ในขณะที่ Facial Recognition กำลังเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่แบรนด์และภาคธุรกิจสนใจนำมาใช้งาน ทั้งใช้เป็นเครื่องมือรักษาความปลอดภัยบนอุปกรณ์ เป็นฟังก์ชันอำนวยความสะดวกก่อนเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ต้องใส่รหัส หรือแม้แต่นำมาใช้กับการเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าและการชำระเงิน
แต่สำหรับ “IBM” ในฐานะ Tech Company กลับบอกว่า…บริษัทจะไม่ขายและพัฒนาซอฟต์แวร์ Facial Recognition ทั้งแบบจดจำและวิเคราะห์ใบหน้าอีกต่อไปแล้ว กับเหตุผลในประเด็นละเอียดอ่อนซึ่ง IBM มองว่าเทคโนโลยี Facial Recognition อาจเข้าข่ายการละเมิดสิทธิมนุษยชน กรณีถูกนำไปใช้งานเพื่อตรวจจับ สังเกตการณ์
เรื่องนี้ “Arvind Krishna” CEO ของ IBM ถึงกับส่งจดหมายไปยังสมาชิกรัฐสภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกา โดยระบุว่า IBM ต่อต้านเทคโนโลยีดังกล่าว หากจะถูกนำมาใช้งานก็ควรมีความโปร่งใส ไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อทำให้เกิดความยุติธรรมและเท่าเทียมทางเชื้อชาติ และควรมีมาตรฐานอย่างชัดเจนแม้จะถูกนำไปใช้โดยหน่วยงานรัฐที่มีอำนาจควบคุมการใช้งานก็ตาม
นอกจากนี้ IBM มียังแผนจะรวมเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์อย่าง AI และระบบประมวลผลข้อมูล Watson เข้าด้วยกัน เพื่อทำให้ได้ระบบที่มีความแม่นยำทั้งข้อมูล การประมวลผล และมีความยุติธรรมเมื่อถูกนำไปใช้ในทางกฎหมาย เพราะตามแนวคิดของแบรนด์ เทคโนโลยีคือเครื่องมือทางดิจิทัลไม่ใช่โครงสร้างหลักเพื่อกระบวนการความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่รัฐและการละเมิดสิทธิมนุษยชน
อย่างไรก็ตาม แม้ประเด็นละเมิดสิทธิมนุษยชนและเชื้อชาติกำลังเป็นเรื่องร้อนแรงในสหรัฐอเมริกา แต่สำหรับการดำเนินธุรกิจแล้ว เรื่องเช่นนี้ถือเป็นความอ่อนไหวอย่างมาก ทุกธุรกิจควรติดตามความเคลื่อนไหว และเรียนรู้เทคโนโลยีที่จะนำมาใช้อย่างรอบด้านทั้งข้อดี ข้อเสีย รวมถึงประเด็นการเป็นที่ยอมรับด้วย
ที่มา : South China Morning Post