ปัญหาการยอดขายหด รายได้หาย กลายเป็นวิกฤตแห่งยุคที่ผู้ประกอบการทุกธุรกิจต้องเจอเหมือน ๆ กัน ไม่ว่าสาเหตุจะมาจากการที่ผู้คนใช้ชีวิตอยู่บ้าน หรือต้องประหยัดรายจ่าย เรื่องนี้สินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตหลายต่อหลายประเภทยังได้รับผลกระทบ แล้วสถานการณ์ของแบรนด์หรู จะเป็นอย่างไร
หากมองลักชัวรี่แบรนด์อย่าง Burberry เป็นกรณีศึกษา จะพบว่าช่วงแรกของ COVID-19 ก็ทำให้ยอดขายของแบรนด์สั่นคลอนไปไม่น้อย แม้ว่าสถานการณ์จะบังคับให้ทุกแบรนด์ต้องลงมาแข่งกันบนสนามออนไลน์ แต่นั่นก็อาจยังไม่เพียงพอ เพราะจากรายงานผลประกอบการประจำปี พบว่ายอดขายโดยรวมของ Burberry ลดลงกว่า 13.8% แต่หากเทียบกับยอดขายแบบ Full-price ในช่วงไตรมาสที่ 4 ถึงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จะพบว่าเพิ่มขึ้นถึง 63%
ปัจจัยที่เชื่อว่าสนับสนุนการเติบโตของ Burberry นั้น ส่วนหนึ่งมาจากยอดขายในประเทศจีน เกาหลีใต้ และสหรัฐอเมริกา รวมถึงการวิเคราะห์จากกูรูแวดวงค้าปลีกที่มองว่า Burberry ประสบความสำเร็จจากการปรับภาพลักษณ์ ขยายมาเน้นสตรีทแวร์มากขึ้นจึงดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ที่อายุน้อยลงได้ดีขึ้นตามไปด้วย จึงเข้ามาชดเชยยอดขาย แทนสินค้ากลุ่มเครื่องหนังและเสื้อผ้า Outerwear ที่หดหายไปเพราะผู้คนต้องใช้ชีวิตอยู่ติดบ้าน
ประเด็นนี้ Marco Gobbetti ซีอีโอ Burberry ก็ยังบอกเองว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาแบรนด์พยายามอย่างมากเพื่อทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่ A new Burberry ที่ยังคงความเป็นลักชัวรี่ ซึ่งนอกจากการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์แล้ว ก็ยังมีการปรับข้อเสนอและยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า รวมถึงประเด็นที่มากกว่านั้น เช่น วาระทางสังคมและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ที่มา: Inside Retail