สายเขียนห้ามพลาดมัดรวม 5 เครื่องมือช่วยตรวจคำผิดสุดง่าย ไม่ต้องอ่านให้ตาลาย มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

  • 18
  •  
  •  
  •  
  •  

เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะเคยพบเจอปัญหา “การสะกดคำผิด” ได้บ่อยในการเขียนทั้งงานภาษาไทยและภาษาอังกฤษ แต่บางครั้งเราอาจสะกดคำผิดโดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาจทำให้เนื้อหาที่เราเขียนดูไม่ถูกต้องและไม่เป็นมืออาชีพ โดยเฉพาะนักเขียนทั้งหลายต่างก็ค้นหาตัวช่วยที่จะทำให้งานเขียนออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด

จะดีกว่าไหมถ้าเรามีตัวช่วยในการ “ค้นหาคำผิด” หรือจุดที่ผิดพลาดในงานเอกสารของเรา ดังนั้นแล้วเว็บไซต์ตรวจคำผิดจึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราตรวจหา แก้ไขคำผิดได้อย่างรวดเร็วและง่ายที่สุด โดยในบทความนี้ Marketing Oops! จะขอรวบรวมเว็บไซต์ตรวจคำผิด ให้สำหรับเหล่านักเขียน ซึ่งจะมีเว็บไซต์อะไรบ้างไปดูกันเลย

1. Katproof (ใช้ได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ)

เป็นเว็บไซต์ที่เปิดตัวในช่วงปี 2564 โดยใช้ชื่อว่า Katproof ซึ่งทางผู้พัฒนาได้เปิดเผยว่าเว็บไซต์ Katproof ที่ใช้ตัว K เพราะต้องการเล่นคำเพื่อสื่อถึงการสะกดคำผิด (จาก Cat เป็น Kat) และยังเป็นมาสคอตประจำเว็บไซต์ ที่จะช่วยทำหน้าที่สอดส่องมองหาคำผิดในงานของทุกคน

โดยจุดเด่นคือใช้งานง่าย สะดวกรวดเร็ว ซึ่ง Katproof รองรับการตรวจคำผิดได้หลากหลายรูปแบบ เช่น การสะกดคำผิด การใช้คำผิด การใช้ไวยากรณ์ผิด และการใช้เครื่องหมายวรรคตอนผิด เป็นต้น นอกจากนี้ Katproof ยังรองรับการตรวจคำผิดในบริบทต่าง ๆ เช่น การใช้คำผิดในภาษาทางการ การใช้คำผิดในภาษาไม่เป็นทางการ ที่สำคัญใช้งานฟรีด้วย

วิธีการใช้งาน เว็บไซต์ Katproof

สามารถสมัครเป็นสมาชิกหรือลงชื่อเข้าใช้งานผ่าน Facebook และกดยอมรับเงื่อนไขการใช้งานก็สามารถใช้งานได้แล้ว ส่วนใครที่อยากใช้อีเมลเพียงแค่กรอกอีเมลและรหัสผ่านรอรับยืนยันการเป็นสมาชิก จากนั้นกดเข้าไปในลิงก์ยืนยันการสมัครใช้งานผ่านอีเมล เพียงเท่านี้ก็สามารถเข้าใช้งานได้เช่นกัน

ขั้นตอนต่อมาคัดลอกข้อความที่ต้องการตรวจคำผิดมาวางในช่องที่กำหนด จากนั้นกดปุ่ม “ตรวจ” ระบบจะแสดงคำผิดและคำที่ถูกต้องขึ้นมาทันที เมื่อตรวจเรียบร้อยจะปรากฏข้อความทางขวามือของหน้าจอที่จะระบุคำผิด หรือคำที่คาดว่าอาจจะพิมพ์ผิดในงานของเรา โดยจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่

  • ตัวอักษรสีแดง:  แสดงคำที่สะกดผิด หรือคำที่ไม่มีในระบบ
  • ตัวอักษรสีเหลืองส้ม: แสดงคำที่ (คาดว่าน่าจะ) สะกดอักษรผิด
  • แถบอักษรสีฟ้า: การเว้นวรรคตอนผิด หรือผิดแปลกไปจากจุดอื่น ๆ

2. Proof by Meb (ใช้ได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ)

อีกหนึ่งเว็บไซต์ที่จะช่วยแบ่งเบาภาระของสายคอนเทนต์อย่างเราไปได้อีกเยอะ นั่นก็คือ Proof by Meb เว็บไซต์ของ readawrite ต้องขอบอกเลยว่าใช้งานง่ายและฟรีสำหรับทุกคน อีกทั้งยังสามารถตรวจคำผิดได้สูงสุด 10,000 คำต่อครั้ง

โดยคุณสมบัติของ Proof by MEB ที่น่าสนใจคือ ตรวจคำผิดได้ถูกต้องแม่นยำ เพราะใช้ AI ในการช่วยตรวจสอบ อีกทั้งยังตรวจคำผิดได้ครอบคลุมทุกรูปแบบ เช่น คำสะกดผิด คำผิดไวยากรณ์ คำผิดความหมาย ที่สำคัญรองรับการสะกดคำแบบไทยถิ่นต่าง ๆ และการสะกดคำแบบภาษาอังกฤษได้อีกด้วย

