มาแล้ว! ช่องว่าง (ไม่) ปกติ เมื่อ App Store ไตรมาส 3 รายได้มากกว่า Google Play ถึง 93%

  • 57
  •  
  •  
  •  
  •  

^E073453D1EB3F0CFF2ED76D9F9078B33C10210AD5026310E9D^pimgpsh_fullsize_distr

ปกติแล้วยอดดาวน์โหลดแอปบน Google Play นั้นเติบโตเร็วมาก มากกว่ายอดดาวน์โหลดใน App Store ประมาณ 2 -3เท่ามาตลอด ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาๆ เป็น 100% ก็มี หรืออย่างน้อยๆ ก็อยู่ที่ 50-60% ในช่วงสองสามปีที่แล้ว

แต่เดี๋ยวก่อน ถึงแม้ว่ายอดดาวน์โหลดแอปบน Google Play Store จะสูงกว่า App Store

แต่ผู้ใช้งานที่ยอดจ่ายเงิน ทางด้านฝั่งของ App Store ก็ยังคงมีมากกว่าฝั่ง Google Play Store อันนี้ก็เป็นปกติ

จากการรายงานล่าสุดของ Sensor Tower พบว่า ในไตรมาสที่ 3 ในปี 2018 นี้ ช่องว่างที่สร้างเม็ดเงินระหว่าง App Store ค่าย Apple กับ Google Play ที่ว่ากันว่า ปกติมากๆ นั้น กลับกว้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หรืออาจจะเรียกได้ว่า เป็นช่องว่างที่กว้างที่สุดก็ว่าได้

ในรายงานระบุว่า App Store สร้างรายได้ ได้มากกว่า Google Play ถึง 93% ซึ่งถือว่าเป็นความแตกต่างมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2014 หรือนับตั้งแต่ Sensor Tower เริ่มช้อนมูลใน Google Play (จากข้อมูลย้อนหลังระบุว่า ยอดดาวน์โหลดแอปบน Google Play เติบโตเร็ว โดยเฉพาะในปี 2015 มีมากกว่า ยอดดาวน์โหลดใน App Store ถึง 2 เท่าหรือ 100% จากปี 2014 ที่มากกว่า App Store อยู่ 60%)

^D88528D20C19CC4AF9B3B50ED8DA87AB989DEF9C2A55143DBD^pimgpsh_fullsize_distr

Sensor Tower บอกว่า ประมาณ 66% ของเม็ดเงิน 1.82 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาส 3 นี้ เป็นรายได้ที่เกิดจากโมบายแอปพลิเคชั่นจาก App Store ของค่าย Apple

ซึ่ง App Store สามารถสร้างรายได้ถึง 1.2 หมื่นล้านเหรียญ หรือเพิ่มขึ้น 23.3% จาก 9.7 พันล้านเหรียญ ในช่วงเวลาเดียวกันของปีทีแล้ว ขณะที่ Google Play สร้างรายได้ 6.2 พันล้านเหรียญ หรือเพิ่มขึ้น 21.5% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ได้ 5.1 พันล้านเหรียญ

ข้อมูลจาก  Sensor Tower ยังบอกอีกว่า แอปเด่น ๆ จากทั้ง 2 ค่ายนั้น ระบบการสมัครสมาชิกของแอปฯ ยังคงเป็นตัวช่วยในการสร้างรายได้เช่นเดิม

โดย Netflix แน่นอนว่า ยังเป็นแอปยอดนิยม ที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเกม โดยไตรมาส 3 สามารถสร้างรายได้ถึง 243.7 ล้านเหรียญสหรัฐโดยประมาณทั้ง 2 แพลทฟอร์ม และวิดีโอTinder และ Tencent ยังเป็นแอปที่ตามมาเป็นที่ 2 และ 3 ตามลำดับ

ในปี 2016 ข้อมูลบ่งชี้ว่า แอปพลิเคชั่นที่มีผู้ใช้งานยอมเสียเงินมากที่สุด อยู่ในหมวดของเกมหรือคิดเป็น 90% ของฝั่ง Google Play และอีก 75% อยู่ในฝั่งของ App Store ส่วน 5 อันดับแอปพลิเคชั่น ที่คนใช้งานกันหัวปักหัวปำและต่อเนื่องคือ Facebook, Facebook Messenger, YouTube, WhatsApp และตามมาด้วย Instagram แอพพลิเคชั่นถ่ายภาพ แต่งภาพ ยอดฮิตของผู้คนทั่วโลกนั่นเอง

ถึงตอนนี้การจับจ่ายในโมบายเกม ก็ถือเป็นตัวช่วยสำมะคัน ที่ช่วยสร้างรายได้ให้กับทั้ง 2 ค่าย แต่ละปีก็จะมีการเติบโตกันอย่างขะมักเขม้นถึง 14.9% ในช่วงไตรมาสนี้ หรือคิดเป็นเม็ดเงิน 1.38 หมืนล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 76% ของรายได้ ที่เกิดจากแอปทั้งหมดของทั้ง 2 แพลทฟอร์ม ซึ่ง 8.5 พันล้านเหรียญ มาจาก App Store และ 5.3 พันล้านเหรียญ มาจาก Google Play

^E22E17CFA641A14D88B964CCE85C043DF9549EB33A28D2659A^pimgpsh_fullsize_distr

ทั้งนี้ ในส่วนของการดาวน์โหลดแอปจะพบว่า Google Play ยังคงดูดีกว่าเล็กน้อย เนื่องจากอุปกรณ์แอนดรอยด์มีราคาถูกลงมากในตลาดเกิดใหม่ จากข้อมูลบอกว่า การเติบโตขึ้นของการติดตั้งแอปมีถึง 10.9% ทั้ง 2 แพลทฟอร์ม หรือแตะไปที่ตัวเลข 27.1 ล้านครั้ง คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 24.4% จากในไตรมาส 3 ของปีที่แล้ว 2017

ไม่เพียงแค่นี้ ในไตรมาสที่ 3 นี้ อันดับของการดาวน์โหลดแอปสูงสุด ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเช่นกัน

นั่นคือ แอปวิดีโอสั้นของ Bytedance ที่รวม TikTok กับ Musical.ly ในช่วงไตรมาสนี้ ซึ่งผลจากการวมแอปเข้าด้วยกันนี้ ทำให้ TikTok ของ Bytedance โดดขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 4 ของทั่วโลก และปรากฏว่าเติบโตถึง 15% ในช่วงไตรมาสต่อไตรมาส หรือคิดเป็น 440% ปีต่อปีทีเดียว

ทำให้ในช่วงไตรมาส 3 นี้ TikTok ของ Bytedance สามารถแซงหน้าอันดับ 5 อย่าง Instagram และอันดับ 10 อย่าง  Snapchat ทำให้ Bytedance มาแรง กลายเป็นผู้เล่นที่น่าจับตาในตลาดโซเชียลแอปไปโดยพลัน

Source Techcrunch.com


  • 57
  •  
  •  
  •  
  •