แม้ปัจจุบันเรื่องของ NFT จะไม่ได้กลายเป็นกระแสเหมือนกับในช่วงปี 2021 ที่กระแสของ NFT บูมอย่างมากซึ่งในเวลานั้นข้อมูลจาก Statista Digital Economy Compass 2022 ประเทศไทยมีผู้ลงทะเบียนใช้งาน NFT อันดับต้นๆของโลก สูงถึง 5.65 ล้านคน แต่ในเวลานี้ NFT กลับไม่ได้ถูกพูดถึงมากนักเหมือนในเวลานั้นแล้ว
มูลค่าตลาดของ NFT ที่ลดลงส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากตลาดคริปโตฯที่ไม่ร้อนแรงเหมือนเดิม แต่ในทางกลับกัน โปรเจ็กต์ที่มีการนำ NFT เข้ามาใช้เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือการตลาดกลับมีเพิ่มมากขึ้นแบบสวนทางกัน เวลานี้แบรนด์ยักษ์ใหญ่ต่างนำ NFT เทคโนโลยีที่มีจุดเด่นเรื่อง “พิสูจน์ความเป็นเจ้าของ” ได้และ “พิสูจน์ความเป็นของแท้ได้” มาใช้เป็นกลยุทธ์การตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแบรนด์กีฬาหลายแบรนด์กระโดดลงมาใช้กลยุทธ์ NFT ในการทำการตลาดด้วยเช่นกันไม่ว่าจะเป็น Under Armour ออกรองเท้าเสมือนจริง รุ่น Genesis Curry Flow เปิดขายครั้งแรกมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 333 ดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนที่ราคาขยับจาก 551 ดอลลาร์สหรัฐฯ สูงกว่า 15,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ขณะที่ Adidas มีโปรเจ็กต์ชุด “Into the Metaverse” ซึ่งมีลูกค้าที่ซื้อไปในราคาเริ่มต้น 765 ดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนจะสามารถนำไปขายต่อทำราคามากกว่า 2,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ บน NFT
Nike ที่ถึงกับเข้าซื้อบริษัทชื่อ RTFTK สตูดิโอผู้พัฒนาสนีกเกอร์เสมือน ของสะสม และมีม ช่วยให้ Nike สามารถทำโปรเจ็กต์ NFT หลายโปรเจ็กต์เช่นกัน นั่นไม่เว้นแม้แต่แบรนด์หรูอย่าง Luis Vitton ที่เข้าสู่โลก NFT เช่นกันด้วยเทรนด์สินค้าที่เรียกว่า “Phygital” ที่หมายถึงการซื้อสินค้าที่ได้ทั้งสินค้าจริงและสินค้าในโลกดิจิทัลแบบ NFT ด้วยการออกคอลเล็คชั่นกระเป๋า ในราคา 1.4 ล้านบาท ที่มีจำนวนจำกัด
การนำเทคโนโลยี NFT มาใช้เป็นหนึ่งกลยุทธ์การตลาดสามารถดึงความสนใจทั้งจากแฟนๆของแบรนด์รวมไปถึงกลุ่มชุมชนนักสะสม NFT ที่มีอยู่ทั่วโลกให้เข้าถึงแบรนด์ได้มากยิ่งขึ้น และนั่นก็คือกลยุทธ์ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำมาใช้ในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างชาติด้วยเช่นกันผ่านโครงการ Amazing Thailand NFTs ที่เพิ่งเปิดตัวโครงการใน Season 3 ไปเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา
Amazing Thailand NFTs Season 3 กลยุทธ์นำ NFT ทำการตลาด
