ปิดตำนานแล้วกับสุดยอดค่ายหนังอารมณ์ดีของไทย GTH ซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันของ 3 บริษัทด้านวงการบันเทิงใหญ่ ได้แก่ บริษัท แกรมมี่ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ไท เอนเตอร์เทนเมนต์ จำกัด และบริษัท หับ โห้ หิ้น บางกอก จำกัด รวมระยะเวลา 11 ปีที่ดำเนินงานภายใต้ตัวอักษรสามตัว GTH และถือเป็นค่ายหนังที่ฝากผลงานประทับใจคนไทยเอาไว้มากมาย
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 13.00 น. ทีมผู้บริหาร ซึ่งประกอบไปด้วย บุษบา ดาวเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) วิสูตร พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บ.จีเอ็มเอ็ม ไทหับ จำกัด (จีทีเอช) จินา โอสถศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม จิระ มะลิกุล โปรดิวเซอร์ และ ยงยุทธ ทองกองทุน ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจต่างประเทศ ได้แถลงข่าวประกาศยุบ GTH โดยให้เหตุผลว่าเป็นเพราะความคิดเห็นในการบริหารงานไม่ตรงกัน และจะมีผลในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ ในส่วนของเรื่องค่าชดเชย เงินโบนัส ทางผู้บริหารได้แจ้งกับพนักงานแล้วว่าจะจ่ายให้ โดยแจ้งกับพนักงานตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
สำหรับเหตุผลในการปิดตัวนั้น ทางเว็บไซต์ gth.co.th ได้แถลงชี้แจงไว้อย่างชัดเจน ดังนี้
“ขอขอบพระคุณทุกๆท่านทั้ง แฟนๆ บริษัทคู่ค้า ตลอดจนนักแสดงและศิลปินต่างๆที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขและช่วยขับเคลื่อนเราตลอดมา จุดเริ่มต้นของ บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท หับ จำกัด (GTH) มาจากการรวมตัวของ 3 บริษัท คือ บริษัท แกรมมี่ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน),บริษัท ไท เอนเตอร์เทนเมนต์ จำกัด และบริษัท หับ โห้ หิ้น บางกอก จำกัด ตลอดระยะ 11 ปีที่ผ่านมาได้ร่วมกันบริหารและสร้างผลงานในนามบริษัท GTH ที่ทุกคนรู้จักมากมาย อาทิ ภาพยนตร์ พี่มากพระโขนง, ไอฟาย..แต๊งกิ้ว เลิฟยู้, รถไฟฟ้ามาหานะเธอ, ละครซีรีส์ ฮอร์โมน ฯลฯ
จนเมื่อสักระยะเวลาที่ผ่านมาแนวทางการบริหารงานจากผู้ก่อตั้งจาก 3 บริษัทมีเป้าหมายและความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ไท เอนเตอร์เทนเม้นท์ ต้องการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อเพิ่มเงินทุนในการพัฒนาโปรเจคให้ใหญ่และหลากหลายมากขึ้น ทาง หับ โห้ หิ้น บางกอก เห็นว่าบริษัทยังไม่มีความพร้อมที่จะเข้าตลาดฯในช่วง 1-3 ปีนี้ เนื่องจากปัจจุบันยังคงเน้นการผลิตผลงานที่สร้างสรรค์ มีคุณภาพ และใส่ใจทุกขั้นตอนในการทำงาน การเข้าตลาดฯตอนนี้อาจทำให้เกิดภาวะกดดันที่ลดทอนความคิดสร้างสรรค์และคุณภาพของผลงาน สำหรับ GMM Grammy มองเห็นข้อดีของการพัฒนาบริษัทไปในทั้ง 2 ทิศทาง