ปัจจุบันหลาย ๆ องค์กรพยายามทำความเข้าใจ Gen Z กันมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนกลุ่มนี้จะกลายเป็นประชากรกลุ่มที่มีอิทธิพลมากที่สุดคิดเป็นสัดส่วนกว่า 25% ของเอเชีย และหนึ่งในปัญหาของคนกลุ่มนี้ในฐานะคนทำงานก็คือเป็นกลุ่มคนที่มีอัตราการเปลี่ยนงานสูงมากขึ้นเรื่อยๆโดยผลสำรวจเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมาโดย LinkedIn พบว่าอัตราการเปลี่ยนงานของ Gen Z เพิ่มขึ้นถึง 134% เทียบกับปี 2019 และเป็นกลุ่มคนที่มีแนวโน้มใช้เวลาทำงานในบริษัทน้อยที่สุดที่ 2 ปี 3 เดือน และมีแนวโน้มจะลาออกจากงานมากที่สุดที่ 25%
ด้วยข้อมูลเหล่านี้ทำให้หลายองค์กรต้องทำความเข้าใจความต้องการของ Gen Z โดยเฉพาะที่เพิ่งจบการศึกษาใหม่ให้มากขึ้นเพื่อเก็บ Talent ให้อยู่กับองค์กรให้นานที่สุดดังนั้นจึงมีการสำรวจ “ความต้องการ” ของคน Gen Z เผยแพร่ออกมาเป็นจำนวนมากและพบว่า Gen Z คาดหวังจากองค์กรมากขึ้นๆ และหนึ่งในการสำรวจที่น่าสนใจก็คือ ความต้องการด้าน “เทคโนโลยี” ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานในแต่ละองค์กร
มากกว่า 50% อาจลาออกหากเทคโนโลยีไม่ตอบสนองการทำงาน
จากการสำรวจของ NinjaOne แพลทฟอร์มบริหารจัดการด้าน IT จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างมากกว่า 1,000 คนพบว่า คน Gen Z กว่าครึ่งอาจลาออกจากงานที่ทำอยู่หากองค์กรไม่มีเทคโนโลยี เครื่องมือ หรือกระบวนการ ที่ตอบสนองสอดคล้องกับการทำงานที่ยืดหยุ่นอย่างที่ต้องการได้
โดยกลุ่มคน Gen Z ที่เพิ่งจบมากกว่า 55% มองว่ายังคงต้องการทำงานแบบ remote หรือ Hybrid แต่ก็ยังคงต้องการใช้เวลาบางส่วนที่ office ด้วยเพื่อการเข้าสังคมและก้าวหน้าในหน้าที่การงาน แต่ก็ยังคงต้องการความยืดหยุ่นและอำนาจตัดสินใจในการบริหารจัดการ การทำงานของตัวเอง
รายงานยกตัวอย่าง ว่าความท้าทายด้านเทคโนโลยีในองค์กร อันดับต้นๆก็คือการใช้เทคโนโลยีที่ล้าหลังไปแล้ว ยกตัวอย่างเช่น การที่องค์การให้ใช้คอมพิวเตอร์ destop แทนที่จะเป็น laptop รวมไปถึงกระบวนการเข้าถึงไฟล์งานที่ยากลำบากจากอุปกรณ์ต่างๆกันในสถานการณ์ทำงานแบบ hybrid เป็นต้น
องค์กรส่วนใหญ่เทคโนโลยียังไม่พร้อม
ในยุคปัจจุบันแม้จะมีเทคโนโลยีที่ช่วยพัฒนา workflow ในการทำงานและมีเทคโนโลยีใหม่ๆเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงกระแส AI ในช่วงที่ผ่านมา
แต่ผลสำรวจจาก Deloitte’s 2023 Global Human Capital Trends ก็พบว่า แม้องค์กรที่เป็นระดับผู้นำธุรกิจกว่า 90% จะมองว่าการใช้เทคโนโลยีพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานเป็นองค์ประกอบสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จแต่ มีองค์กรเพียง 22% เท่านั้นที่มองว่าองค์กรพร้อมที่จะใช้เครื่องมือหรือเทคโนโลยีเหล่านี้ให้ได้ผลสำเร็จจริงๆ
ปัญหา IT ต้องแก้ให้เร็วที่สุด
แน่นอนว่าคนทำงานย่อมเจอกับปัญหาทางด้าน IT กันมากมาย แต่สำหรับ Gen Z แล้วการแก้ปัญหาด้าน IT อย่างรวดเร็วนั้นสำคัญมากที่สุด โดยผลสำรวจพบว่า 1 ใน 3 ต้องการให้ IT แก้ปัญหาให้สำเร็จภยใน 1 วัน 25% ต้องการให้เสร็จภายใน 1-2 ชั่วโมง และมีมากถึง 17% ต้องการให้แก้ปัญหาให้เสร็จภายใน 1 ชั่วโมง
ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือผลสำรวจจาก HP พบว่ามีคน Gen Z จำนวนหนึ่งที่เผชิญกับ Tech Shame หรือถูกตัดสินหรือคาดหวังจากคน Gen อื่นๆว่าจะต้องมีความรู้เรื่อง IT มากกว่าความเป็นจริง และจะพบเจอสถานการณ์ Tech Shame มากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนร่วมงาน Gen อื่นๆ ทำให้กลายเป็นความอับอายในสถานที่ทำงานด้วย
เริ่มงานอย่างราบรื่น
ผลสำรวจยังพบด้วยว่ากลุ่มคน Gen Z จบใหม่มากถึง 94% ให้ความสำคัญกับกระบวนการเรียนรู้และทำความรู้จักกับเทคโนโลยีขององค์กรในช่วงเริ่มต้นทำงานใหม่ๆอย่างมาก และถ้าประสบการณ์นี้ดีก็จะส่งผลให้มุมมองต่อการทำงานในองค์กรเป็นบวกมากยิ่งขึ้น
โดยสรุปแล้วก็คือ เทคโนโลยีรวมถึงเครื่องมือต่างๆที่ใช้ในการทำงานมีความสำคัญกับการ retain พนักงานโดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z จบการศึกษาใหม่ที่ก้าวเข้าสู่การทำงาน และการสำรวจครั้งนี้ก็จะช่วยให้หลายๆองค์กรเตรียมพร้อมด้านอุปกรณ์ เครื่องมือและเทคโนโลยีต่างๆที่รองรับกับวัฒนธรรมการทำงานของคน Gen Z ได้ดีขึ้นและรักษา Talent ให้อยู่กับองค์กรให้ได้นานและมีความสุขกับการทำงานมากที่สุดนั่นเอง