เชื่อว่าหลายคนคงสับสนว่า 4K TV และ UHD TV แตกต่างกันอย่างไร ที่จริงแล้ว ทั้งสองต่างหมายถึงทีวีที่มีความละเอียดหน้าจอ 8.3 ล้านพิกเซล (3,840 x 2,160 พิกเซล) จากซับพิกเซลสีแดง เขียวและน้ำเงิน หรือคิดเป็นความละเอียดที่มากกว่าทีวีแบบ Full HD ถึง 4 เท่านั่นเอง
ล่าสุด แอลจีได้นำเสนอเทคโนโลยีอันล้ำสมัยด้วยการแสดงผลหน้าจอแบบ M+ ที่โดดเด่นด้วย 4-Color Pixels ประกอบด้วยซับพิกเซล 4 สี ได้แก่ สีแดง (R) สีเขียว (G) สีน้ำเงิน (B) และสีขาว (W) หรือเรียกสั้นๆ ว่า RGBW ซึ่งมีความแตกต่างอยู่ที่การเพิ่มซับพิกเซลสีขาวนอกเหนือจากสีมาตรฐาน (สีแดง เขียวและน้ำเงิน) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายแสง ปรับค่าคอนทราสต์ ทีวีจึงแสดงผลภาพได้สว่าง แม่นยำ สมจริงยิ่งขึ้น และยังช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่าหน้าจอแบบ RGB ถึง 35% เลยทีเดียว นอกจากนี้ หน้าจอแสดงผลแบบ M+ ยังมาพร้อมเทคโนโลยีพาเนลแบบ In-Plane Switching หรือ IPS ที่จัดเรียงโมเลกุลพิกเซลทั้งหมดในแนวนอน ช่วยให้การรับชมคมชัดในทุกมุมมอง ผู้ใช้งานเพลิดเพลินกับความบันเทิงบนหน้าจอไม่ว่าจะนั่งอยู่มุมใดของห้อง
อาจมีคำถามว่า การเพิ่มซับพิกเซลสีขาวเข้ามาผสมกับสี RGB นั้น ทำให้แอลจี 4K TV ไม่สมบูรณ์แบบหรือไม่ คำตอบคือ ซับพิกเซลสีขาวไม่ได้ส่งผลต่อจำนวนรวม 8.3 ล้านพิกเซลแต่อย่างใด เนื่องจากหน้าจอ RGBW ประกอบด้วยโครงสร้างพิกเซลในแนวตั้งที่ 3,840 x แนวนอนที่ 2,160 = 8,294,400 หรือราว 8.3 ล้านพิกเซลนั่นเอง โดย LG 4K TV ได้รับการรับรองมาตรฐานจากสถาบันต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น VDE, Intertek และ International Committee for Display Metrology หรือ ICM ผู้บริโภคจึงมั่นใจในคุณภาพได้อย่างหายห่วง
ในฐานะผู้นำนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าระดับโลก แอลจีได้มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งยังไม่ละทิ้งความสำคัญด้านการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เห็นได้จากการใช้เทคโนโลยี M+ และโครงสร้างซับพิกเซล RGBW ที่เพิ่มสีขาวเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการแสดงผลหน้าจอ ลดการปล่อยความร้อน พร้อมช่วยลดการใช้พลังงานได้อย่างเหนือระดับ