คงปฏิเสธไม่ได้ว่าอินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น มือถือ โน้ตบุ๊ก พีซี โทรทัศน์ หรือแม้แต่นาฬิกา ทั้งนี้ มีข้อมูลจากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ เอ็ทด้า (ETDA) ได้สำรวจ ภาพรวมของการใช้งานอินเทอร์เน็ต ในประเทศไทย ประจำปี 2557 พบว่า ค่าเฉลี่ยของการใช้อินเทอร์เน็ตต่อสัปดาห์เพิ่มสูงขึ้นจากการใช้งานโดยเฉลี่ย 32.3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือใช้เวลาโดยประมาณ 4.6 ชั่วโมงต่อวัน หรือคนใช้เวลาเกือบ 1 ใน 3 ของวันเพื่อใช้งานอินเทอร์เน็ต
อุปกรณ์ที่ใช้เข้าถึงอินเทอร์เน็ต (Device)
ผลสำรวจระบุว่า “สมาร์ทโฟน” เป็นอุปกรณ์ที่ผู้ตอบแบบสำรวจใช้งานมากที่สุด โดยคิดเป็นร้อยละ 77.1 และมีการใช้งานโดยเฉลี่ย 6.6 ชั่วโมงต่อวัน “คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ” ซึ่งมีผู้ใช้งานร้อยละ 69.4 และมีค่าเฉลี่ยในการใช้งานต่อวันคิดเป็น 6.2 ชั่วโมง ล่าสุด กับดีไวซ์ภายในบ้านตัวใหม่มาแรง “สมาร์ตทีวี” ในยุคทีวีดิจิทัลระยะเริ่มต้น พบว่า มีผู้ตอบแบบสำรวจเพียงร้อยละ 8.4 เท่านั้นที่ใช้อุปกรณ์นี้ โดยมีการใช้งานเฉลี่ย 3.4 ชั่วโมงต่อวัน
ช่วงเวลาที่มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตจากอุปกรณ์ต่างๆ
ผู้ตอบแบบสำรวจกว่าร้อยละ 50 ระบุว่าช่วงเวลา 08.01-16.00 น.เป็นช่วงเวลาที่มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตจากคอมพิวเตอร์แบบ Desktop อย่างไรก็ตาม ยังพบอีกว่าผู้ตอบแบบสำรวจกว่าร้อยละ 40 ยังมีการใช้งานสมาร์ทโฟนในช่วงเวลานี้เช่นกัน และในช่วงเวลาหลังเลิกงาน/เรียน ตั้งแต่ 16.00-24.00 น.
โดย “สมาร์ทโฟน” กลายเป็นอุปกรณ์ที่ถูกใช้งานเพื่อเข้าถึงอินเทอร์เน็ตสูงที่สุด นอกจากนี้ อุปกรณ์อย่างแท็บเล็ตและสมาร์ททีวีก็ถูกใช้งานมากขึ้นในช่วงเวลานี้ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาอื่น
เครือข่ายสังคมออนไลน์ยอดนิยม
เครือข่ายสังคมออนไลน์และแอพพลิเคชั่นยอดนิยม 3 อันดับแรก ได้แก่
- Facebook มีผู้ใช้งานร้อยละ 93.7
- LINEมีผู้ใช้งานร้อยละ 86.8
- Google+มีผู้ใช้งานร้อยละ 34.6
ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2556 จะเห็นว่ามีการสลับตำแหน่งกันระหว่าง LINE (ร้อยละ 61.1) และ Google+ (ร้อยละ 63.7)
สำหรับ Instagram และ Twitter มีผู้ใช้งานเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2556 โดยในปีนี้ มีผู้ใช้งาน Instagram ร้อยละ 34.1 ในขณะที่ปี 2556 มีผู้ใช้งานเพียงร้อยละ 12 และ Twitter มีผู้ใช้งานคิดเป็นร้อยละ 16.1 ในขณะที่ปี 2556 มีผู้ใช้งานเพียงร้อยละ 8.2 เท่านั้น
จากข้อมูลข้างต้นคงพอจะบอกได้ว่า การใช้งานอินเทอร์เน็ตในบ้านมีปริมาณสูงขึ้น โดยเฉพาะช่วงเวลาหลังเลิกงาน ตั้งแต่ 16.00-24.00 น. ที่สำคัญคือเมื่ออยู่ในบ้านไม่ได้มีการใช้แค่ดีไวซ์เดียว แต่มีการเปิดใช้หลายดีไวซ์พร้อมๆ กัน ดังนั้น ปัญหาที่ตามมาก็คือ มีการแย่งช่องสัญญาณการใช้อินเทอร์เน็ตภายในบ้าน ทำให้การใช้งานสะดุด ไม่ลื่นไหล
ดังนั้น เพื่อตอบสนอง ดิจิตอล ไลฟ์สไตล์ ที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตในบ้านมากขึ้น “ทรูออนไลน์” ในฐานะผู้นำบรอดแบนด์ไทย จึงได้จัดแคมเปญ “ยิ้มยกบ้าน”โชว์ศักยภาพโครงข่ายที่ให้บริการได้ทั้งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและโทรศัพท์บ้านรูปแบบใหม่ Fixed line plus บนสายไฟเบอร์เคเบิลสายเดียวกัน เพียง 699 บาทต่อเดือน ท่องเน็ตเร็วสูงถึง 18 เมก!!