โครงการ Amazing Thailand NFTs Season 3 เป็นโครงการของททท.ที่ทำต่อเนื่องมากเป็นครั้งที่ 3 แล้วในคอนเซปต์ Travel to Earn เป็นกลยุทธ์การนำเทคโนโลยี NFT และเทคโนโลยี Blockchain เข้ามาใช้เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ และนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาเที่ยวประเทศไทยโดยมีศิลปะ NFT เป็นรางวัลในการไปเที่ยวและเช็คอินในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆทั้งหมด 40 แหล่งจาก 5 ภูมิภาคทั่วไทย โดยทั้งหมดสามารถทำได้ผ่าน application Yak x Amazing Thailand NFTs ดาวน์โหลดได้ผ่านทั้ง Android และ iOS
กลยุทธ์การตลาดดึงนักท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศไทยครั้งนี้นอกจากจะนักท่องเที่ยวจะได้รับผลงานศิลปะ NFT ที่สร้างสรรค์โดยทีม Riety Studio แบ่งเป็นผลงานที่สะสมได้ผ่านแหล่งท่องเที่ยว 40 แหล่ง รวม 50,000 ชิ้นงาน และ NFT สินค้าและบริการของพันธมิตรท้องถิ่น 5 รูปแบบรวม 5,000 ชิ้นงาน โดยแต่ละพื้นที่ยังแจก NFT ระดับ Rare ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของสร้างสรค์เพื่อสร้างความโดดเด่นและน่าจดจำของชิ้นงาน NFT ด้วย
แน่นอนว่าผลงานศิลปะ NFT เหล่านี้เป็นสินทรัพย์ที่มีชิ้นเดียวในโลกที่สามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนได้ นอกจากนั้นแล้วยังสามารถรับส่วนลดพิเศษสำหรับใช้บริการในสถานประกอบการมากว่า 40 ราย ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้า ผู้ให้บริการ E-Commerce ระบบขนส่งมวลชน โรงแรม/ที่พัก ระบบการจองบริการด้านการท่องเที่ยว ร้านอาหาร รวมถึงบริการด้านไลฟ์สไตล์ต่างๆ โดยมีพันธมิตร 5 ประเภทท้ง Food&Beverage, Wellness, Accommodation, Sport & Outdoor. และ Shoping & Lifestyle ด้วย โดยโครงการ Season 3 นี้จะมีไปตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม 2566
นอกจากนี้ยังสามารถเช็คอินเก็บ NFT ได้กับกิจกรรม On Ground Event ใน 5 พื้นที่กิจกรรมใน 5 ภูมิภาคด้วยดังนี้
- ภาคใต้ Songkhla Beach Life จังหวัดสงขลา วันที่ 7-9 กรกฎาคมนี้
- ภาคอีสาน YAMS Nation Tour จังหวัดขอนแก่น วันที่ 22 กรกฎาคม
- ภาคตะวันออก ROBINFOOD จังหวัดฉะเชิงเทรา 28-30 กรกฎาคม
- ภาคกลาง ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ กรุงเทพฯ 2-6 สิงหาคม
- ภาคเหนือ YAMS Nation Tour จังหวัดเชียงใหม่ 11 สิงหาคม
สำหรับใครที่สนใจร่วมกิจกรรมสามารถติดตามรายละเอียดกิจกรรมได้ที่ Facebook: YAKS x Amazing Thailand NFTs เว็บไซต์ www.yaks.club หรือ TAT Contact Center 1772 Travel Buddy
ทั้งหมดนี้คือตัวอย่าง Use Case ของโลกธุรกิจที่นำเทคโนโลยี NFT มาใช้เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทางการตลาด และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนี้ของททท.ในการดึงดูดนักท่องเที่ยว ทำการตลาดให้ประเทศไทยถือว่าเป็นทางเลือกที่ถูกต้องในการดึงดูดนักท่องเที่ยวคนรุ่นใหม่ นักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมไปถึงบรรดาชุมชน NFT ทั่วโลกที่เรียกได้ว่าไร้พรมแดน ให้เข้ามาเทียวประเทศไทย ดึงดูดเม็ดเงินให้เข้าประเทศได้มากขึ้นต่อไป
