การทำงานในรูปแบบบริษัท หลายคนอาจจะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว แต่กับการทำงานในรูปแบบใหม่ ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยีเครื่องมือการสื่อสารผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ทำให้เกิด รูปแบบใหม่ของบริษัทที่เรียกว่า Virtual companies
นับเป็นความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งปัจจุบันเกิด virtual หลายอย่าง เช่น Virtual Classroom หรือ Virtual Tour แต่สำหรับVirtual companiesนั้น เป็นรูปแบบองค์กรเสมือนจริงที่ไม่จำเป็นต้องมี 2 คนขึ้นไป อาจจะมีเพียง 1 คนก็ได้ การถือกำเนิดองค์กรลักษณะนี้ส่วนหนึ่งเพราะต้องการลดต้นทุนและประหยัดทรัพยากร แต่ยังคงสามารถบริหารจัดการผ่านระบบอินเตอร์เน็ตได้อยู่ มีความยืดหยุ่นสูง และที่สำคัญคือต้องมีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน นับเป็นการปฏิวัติองค์กรหรือบริษัทในรูปแบบเดิมๆ ที่เรียกว่า Traditional
แต่แม้ว่าคุณจะทำงาน Virtual companies ยังมีบางอย่างที่คุณอาจจะเข้าใจผิดอยู่บ้าง บางอย่างไม่ได้แตกต่างจาก Traditional แบบสิ้นเชิงขนาดนั้น ในรูปแบบบริหารจัดการยังมีส่วนหนึ่งที่เหมือนกันอยู่
ลองมาดูความเชื่อผิดๆ หรือเรื่องเล่าที่ไม่จริงของ Virtual companiesกันดูบ้าง เผื่อให้คุณได้ศึกษาก่อนตัดสินใจจะทำงานในแบบ Virtual companies หรือไม่
Myth 1: You can work anywhere.
คนที่ทำงานนอกสถานที่ หรือที่รู้จักกันดีในต่างประเทศเรียกว่า Remote workers มักจะคิดว่า ฉันสามารถทำงานบนหาดก็ได้! ฉันสามารถ call in ได้แม้จะนั่งเชียร์กีฬาบนสแตนด์! ฉันสามารถเตรียมดินเนอร์และทวีตงานในเวลาเดียวกันยังได้!
ความจริง : ถ้านี่เป็นเรื่องจริง เราทุกคนก็คงทำอย่างนั้นไปแล้ว แต่มันไม่ใช่! การทำงานที่บ้านมันมีความหมายตามนั้นจริงๆ มันสำคัญมากสำหรับ remote workers ที่จะต้องทำงานให้มีประสิทธิภาพที่สุด ซึ่งเป็นหนทางที่สำคัญที่สุดที่จะได้รับความเชื่อใจจากสมาชิกในทีม และหัวหน้างานผู้ซึ่งไม่เคยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการไม่ได้เห็นหน้าคุณเลย ดังนั้น ในฐานะ remote workers การทำงานให้บรรลุผลและมีความรับผิดชอบสูงจึงเป็นเรื่องจำเป็นยิ่ง
แม้ว่าคุณอาจจะสามารถทำงานในขณะที่กำลังลงแข่งว่ายน้ำได้ แต่การบังคับให้เพื่อนร่วมงานได้ยินเสียงกรี๊ดร้อง เสียงเพลงคลอเป็นฉากหลังของคุณนั้น มันค่อนข้างหยาบคายและไม่เป็นมืออาชีพเอาเสียเลย การจะเป็น remote workers ที่ประสบความสำเร็จได้จะต้องมีความรับผิดชอบ มีการให้เกียรติผู้อื่นสูง และจริงจังกับงานมากๆ
Myth 2: There is no drama.
สำหรับหัวหน้าบางคนอาจจะเชื่อว่าการทำงานที่บ้าน เป็นโอกาสที่จะใช้หลีกเลี่ยงปัญหาการเมืองภายในออฟฟิศหรือไม่ต้องเจอกับปัญหากินเกาเหลากันในที่ทำงาน
ความจริง: มันไม่ใช่โอกาสที่ว่าเลย! ความขัดแย้งหรือปัญหาในการทำงานยังคงมีได้อยู่ เช่นสถานการณ์ดังต่อไปนี้
หากคุณเป็นผู้จัดการหรือหัวหน้างาน ถ้าคุณเห็นโพสต์เช่นว่า “ฉัน (ลิซ) กำลังคอยเจนนี่อยู่ เพราะว่าเธอมักจะเลทตลอดเวลา” ให้ตระหนักไว้ว่านี่คือ ‘ธงแดง’ ค้นหาให้ได้ว่าอะไรคือเรื่องจริง หนึ่งคือ เจนนี่ สายตลอดเวลา หรือ ลิซ เป็นพวกขี้บ่นขี้ฟ้อง? ดังนั้น ควรสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมในเชิงบวกเพื่อให้ทีมคุณประสบความสำเร็จ เปิดให้เกิดการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีเพื่อสร้างมิตรภาพที่ดีระหว่างเพื่อนร่วมงาน
Myth 3: There is no need for reviews.