แคมเปญสุดคุ้ม “ยิ้มยกบ้าน”
นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช หัวหน้าสายงานการพาณิชย์และพัฒนาธุรกิจ ทรูออนไลน์ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ตลาดบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตไทยโดยรวมมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 15% โดยในปีที่ผ่านมา ทรูออนไลน์ยังครองความเป็นผู้นำตลาด บรอดแบนด์ไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยจุดเด่นโครงข่ายบรอดแบนด์ที่ดีที่สุดและทันสมัยที่สุด รวมทั้งแพ็กเกจคอนเวอร์เจนซ์ที่มอบความคุ้มค่าตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ทำให้ปีที่ผ่านมาสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดในกรุงเทพฯและปริมณฑลมากที่สุดถึง 65% และมีส่วนแบ่งตลาดทั่วประเทศ 38%
“ในปีนี้ ทรูออนไลน์ยังคงเดินหน้ายุทธศาสตร์คอนเวอร์เจนซ์ พร้อมแนะนำนวัตกรรม Fixed Mobile Convergence รายแรกในไทย ซึ่งทรูออนไลน์ เป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียวที่สามารถให้บริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์บ้านผ่านสายไฟเบอร์เคเบิลที่มีโครงข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมเปิดแคมเปญสุดคุ้ม “ยิ้มยกบ้าน”เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าเน็ตบ้านทั่วประเทศที่มีการขยายตัวต่อเนื่อง ให้สามารถใช้งานได้สะดวกครบครันทั้งครอบครัว บนโครงข่ายประสิทธิภาพที่รองรับ Quad Play ที่มีศักยภาพในการส่งสัญญาณที่มีคุณภาพและความคมชัดสูง สามารถให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสุดถึง 10 Gbps. และให้บริการด้านเสียงระบบ HD ที่คมชัดเหนือกว่า”
กับแคมเปญ “ยิ้มยกบ้าน” ยังมีโปรโมชั่นและสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมาก อาทิแจกโทรศัพท์บ้านไร้สาย 1 เครื่องฟรี และค่าโทรจากโทรศัพท์บ้านทรูมูลค่า 200 บาท โทรได้ทุกเครือข่ายทั่วไทย นาน 12 รอบบิล ทั้งยังโทรหาเพื่อนและคนสนิท เบอร์ทรูมูฟ เอช ฟรี 3 เลขหมาย เอาใจลูกค้าบ้านเล่นเน็ตทั้งครอบครัวทั่วประเทศ
ตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันในบ้าน
แคมเปญ “ยิ้มยกบ้าน”ของทรูออนไลน์ที่ให้บริการทั้งโทรศัพท์บ้านและอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงนี้ มีแนวคิดจากการสำรวจความต้องการของลูกค้าบ้านทั่วประเทศ ซึ่งคนในครอบครัวมีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างและต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงพร้อมกัน ทำให้ต้องมีการแชร์การใช้งานอินเทอร์เน็ตขณะอยู่ที่บ้าน รวมถึงความต้องการใช้งานโทรศัพท์บ้านที่สัญญาณเสถียรและปลอดภัยขณะใช้งาน จึงมั่นใจได้ว่าจะไม่พลาดทุกการติดต่อสื่อสารตลอดเวลาที่อยู่บ้านหรืออยู่บนอาคารสูงๆ
นอกจากนี้ ยังได้ครอบครัว “ฉัตรบริรักษ์” ซึ่งเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่มีไลฟ์สไตล์ที่ชอบเล่นโซเชียล ตั้งแต่ คุณแม่งามทิพย์-บอย-หน่อง-ภัทร โดยเฉพาะ “น้องวันใหม่” เน็ตไอดอลตัวน้อย เป็นการเลือกพรีเซ็นเตอร์ที่ได้ตัวแทนตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยสื่อว่าแม้แต่ละคนจะมีชีวิตประจำวันแตกต่างกัน แต่ยังใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน แชร์กันได้ทั้งความรักและความเร็วจากบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตของทรูออนไลน์ได้อย่างสะดวกสบาย
หากคุณเป็นอีกคนที่ชอบท่องเน็ตรวมถึงคนในบ้านของคุณด้วย การเลือกใช้แพ็กเกจดีๆ ให้เข้าไลฟ์สไตล์ที่มี ก็จะทำให้การใช้งานอินเทอร์เน็ตของคุณและคนในบ้านสนุกสนานและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ดังนั้น “ยิ้มยกบ้าน” ของทรูออนไลน์ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ เพื่อคุณและสมาชิกในครอบครัวจะได้ยิ้มกระจายกันทั้งบ้าน.