และพร้อมที่จะรับแนวทางที่ผู้ร่วมหุ้นทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงกันได้ จากการที่ทุกฝ่ายพยายามพูดคุยเจรจาเพื่อหาทางออกมานานพอสมควรและยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการวางเป้าหมายบริษัทร่วมกันได้ จึงเห็นตรงกันว่าหากยังจะดำเนินงานต่อโดยไม่สามารถหาข้อสรุปได้จะก่อให้เกิดผลเสียต่อไปกับทุกฝ่าย บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท หับ จำกัด (GTH) จึงตัดสินใจร่วมกันขอยุติการดำเนินงานของบริษัทฯลง โดยจะมีผลในวันที่ 31 ธ.ค. 2558 เป็นต้นไป
สำหรับผลงานที่ผ่านมาทั้งภาพยนตร์และละครที่ผลิตในนาม บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท หับ จำกัด (GTH) ทั้ง 3 ฝ่ายเห็นตรงกันว่า จะให้ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้บริหารสิทธิ์ทั้งหมด ซึ่งจะมีการแต่งตั้งตัวแทนในการบริหารสิทธิ์อย่างเป็นทางการอีกครั้ง สำหรับผลงานที่ทางบริษัทฯกำลังดำเนินการผลิตอยู่นั้น ทางบริษัทฯจะดำเนินการผลิตต่อและนำออกเผยแพร่ในปี 2559 ในนามของบริษัทฯจนเสร็จสิ้น
ขอบคุณที่รักกันมาตลอด
บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท หับ จำกัด
13 พฤศจิกายน 2558”
ทั้งนี้ สัดส่วนในการรวมตัวกันของ 3 บริษัทเดิมนั้น ได้แก่
- บริษัท แกรมมี่ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ในสัดส่วนการถือหุ้น 51%
- บริษัท ไท เอนเตอร์เทนเมนต์ จำกัด สัดส่วนการถือหุ้น 30%
- บริษัท หับ โห้ หิ้น บางกอก จำกัด สัดส่วนการถือหุ้น 19%
ส่วนผลงานที่เหลืออยู่ในขณะนี้ ซึ่งทำในนาม GTH ได้แก่ “ไดอารี่ตุ๊ดซี่ส์” ที่จะฉายช่อง GMM 25 “แก๊สโซฮัก รักเต็มถัง” ฉายทาง LINE TV และ Star Theque GTH 11 ปีแสง คอนเสิร์ต จะเป็นผลงานสุดท้ายของทางบริษัท ส่วนผลงานที่โด่งดังและทำรายได้มาก ล่าสุด ได้แก่ “Freelance ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ” สามารถกวาดรายได้รวม 88.15 ล้านบาท ขณะที่ “เมย์ไหน ไฟแรงเฟร่อ” กวาดรายได้รวม 75 ล้านบาท
ปฏิกริยาโลกออนไลน์
นอกจากนี้ กระแสดังกล่าวยังทำให้ #GTHวงแตก กลายเป็นแฮชแท็กสูงสุดในช่วงนี้ (เปิดเผยโดย ThailandTrends)
ด้านปฏิกริยาของชาวเน็ตไทยล้วนแต่บ่นเสียดายกันอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ยังชื่นชมที่ผู้บริหารทั้ง 3 ฝ่ายแถลงข่าวอย่างตรงไปตรงมา พร้อมกับยืนยันที่จะเฝ้ารอผลงานภาพยนตร์ใหม่ๆ จากทั้ง 3 ค่าย โดยที่ทาง “จิระ มะลิกุล” แถลงว่าในเดือนธันวาคมนี้ ในนามของ “หับโห้หิ้น” จะมีการแถลงข่าวเปิดบริษัทใหม่อย่างแน่นอน
ด้านดารา และคนดังในวงการบันเทิงไทย ก็มีปฏิกริยากับข่าวที่เกิดขึ้น โดยแสดงออกผ่านทางอินสตาแกรม เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ ดังนี้
และจากนี้เป็นต้นไป เราก็หวังว่าจะได้เห็นผลงานใหม่ๆ จากทั้ง 3 บริษัทอีก ที่จะมาสร้างสรรค์ผลงานดีๆ ให้กับวงการบันเทิงไทยเรา.
Copyright © MarketingOops.com