เมื่อดิจิทัลกำลังไล่ล่า Disrupt ไปในทุกวงการธุรกิจ ใครฉวยโอกาสได้ถูกจังหวะ ก็มีโอกาสคว้าธงชัยได้ก่อน ไม่เว้นแม้แต่แวดวงบิวตี้และสกินแคร์
หลังจากปีที่แล้ว บิ๊กแบรนด์อย่างลอรีอัลเรียกเสียงฮือฮาด้วยการหยิบเอาเทคโนโลยี AR (Augmented Reality) มาสร้างความแปลกใหม่ ให้ลูกค้าได้ทดลองเครื่องสำอางแบบเสมือนจริง เพื่อช่วยในการตัดสินใจซื้อว่า เฉดไหน สีอะไรที่เหมาะกับเรา
ล่าสุด ชิเซโด้ ประเทศญี่ปุ่น ก็ขอลงมาลุยดิจิทัลไลฟ์กับเขาด้วย โดยเปิดตัวบริการ ‘Optune’ ซึ่งเป็น IoT service ที่จะช่วยออกแบบสกินแคร์ให้กับลูกค้าแบบเรียลไทม์ ให้เหมาะกับสภาพผิวในแต่ละวัน
Shigekazu Sugiyama ประธานชิเซโด้ ประเทศญี่ปุ่น อธิบายถึงบริการล่าสุดนี้ว่า เกิดมาก็เพื่อแก้ pain point สำคัญของสาวๆ ส่วนใหญ่ที่นอกจากจะไม่สามารถหาสูตรสกินแคร์ที่เหมาะสมให้กับตัวเองได้แล้ว ในส่วนของผู้หญิงทำงานรุ่นใหม่ก็ยังยุ่งเสียจนไม่มีเวลาพักผ่อน แล้วนับประสาอะไรกับเวลามานั่งประทินผิวอย่างจริงจัง
เมื่อบวกเข้ากับการสำรวจโดยทีมวิจัยของชิเซโด้ที่พบว่า พฤติกรรมผู้บริโภคมีความเปลี่ยนแปลงและมีความซับซ้อนขึ้นมาก จึงเป็นที่มาของเจ้าเครื่อง Optune ที่จะช่วยออกแบบครีมที่เหมาะสมกับให้ลูกค้าแต่ละคน ในแต่ละสภาพผิวในแต่ละวัน
ด้วยซอฟต์แวร์นี้ จะทำให้ชิเซโด้สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า ออกมาเป็นครีมที่มีส่วนผสมได้มากถึง 80,000 สูตร!
วิธีการทำงานของ Optune คือ ลูกค้าจะต้องสมัครสมาชิกรายเดือนเป็นอันดับแรก ในสนนราคาเดือนละ 10,000 เยน (ประมาณ 2,850 บาท) และกรอกข้อมูลจำเป็นที่เกี่ยวข้องกับสภาพผิว จากนั้นก็ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Optune ไว้บนมือถือ (ใช้ได้เฉพาะไอโฟน ตั้งแต่ไอโฟน 6s เป็นต้นไป)
เสร็จแล้วก็นั่งรอชิลๆ อยู่ที่บ้าน แล้วทางชิเซโด้จะจัดส่งเครื่อง Optune พร้อมตลับครีมที่จะเป็นเบสในการผลิตครีมให้กับผู้ใช้จำนวน 5 ตลับ ซึ่งเรียกว่า “Optune Shot” โดยแต่ละคนจะได้เบสที่แตกต่างกันไปตามแต่ข้อมูลที่ให้ไว้ตอนสมัคร
หลังจากติดตั้งเสร็จเรียบร้อย ก็จัดการให้เจ้าเครื่อง Optune ทำความรู้จักกับไอโฟนของเรา ให้สมกับที่เรียกว่าเป็น IoT service
เท่านี้ก็เป็นอันพร้อมใช้งาน..
เริ่มจากการเปิดแอพพลิเคชั่น Optune และถ่ายรูปผิวหน้า จากนั้นมือถือก็จะทำการประมวลผลเพื่อสั่งให้เครื่องผลิตครีมตามสูตรที่เหมาะสมกับวันนั้นๆ ผู้ใช้ก็แค่เอามือไปรองใต้เครื่อง ครีมจะหยดลงมา โดยประกอบด้วยครีมเพื่อการบำรุง 2 สเต็ปในแต่ละครั้งของการใช้งาน
เบื้องหลังของหยดครีมที่เครื่องจ่ายออกมาให้ในแต่ละครั้ง นอกจากข้อมูลสภาพผิวที่เราถ่ายรูปผ่านแอพไปแล้ว เจ้าเครื่อง Optune ยังเอาข้อมูลอื่นๆ มาร่วมวิเคราะห์ด้วย ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพการนอน ข้อมูลการมีประจำเดือน รวมถึงสภาพอารมณ์ (ผู้ใช้งานต้องเป็นคนกรอกข้อมูลให้เครื่อง)
ล้ำไปถึงการวิเคราะห์ปัจจัยภายนอก อย่างดินฟ้าอากาศ อุณหภูมิ ความชื้น แสงยูวี ไปจนถึงมลภาวะ โดยเฉพาะข้อมูลความหนาแน่นของฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ล้วนส่งผลต่อผิว เพื่อออกแบบครีมที่เหมาะกับวันนั้นๆ ให้กับผู้ใช้งาน
และเพื่อให้สมกับการเป็น IoT ผู้ใช้งานไม่จำเป็นแม้จะต้องคอยเช็คว่า ครีมที่เป็นเบสในการผสมทั้ง 5 ตัวในเครื่องนั้นจะหมดลงเมื่อไหร่ เพราะเครื่องจะทำการแจ้งข้อมูลไปยังบริษัทโดยอัตโนมัติ แล้วครีมนั้นๆ ก็จะถูกส่งมาถึงหน้าบ้านก่อนที่มันจะหมดหลอด
บริการนี้ ดีเดย์วันแรก คือ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่เสียใจด้วยสำหรับสาวไทย เพราะเขาเปิดให้บริการเฉพาะผู้ใช้งานในญี่ปุ่นเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารชิเซโด้ยืนยันไว้ว่า ถ้าโมเดล Optune นี้ประสบความสำเร็จในญี่ปุ่น พวกเขาก็มีแผนจะขยายไปทำตลาดในต่างประเทศต่อไปในอนาคต
สาวไทยใครอยากได้.. คงต้องอดใจรอหน่อย!