ติดโทรศัพท์เกินไปเหรอ? ให้ BreakFree App ช่วยเตือนคุณสิ+สถิติอาการติดโทรศัพท์ทั่วโลก

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

asia-phone

เดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็มาอยู่บนสมาร์ทโฟนเสียหมดทำให้เราหมดเวลาไปกับหน้าจอสี่เหลี่ยมนี้นานไปอย่างคาดไม่ถึง ซึ่งถ้าติดตามข่าวอย่างต่อเนื่องเราก็จะเห็นหลายแบรนด์ เช่น โค้ก หรือ KFC ก็พยายามออกแคมเปญที่รณรงค์ให้คุณหันหน้าเข้าหาคนข้างตัว และใช้เวลากับครอบครัวให้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม เรายังไม่ตระหนักชัดเจนว่าอาการติดโซเชียลมีเดียของเรานั้นมันรุนแรงอยู่ในขั้นไหนกันแน่ แค่เตือนตัวเองบ่อยๆ ก็ใช้ได้ หรือต้องเข้าถ้ำกระบอก “อดมือถือ” กันแล้ว

BreakFree App บนระบบปฏิบัติการณ์ Android (ผู้ใช้ iOS ต้องอดใจรอกันก่อนนะครับ) จะช่วยบอกคุณว่าคุณใช้เวลากับการดูโมบายไปมากแค่ไหนแล้ว และเมื่อถึงเวลาที่คุณควรพัก มันก็จะส่งสัญญาณเตือน

breakfree

ข้อมูลที่แอพพลิเคชั่นอัจฉริยะนี้จะบอกคือเวลาที่คุณใช้เล่นแอพพลิเคชั่นใดๆ จำนวนครั้งที่คุณปลดล็อคมือถือ และจำนวนครั้งที่คุณโทรศัพท์ มากกว่านั้น มันจะช่วยคำนวณแต้ม “อาการติดมือถือ” ตามแมทริกของระบบและจะเตือนคุณหากคุณเริ่มติดมือถือในระดับที่ “รุนแรง”

“เราอยากให้ผู้คนรู้ว่าการรวมของมนุษย์ดีกว่าการรวมตัวของมือถือ” ผู้ผลิตแอพฯ Mrigaen Kapadia กล่าวและว่า นอกจากจะติดตามพฤติกรรมการใช้มือถือของตัวเองได้แล้ว คุณยังสามารถเลือกช่วงเวลา “downtime” หรือช่วยปลดปล่อยตัวเองจากมือถือ โดยแอพฯ จะทำการ disable หรือหยุดการแจ้งเตือนทุกๆ อย่างทั้งจากมือถือ แมสเซจ และอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง

ใครสนใจก็ดาวน์โหลดกันได้ฟรีๆ บนระบบ Android เลยครับ แต่หากอยากได้เป็นแบบพรีเมียมก็จ่ายเงินเพิ่ม 1.99 ดอลล่าร์ (ราว 64 บาท) เพื่อรับรายละเอียดที่มากขึ้นและสามารถใช้ฟีเจอร์ต่างๆ ได้เต็มประสิทธิภาพ

ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ ปรากฏการณ์ Smartphone addiction หรือการติดสมาร์ทโฟนนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญในช่วยหลายปีมานี้ การศึกษาล่าสุดจาก Flurry บริษัทวิเคราะห์สถิติดระบุว่า มีจำนวนผู้ติดมือถือกว่า 176 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 123% จากปีที่แล้ว (mobile addict หรือผู้ติดมือถือนับจากผู้ที่ใช้แอพพลิเคชั่นมากกว่า 60 ครั้งต่อวัน) ลองศึกษาได้จาก infographic ข้างล่างครับ

mobile_addictive_hires_v1b

ผมว่าก็ดีนะ อยากลองโหลดมาใช้บ้าง การออนไลน์บางครั้งก็ตอบสนองความอยากรู้อยากเห็น ความต้องการข้อมูลข่าวสารได้อย่างดี แต่ในด้านอารมณ์แล้ว ผมเห็นว่ามันเป็นอารมณ์ที่ถูก “ประดิษฐ์” ขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ตัวอย่างเช่น หลายครั้งเราอ่านบทความที่พยายามให้คุณเศร้าเหลือเกิน โพสต์ที่อยากเรียกไลค์ด้วยการเอารูปคนหล่อมาล่อให้คุณหื่นเหลือเกิน แต่เมื่อเราได้รับสารประเภทนี้เยอะๆ ความรู้สึกของเราก็เริ่มด้านชากับการกระตุ้นลักษณะนี้ พาลไปด้านชากับสิ่งที่เราควรมีความรู้สึก (เช่น กรณีเรือโดยสารของเกาหลีล่ม มีผู้เสียชีวิตมากมาย ผมยังเห็นมีบางโพสต์แสดงความเห็นทำนองว่า “ไม่เห็นจะรุนแรงตรงไหน” “ก็แค่อุบัติเหตุ”) สุดท้ายผมอยากเป็นหนึ่งเสียงที่จะรณรงค์ให้คุณออนไลน์ให้น้อยลงแล้วเติมความรู้สึกให้มากขึ้นดีกว่าครับ :)

Source


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
อุ้งทีนหมี
เตาะแตะในโรงเรียนชายล้วนแถวยศเส ก่อนเติบโตต่อในมหาวิทยาลัยริมฝั่งน้ำเจ้าพระยา ที่สุดจับพลัดจับผลูเข้าทำงานในนแวดวงสื่อสารมวลชนมาแล้วกว่า 4 ปี โต้ลมโต้ฝนทั้งในวงการข่าวต่างประเทศ เยาวชน ธุรกิจ การเมือง สังคม ฯลฯ แต่สุดท้ายกลับลำมาหลงรักวงการมาร์เก็ตติ้งที่ข้ามน้ำข้ามทะเลไปขี่จิงโจ้เรียนปริญญาโทมา เลยตัดสินใจหันหางเสือออกสู่การผจญภัยครั้งใหม่อีกสักตั้ง