หัวหน้าบางคนอาจจะคิดว่าลูกน้องควรรู้สึกโชคดีที่บริษัทอนุญาตให้ทำงานจากที่บ้านได้ ดังนั้น พวกเขาก็สามารถที่จะเพิกเฉยไม่สนใจใยดีพนักงานกลุ่มนั้นได้ ไม่จำเป็นต้องใส่ใจดูแลและไม่ต้องเห็นคุณค่าหรือให้ความสำคัญใดๆ
ความจริง: Remote workers เป็นเพียงแค่แรงจูงใจในอาชีพอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่พวกเขายังต้องการการดูแลใส่ใจ และตบรางวัลเช่นเดียวกับ traditional workers แต่ไม่มีใครที่จะทำงานได้มีประสิทธิภาพ ถ้าคุณไม่ทำตามมาตรฐานในการใส่ใจที่ดี
นอกจากนี้ แม้เราจะไม่ได้เห็นหน้าหรือตัวเป็นๆ ของ Remote workers แต่ในเมื่อพวกเขายังทำงานอยู่ เราอาจจะวัดผลการทำงานหรือมอนิเตอร์การทำงานของพวกเขา ผ่านโปรแกรมที่เชื่อว่า Podio (https://podio.com/) ได้ นอกจากนี้ ยังสามารถติดตามผลหรือรายงานการทำงานเป็นรายอาทิตย์ได้ด้วยเพื่อให้การทำงานไปถึงเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นตัวช่วยในการประเมินการทำงานที่ดี
แน่นอนว่าการทำงานให้บรรลุเป้าหมายเป็นสิ่งสำคัญ แต่การให้เวลาเพื่อโทรไปถามไถ่หรือให้กำลังใจทีมงานด้วยนั้นเป็นสิ่งที่ดีมาก ทั้งนี้ ขีดเส้นใต้ไว้เลยว่า ควรให้เกียรติและตบรางวัลสมาชิกในทีมอย่างเหมาะสม
Myth 4: There is a certain type for the virtual environment.
หลายคนอาจจะคิดว่าการทำงานในลักษณะ ‘เสมือนจริง’ นี้ หมายความคุณจะต้องเป็นคนไฮเทค เชี่ยวชาญทักษะด้านเทคโนโลยีดุจมือโปร แต่อาจจะมีทักษะด้านปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในระดับที่ต่ำ
ความจริง: ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง พวก virtual workers จะต้องทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ ซึ่งสำคัญมากกว่าเรื่องใดๆ แม้ว่าทักษะด้านเทคโนโลยีที่ใช้ในการทำงานเป็นสิ่งจำเป็นก็จริงอยู่แต่ความสามารถทำงานร่วมกับทีมนั้นก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ดังนั้น ในการทำงานพวกเขาจะต้องมีทักษะและประสบการณ์ที่ดีในการทำงานร่วมกับผู้อื่น โดยจะต้องหาส่วนผสมที่ลงตัวกับสมาชิกในทีม ซึ่งอาจจะเป็นความท้าทายที่ยากที่สุดมากกว่าเรื่องใดๆ
จำไว้ว่าการจ้างงานหรือเทรนนิ่งคนในโลกเสมือนจริงใช้ทั้งเงินและพลังงานอย่างมาก ถ้าบางคนเรียนรู้เรื่องระบบได้แต่ไม่อาจจะกลมกลืนไปกับทีมได้ ก็เสียเวลา เสียเงิน และเสียทรัพยากรไปเปล่าๆ
การทำงานแบบเสมือนจริงนี้จำเป็นต้องประสบความสำเร็จทั้งตัวคุณเองและทีมด้วย แต่ท้ายที่สุดแล้วก็เพื่อลูกค้าของคุณ การสร้างทีมที่ทำงานได้ดีทั้งภายในและภายนอกออฟฟิศจะส่งผลให้ธุรกิจของคุณก้าวหน้าและเจริญเติบโตไปได้.