ไม่น่าแปลกใจที่นโยบาย Social Distancing และมาตรการลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาด COVID-19 จะทำให้ “ความบันเทิงออนไลน์” กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมในการคลายเครียดคลายเหงาในยามที่ทุกคนต้องอยู่กับบ้าน แต่น่าแปลกใจที่วันนี้มีข่าวว่าหนึ่งในผู้ให้บริการ VDO Streaming อย่าง “HOOQ” จะยกเลิกบริการ
สอดคล้องกับประกาศจาก HOOQ ในประเทศไทย ที่เริ่มแจ้งให้ผู้ใช้บริการชาวไทยทราบแล้วว่า “HOOQ จะเปิดให้บริการผ่านแอปถึงวันที่ 13 เมษายนนี้” ทั้งยังระบุถึงลูกค้าที่สมัครใช้แพ็กเกจเสริมโดยชำระค่าบริการผ่าน AIS จะมีการปรับลดค่าแพ็กเกจย้อนหลังให้ในรอบบิลเดือนมีนาคมเต็มจำนวน (ภายใน 20 เมษายน) และหยุดคิดค่าแพ็กเกจตั้งแต่รอบบิลเดือนเมษายน 2563 เป็นต้นไป
ที่จริงแล้ว เรื่องดังกล่าวชัดเจนขึ้นตั้งแต่มีข่าวว่า HOOQ เตรียมขายสินทรัพย์ทั้งหมดเพื่อทำการ “ยกเลิกกิจการ” ต้องบอกก่อนว่า HOOQ มีผู้ถือหุ้นรวม 3 ราย คือ Singtel, Sony Pictures Television และ Warner Bros Entertainment โดย Singtel ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ (76.5%) ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ว่า HOOQ ไม่เติบโตและไม่ทำกำไรในขณะที่ต้นทุนมีแต่เพิ่มขึ้น จึงต้องการขายสินทรัพย์และยกเลิกกิจการ อย่างไรก็ตาม HOOQ แจ้งว่าเรียกประชุมผู้ถือหุ้นอีกครั้งในวันที่ 13 เมษายน
สำหรับ HOOQ ก่อตั้งมาได้เพียง 5 ปี ท่ามกลางการแข่งขันของบริการ OTT (Over-The-Top) โดยเฉพาะระดับพรีเมียมที่แข่งขันกันอย่างดุเดือดทั่วโลก ทำให้บรรดาผู้ให้บริการต้องเฟ้นหากลยุทธ์มาดูดดึงลูกค้าอย่างเข้มข้น กลายเป็นต้นทุนมหาศาลในการจัดหาหรือผลิตคอนเทนต์มามอบให้ผู้ชม ท่ามกลางทางเลือกที่มีให้เลือกอยู่หลากหลายในปัจจุบัน เรื่องดังกล่าวเป็นสาเหตุหลักให้ HOOQ ซึ่งไม่เติบโต…ขาดรายได้ที่เพียงพอต่อการดำเนินงานนั่นเอง แม้ว่าที่ผ่านมา HOOQ จะพยายามปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดเก็บค่าสมาชิกแบบรายเดือน รายปี โดยเพิ่มทางเลือกให้จ่ายแบบ “รายวัน” เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาสมัครใช้งานแล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนฐานสมาชิกกว่า 80 ล้านคน ที่กระจายอยู่ในหลาย ๆ ประเทศจะยังทำรายได้ไม่เพียงพอ
ที่มา : Straitstimes