วิธีการใช้งานเว็บไซต์ Proof by Meb

ใครที่ยังไม่มีสมาชิกก็ให้สมัครสมาชิกก่อน หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่หน้าเว็บแรกให้เลือกตรวจคำผิด และก๊อบปี้เนื้อหาที่ต้องการตรวจมาวาง แล้วกด ‘ตรวจด้วย Proof’ ระบบก็จะทำการตรวจหาคำผิด เมื่อเจอคำผิดแล้วก็จะแจ้งเตือน พร้อมบอกคำที่ถูกต้องให้เรากด ‘แทนที่’ ถ้าตรวจสอบแล้วแถบขึ้นเป็นสีน้ำเงินคือคำที่สงสัยว่าจะผิด และถ้าเป็นสีแดงคำที่มักใช้ผิดนั้นเอง

3. Microsoft Word (ใช้ได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ)

หลาย ๆ คนที่ใช้ Word ในการเขียนงานอาจจะยังไม่รู้ว่า Microsoft Word มีฟังก์ชันตรวจคำผิดในตัวซึ่งสามารถตรวจคำผิดได้หลากหลายรูปแบบ เช่น คำสะกดผิด คำผิดไวยากรณ์ คำผิดความหมาย เป็นต้น โดยมีวิธีเปิดใช้งานฟังก์ชันตรวจคำผิด ดังนี้

วิธีการใช้ Microsoft Word

คลิก ไฟล์ > ตัวเลือก > การพิสูจน์อักษร ล้างกล่อง ตรวจสอบการสะกดขณะที่กำลังพิมพ์ แล้วคลิก ตกลง

เมื่อเปิดใช้งานฟังก์ชันตรวจคำผิดแล้ว Microsoft Word จะตรวจคำผิดในเอกสารและแสดงเส้นใต้สีแดงเพื่อระบุคำผิด หากต้องการแก้ไขคำผิด ให้คลิกที่คำผิดนั้นแล้วเลือกคำที่ถูกต้องจากรายการที่แสดงขึ้น นอกจากนี้ Microsoft Word ยังมีตัวเลือกในการปรับแต่งการตั้งค่าการตรวจคำผิด เช่น การเพิ่มคำหรือวลีที่ไม่ต้องการให้ตรวจคำผิด หรือวลีที่ต้องการตรวจสอบเป็นพิเศษ เป็นต้น

4. Grammarly (ใช้ได้เฉพาะภาษาอังกฤษ)

มาถึงเว็บที่ตรวจภาษาอังกฤษกันบ้าง Grammarly เป็นเว็บที่มีชื่อเสียงระดับโลกสามารถตรวจคำผิดได้ครอบคลุมทุกรูปแบบ ทั้งคำสะกดผิด คำผิดไวยากรณ์ คำผิดความหมาย และข้อผิดพลาดอื่น ๆ อีกมากมาย โดยมี AI ช่วยในการตรวจสอบ ทำให้มั่นใจได้เลยว่ามีความแม่นยำที่สูง แต่ถ้าอยากได้ประสิทธิภาพที่มากขึ้นก็อาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

วิธีการใช้ Grammarly

  • สมัครสมาชิก Grammarly บนเว็บไซต์ com หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Grammarly บนอุปกรณ์
  • เมื่อลงชื่อเข้าใช้แล้ว สามารถเริ่มใช้ Grammarly ได้ทันที โดยใช้ส่วนขยาย Grammarly บนเว็บเบราว์เซอร์
  • เมื่อ Grammarly ตรวจพบข้อผิดพลาดแล้ว จะแสดงข้อผิดพลาดเหล่านั้นพร้อมกับคำแนะนำในการแก้ไข และสามารถยอมรับคำแนะนำของ Grammarly หรือแก้ไขข้อความด้วยตัวเองได้ตามต้องการ

5. Aspose (ใช้ได้เฉพาะภาษาอังกฤษ)

ถือเป็นเว็บที่มีประโยชน์เป็นอย่างมาก เพราะรวมเอาเครื่องมือมาไว้ในที่เดียว เช่น เครื่องมือแก้ไขไฟล์ PDF, PSD, PNG หรือแม้แต่เครื่องมือ OCR สแกนภาพเป็นข้อความก็มี ยังสามารถตรวจสอบคำผิด พิสูจน์อักษร หรือ แกรมม่า ต่าง ๆ ป้อนคำหรือประโยคได้ 10,000 ตัวอักษรต่อครั้ง ใช้งานฟรี รองรับภาษาอังกฤษ อิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน รัสเซีย ปัจจุบันยังไม่รองรับภาษาไทย ถึงแม้จะฟรี แต่ก็ไม่มีโฆษณากวนใจ

วิธีการใช้ Aspose

วิธีการใช้ก็แสนจะง่ายดาย แค่กดเข้าไปแล้วในเว็บแล้วเลือกฟังก์ชั่นหรือโหมดที่เราต้องการ เช่น การตรวจคำผิด ก็สามารถกรอกข้อความ แล้ววางลงช่อง และกดตรวจสอบสะกดได้เลย หรือใครที่ต้องการฟังก์ชั่นก็สามารถเลือกได้ที่ข้างล่างเว็บไซต์ อย่างการแปลงรูปภาพเป็นข้อความ หรืออ่านเอกสารที่เว็บเป็นคนสแกนได้อีกด้วย

โดยรวมแล้วแต่ละเว็บถือว่ามีประสิทธิภาพต่อเหล่านักเขียนเป็นอย่างมาก แต่ก็อาจจะมีค่าใช้เพิ่มเติมถ้าอยากได้ไอเทมที่เพิ่มมากขึ้นในการตรวจสอบ ในการรวบรวมเว็บไซต์ตรวจคำผิดครั้งนี้ ก็อยากให้ทุก ๆ ได้ใช้ เพื่อง่ายต่อการทำงานและสามารถเป็นประโยชน์ให้กับทุกคนที่เข้ามาอ่าน


  • 18
  •  
  •  
  •  
  •