ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความสุข สนุกสนานในช่วงปีใหม่ แต่โซเชียลมีเดียเมืองไทยกลับร้อนระอุ บอกเลยว่ามี “ดราม่า” เพียบ แต่ที่กลายเป็นประเด็นสะเทือนโลกออนไลน์ แถมส่งผลกระทบต่อธุรกิจ และเป็นข่าวกระฉ่อน ถูกนำเสนอไปหลายประเทศไม่ใช่แค่เมืองไทย กับแฮชแท็ก #มูนคาเฟ่ชั้นต่ำ
ใครยังไม่รู้ที่มาที่ไปประเด็นนี้…ตาม Marketing Oops มาให้ไว เราจะพาไปย้อนรอย!
1. ในช่วงปีใหม่ “ลิซ่า” หรือ ลลิษา มโนบาล หนึ่งในเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดัง BLACKPINK ได้โพสต์ภาพผ่าน IG lalalalisa_m ของเธอ ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 28 ล้านคน
2. ภาพชุดดังกล่าวได้รับคำชื่นชมจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก แน่นอนว่านอกจากแฟน ๆ ที่ชื่นชอบสาวลิซ่าแล้ว ยังมีชาวเน็ตพูดถึงการโพส ท่าทาง และแฟชั่นของเธอ ว่าดูดี สวยเป๊ะทุกมุม แม้กระทั่งเพจต่าง ๆ ในโซเชียลมีเดียก็หยิบภาพของสาวลิซ่าไปชื่นชมว่าเป็นผู้หญิงที่ถ่ายภาพแล้วทำให้สถานที่เหล่านั้นดูพิเศษแม้จะเป็นมุม หรือร้านทั่วไป
3. นอกจากโพสต์เหล่านั้นจะมีชาวเน็ตกดถูกใจให้มากกว่า 3 ล้านครั้ง ก็ยังกลายเป็นต้นตอของดราม่าสุดร้อนแรง ที่ตามมาด้วยแฮชแท็ก “#มูนคาเฟ่ชั้นต่ำ” ระอุไปทั่วทุกโซเชียลและแน่นอนว่าติดเทรนด์ร้อน Twitter ในประเทศไทย
4. จากภาพ…มีหลายคนที่รู้ว่าร้านดังกล่าว คือ MQQN Cafe BKK ซึ่งตั้งอยู่ในตลาดนัดรถไฟศรีนครินทร์ และทางร้านก็ได้นำภาพของลิซ่าไปโพสต์เช่นกัน แต่แทนที่จะโปรโมทร้านด้วยถ้อยคำตามปกติของแคปชั่นทั่วไปบนโซเชียลมีเดีย ทางร้านกลับ “ทิ้งโอกาส” ที่จะได้ลูกค้าจำนวนมหาศาลจาการถ่ายภาพตามรอยลิซ่า ด้วยการโพสต์ข้อความว่า มี Inbox มาขอซื้อโซฟาตัวที่ลิซ่านั่งถ่ายภาพแล้ว 100,000 บาท แต่ราคายังไม่เป็นที่โดนใจ
5. โพสต์ดังกล่าวเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความพีค! เพราะมีการเผยแพร่บทสนทนาบน Facebook ระหว่างเจ้าของร้านดังกล่าวกับเพื่อน ๆ ซึ่งพูดคุยกันว่า อยากดมโซฟา ประตู ชักโครก หรือแม้แต่จะเก็บขนที่พบในห้องน้ำเอาไว้ด้วย
6. แน่นอนว่าเรื่องเช่นนี้ “คงไม่มีใครรับได้” ต่อให้ไม่ได้เป็นแฟนคลับของสาวลิซ่า ทุกคนต้องรู้ว่าถ้อยคำเหล่านั้นเป็นเรื่องที่ “ไม่ควร” พูดคุยอย่างเปิดเผยและคึกคะนอง เพียงเท่านี้ ไฟดราม่าก็ลุกโชนพร้อมกับดันแฮชแท็ก #มูนคาเฟ่ชั้นต่ำ ให้กลายเป็นเทรนด์ร้อนบน Twitter อย่างรวดเร็ว
7. เมื่อดราม่า…กลายเป็นประเด็น “Mass” เจ้าของร้านได้ออกมาขอโทษต่อพฤติกรรมดังกล่าวของตนเองและเพื่อน พร้อมกับยืนยันว่ารักและชื่นชมในตัวลิซ่า
8. แต่ขอโทษแล้ว “ไม่เป็นผล” เพราะชาวเน็ตยังคงรู้สึกว่าเจ้าของร้านไม่ได้รู้สึกผิดต่อการกระทำดังกล่าว จากประโยคที่ว่า “ถ้าอ่านกันจริง ๆ ผมยังไม่ได้ล่วงเกินอะไรน้องเลยนะครับ แฟนน้องใจเย็น ๆ นะครับ แต่อย่างไรก็ตามผมเสียใจจริง ๆ ครับกับเหตุการณ์นี้จริง ๆ ครับ”
9. สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่ “ถูกถล่ม” ด้วยคอมเมนต์จากชาวเน็ตบนโลกออนไลน์ แต่ทางร้านถึงกับต้อง “ปิดเพจและหน้าร้าน” ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะมีกำหนดเปิดเมื่อไหร่ รวมถึงรีวิวของทางร้านก็ได้รับกรรมไปด้วย เพราะชาวเน็ตพากันออกแรงรีวิวจนเหลือคะแนนแค่ 1 ดาวเท่านั้น
10. จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้ส่งผลกระทบกับร้าน MQQN Cafe BKK เพียงแห่งเดียว เพราะร้านอื่นที่มีชื่อใกล้เคียงกันก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย เพราะชาวเน็ตบางส่วนเข้าใจผิดและเข้าไปคอมเมนต์เพราะคิดว่าเป็นร้านเดียวกัน
สรุป…
ประเด็นนี้น่าจะเป็นเรื่องของ “คนคิดน้อย” จริง ๆ นั่นแหละ เพราะยุคนี้ร้านรวงและธุรกิจต้องเสียเงินจ้างดารา คนดัง อินฟลูเอนเซอร์ ไปใช้บริการหรือรีวิวสินค้า / บริการ กันมากมาย แต่ร้านที่มีโอกาสสร้างชื่อเสียง สร้างโอกาสให้ธุรกิจแบบฟรี ๆ จากการที่คนดังเลือกไปใช้บริการ…กลับคิดสั้น เลือกความสนุกสนานเป็น “ความสำคัญ” ผลจึงเป็นเช่นนี้!