โปรเจคใหม่จากนักสร้างวิชวลชาวไทย ใช้แว่น VR ผสมผสานงานศิลปะสร้างเมืองในฝันกับ Dreamscape Project II

Dreamscape Project II เป็นโปรเจคที่ครีเอทขึ้นโดยกลุ่มคนทำงานด้านวิชวลดีไซน์ Eyedropper Fill สตูดิโอที่ทำงานศิลปะสร้างสรรค์โดยเน้นการทดลอง การผสมผสานกันของสื่อหลากหลายทั้งภาพเคลื่อนไหว แสง อินสตอลเลชันอาร์ต และสื่ออื่นๆโดยไม่มีขอบเขตจำกัด ซึ่ง Dreamscape Project II นี้เป็นหนึ่งโปรเจคน่าสนใจที่เกิดจากการผสมผสานกันระหว่างศิลปะ เทคโนโลยี และ ความคิดของคนในชุมชน โดยมีปัญหาสังคมเป็นตัวตั้ง

 

 Dreamscape Project II ต่อยอดมาจาก ‘Dreamscape Project I’  ที่จัดขึ้นเมื่อปี 2015 โดยการสนับสนุนของ บริษัท เอปสัน ประเทศไทย  เป็นโปรเจคที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับ ‘พื้นที่การแสดงออก’ และทดลองหาคำตอบด้วยกระบวนการทางศิลปะ ซึ่งก็ได้พูดถึงการแสดงความคิดบนพื้นที่สาธารณะ

 

โดย Eyedropper Fill  ได้ลงพื้นที่ และ สอบถามคนจำนวน 60 คนด้วยคำถามว่า “ความฝันของคุณมีหน้าตาเป็นอย่างไร?” แล้วให้แต่ละคนวาดภาพความฝันของตัวเองออกมาและถ่ายทอดผ่านเทคนิค ‘mobile projection’ ที่ฉายไปตามตึกในกรุงเทพ

 

‘Dreamscape Project I’ นั้นได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี คว้ารางวัล BACC Awards และ Audience Awards ในเทศกาลภาพยนตร์สั้น Thai Short Film & Video Festival ครั้งที่ 19 / รางวัลนกส้ม ในฐานะภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และยังได้ร่วมฉายในโครงการ Asia Hotel 2015 – REAL ESE / LANDSCAPE, Chongging ที่ประเทศจีนอีกด้วย

นำมาสู่ Dreamscape Project II กับการตั้งโจทย์ใหม่ที่ท้าทายโดยหวังว่าจะเกิดผลลัพธ์ใหม่ๆที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และความพิเศษของโปรเจคที่จะเกิดขึ้นนี้คือ คนจากหลายพื้นที่ชุมชนทั่วประเทศไทยจะมีโอกาสได้เข้ามาร่วมทำงานกับ Eyedropper Fill เพื่อสร้างสรรค์งานศิลปะที่เกิดจากความนึกคิดของพวกเขาเอง

โดยเริ่มต้นด้วยคำถามที่ว่า “เมืองที่คุณอยากอยู่หน้าตาเป็นอย่างไร?”  Eyedropper Fill  จะลงพื้นที่ชุมชนที่มีพื้นฐานวิถีชีวิตแตกต่างกันให้พวกเขาเล่าจินตนาการของตัวเอง และร่วมวาดภาพภายในวงกลมเดียวกัน เป็นกิจกรรมที่จะสะท้อนให้เห็นความคิดของแต่ละคนผ่านงานศิลปะ และเห็นบทบาทของแต่ละคนในชุมชน ผ่านการแบ่งปันพื้นที่ในภาพวาด

 

และ Eyedropper Fill จะนำภาพวาดเหล่านั้นมาทำเป็น ‘เมืองในฝัน‘ 3D แบบ 360 องศาแสดงผลผ่านแว่น Virtual Reality (VR) เป็นเทคโนโลยีที่สร้างภาพ ‘เสมือนจริง’ เพื่อจำลองสภาพแวดล้อมจากภาพเมืองในฝันที่คนในชุมชนร่วมกันวาด

 

และนำแว่น VR นั้นกลับไปให้คนในชุมชนได้สวมใส่ เพื่อให้พวกเขาได้เห็นในสิ่งที่ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งในการสร้าง เสมือนเป็นการทำให้เขารู้ถึงพลังของตัวเองซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่จะเปลี่ยนแปลงสังคม ให้คนในสังคมได้ตระหนักถึงศักยภาพในตัวเองและทำให้พวกเขาเชื่อมั่นในสิทธิขั้นพื้นฐานที่ตัวเองมี นั่นคือทุกคนมีสิทธิ์สื่อสารในสิ่งที่ตัวเองนึกคิด

 

การเกิดขึ้นของ Dreamscape Project II เสมือนเป็นการเปิดพื้นที่ให้คนในชุมชนได้ตีความคำถาม และสร้างสรรค์คำตอบของตัวเองออกมาในรูปแบบงานศิลปะ เป็นการแสดงความเห็นแบบไม่มีเส้นของความถูก–ผิดมาตีกรอบ เพราะแต่ละคำตอบจะอยู่ในรูปแบบ ‘ภาพวาด’ ซึ่งแต่ละภาพจะถูกตีความตามความเข้าใจของแต่ละคน และหากโปรเจคนี้สำเร็จเราก็จะได้เห็น Virutual reality exhibition ครั้งแรกในเมืองไทย

 

จากครั้งที่แล้ว (Dreamscape project 1) มันมีข้อจำกัดหลายอย่างทั้งเรื่องงบ เรื่องความละเอียดอ่อน เพราะมันเป็นประเด็นสังคม และเรารู้สึกว่าที่เราต้องทำต่อเพราะคอนเทนท์เรื่องสังคมยังเป็นสิ่งที่เราสนใจอยู่ และเรื่องราวเหล่านี้ก็มีพัฒนาการของมัน เราเลยคิดว่าโปรเจค Dreamscape เป็นโปรเจคที่เราจะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง เพราะนอกจากงานส่วนคอมเมอเชียลที่ต้องตอบโจทย์ลูกค้าแล้ว การทำโปรเจคศิลปะเพื่อสังคมมันทำให้เรา active ที่จะคิดกลวิธีใหม่ๆที่จะสื่อสารกับคน และเราค้นพบว่าโปรเจคงานศิลปะมันทำให้เรามีแรง และมีความเข้าใจลูกค้าได้ลึกซึ้งมากขึ้นด้วย