Freedom of Speech หรือ “เสรีภาพในการพูด” ถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ประชาชนผู้ถูกปกครองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยพึงมีและพึงเป็น อย่างไรก็ตาม เสรีภาพดังกล่าวไม่สามารถ apply หรือนำไปปรับใช้กับแผ่นดินมังกรได้เนื่องจากประเทศจีนถูกปกครองภายใต้ระบอบคอมมิวนิสต์อันมีรัฐบาลคอมมิวนิสต์จีนกุมอำนาจเบ็ดเสร็จในการปกครองประเทศ การตัดสินใจเพื่อดำเนินกิจการภายในประเทศทั้งหมดราบรื่นและสะดวกโยธิน จะตัดถนนผ่านบ้านเรือนใครหรือจะทำลายแหล่งอารยธรรมของชาติก็ไม่จำเป็นต้องฟังความเห็นของประชาชน ละเลยไปถึงบางครั้งประชาชนก็หลงลืมว่าตัวเองต้องออกความเห็นด้วยหรือ? เมื่อเรามีรัฐบาลที่ช่วยให้เศรษฐกิจมังกรโชติช่วงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบศตวรรษ เราควรหลับหูหลับตาปล่อยให้รัฐบาลปกครองต่อไปตราบเท่าที่เราไม่เสียผลประโยชน์และพรรคคอมมิวนิสต์ก็จะเป็นฮีโร่ในสายตาจีนทั้งประเทศงั้นหรือ?
เร็วๆ นี้เป็นช่วงเวลาครบรอบ 25 ปีเหตุการณ์ล้อมปราบและสังหารหมู่ที่จัตุรัสเทียนอันเหมินอันเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2.5 พันคน และผู้บาดเจ็บอย่างต่ำ 7 พันคน ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาจีน ต้นเหตุที่ทำให้รัฐบาลเติ้งเสียวผิงในขณะนั้นตัดสินใจสั่งสังหารผู้ชุมนุมเนื่องจากกลุ่มผู้ประท้วงกว่า 1 แสนรวมตัวเรียกร้องขอให้รัฐบาลลาออกและเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย วันที่ 4 มิถุนายนของทุกปีจึงเป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลจีนหวาดหวั่นมากที่สุด สำหรับปีนี้รัฐบาลจีนเลือกตัดการเชื่อมต่อ Google search, Gmail, Google Calendar และทุกบริการภายใต้แบรนด์ของ Google เป็นเวลากว่า 4 วันแล้วเพื่อป้องกันการ “ปลุกระดม” จากประชาชนที่ยังเป็น “เสี้ยนหนาม” ภายใต้ประเทศคอมมิวนิสต์แห่งนั้น
หนังสือพิมพ์ New York Times รายงานว่าการบล็อคดำเนินไปอย่างเข้มข้น กว่า 90% ของผู้ใช้อินเตอร์เนตจีนถูกปิดกั้นการเข้าถึง โดยรัฐบาลคอมมิวนิสต์จีนระบุสาเหตุการล่มของ Google ว่าเกิดจากตัวบริษัท Google เอง ขณะที่ Google ออกมาให้ความเห็นอีกอย่างหนึ่ง
“เราเช็คทุกซอกทุกมุมแล้ว และไม่มีความผิดพลาดทางเทคนิคอันไหนเกิดกับฝั่งเรา” โฆษกของ Google กล่าวและว่า บริษัทพบว่า real-time traffic report ของแบรนด์ตรวจจับความผิดปกติได้ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม โดยยอดผู้เข้าชมลดลงอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่าบริการ Facebook,Twitter รวมถึง Youtube ถูกควบคุมอย่างเคร่งครัดในประเทศจีน แม้รัฐบาลจีนจะเปิดให้ประชาชนใช้ Google ได้เมื่อเร็วๆ นี้แต่ก็ยังมีการเขียนโปรแกรมเพื่อบล็อคผลการค้นหาบางอย่างที่อาจเป็นภัยกับรัฐบาลจีนได้
“เราเห็นกระบวนการบล็อคผลการเสิร์จและเซนเซอร์สื่อในหลายช่องทางจากรัฐบาลจีนทุกๆ ปี แต่มันไม่เคยเลวร้ายเท่าปีนี้เลย” Sophie Richardson ผู้อำนวยการองค์กร Human Rights Watch จีนกล่าวและว่า เว็บไซต์ที่รัฐบาลจีนลบให้หายไปจากโลกออนไลน์ไม่ใช่มีเพียงเว็บของต่างชาติ แต่ยังมีเว็บของคนจีนอย่าง Sina Weibo ที่ถูกลบหายไปจากโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว
แม้รัฐบาลจีนจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน แต่เรื่องเหล่านี้กลับยากขึ้นเมื่อเกาะฮ่องกงกลับมาเป็นของจีน เนื่องจากประชาชนจีนที่เป็นนักเคลื่อนไหวต่างหนีไปยังฮ่องกงเพื่อจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์รำลึกถึงเหตุการณ์จัตุรัสเทียนอันเหมินโดยที่รัฐบาลจีนไม่สามารถเอื้อมือเข้าไปยุ่มหย่ามได้…เพราะอะไร? เพราะกลัวว่าประชาชนใน “แหล่งเงินแหล่งทอง” อย่างฮ่องกงจะเกิดแข็งข้อขึ้นมานั้นเอง