกยูง
เมื่อโลกไม่เคยหยุดหมุน เราก็ไม่ควรหยุดเรียนรู้... ชวนคุณมาทำความรู้จักหลากหลายเรื่องราว ทั้งสาระและสีสันบนโลกดิจิทัลไปพร้อมกัน