ในอดีตเทคโนโลยี 3 มิติคือสิ่งที่ฮือฮามาก และถือเป็นนวัตกรรมที่ก้าวล้ำอย่างมากมายสำหรับเทคโนโลยีภาพ จนถึงขนาดนักการตลาดเคยใช้เทคโนโลยี 3 มิติในการโฆษณากันมาบ้างแล้ว แต่ดูเหมือนยังไม่ประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ เพราะในสมัยก่อนการจะทำให้ภาพทะลุออกมาจากจอแบบ 3 มิติ ต้องใช้อุปกรณ์แว่นตาเลนส์ 2 สี (สีแดงและสีน้ำเงิน) เพื่อหลอกสายตา
แต่เทคโนโลยีนั้นไม่ได้รับการตอบสนองเท่าที่ควร เนื่องจากมีผลกระทบต่อสายตาอย่างมาก จนเมื่อมีการพัฒนาเทคโนโลยีแว่นตา 3 มิติ ที่ช่วยให้เห็นภาพ3 มิติในแบบสีสันปกติแล้วยังช่วยถนอมสายตาด้วย ซึ่งผู้ผลิตทีวีหลายค่ายต่างก็ออกมารับกระแสเทคโนดลยี 3 มิติด้วยการเพิ่มฟังก์ชั่นการรับชมภาพยนตร์ในรูปแบบ 3 มิติ รวมไปถึงผู้ผลิตภาพยนตร์ที่เริ่มนำระบบการถ่ายทำภาพยนตร์แบบ 3 มิติมาใช้ด้วย
เรียกว่าได้ว่าเป็นยุคทองของเทคโนโลยี 3 มิติ เพราะแม้แต่ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่จอภาพก็ใช้เทคนิค 3 มิติเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ดูเหมือนว่าเทคโนโลยี 3 มิติเริ่มอับแสงลงเมื่อมีการพูดถึงความละเอียดของภาพและความเสมือนจริง ระบบ FullHD 1080p จึงเริ่มเป็นที่พูดถึงกันมากขึ้น โดยที่ยังคงฟังก์ชั่น 3 มิติไว้อยู่ จนเมื่อกระแสภาพยนตร์ Avatar3D เป็นที่พูดถึงมากขึ้น เทคโนโลยี3 มิติก็ดูเหมือนจะเริ่มฉายแสงอีกครั้ง
ซึ่งเป็นเพียงแค่เวลาสั้นๆ เมื่อผู้ผลิตทีวีหันไปสนใจกับเรื่องของความละเอียดของภาพและแสงสี จนมีการพัฒนาไปสู่ความระเอียดระดับ 4K HDR ที่ให้ความเสมือนจริงมากที่สุด จนทำให้ผู้ชมรู้สึกเต็มอิ่มกับภาพที่เสมือนจริงมากกว่าเข้าถึงภาพในแบบ 3 มิติ นั่นจึงทำให้เทคโนโลยีภาพ 3 มิติลดบทบาทลง จนเมื่อการชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์พัฒนาไปสู่ระบบ 4D เทคโนโลยี 3 มิติในจอทีวีก็ยิ่งเห็นเค้าลางความเสื่อมถอย
ยิ่งเมื่อเทคโนโลยี VR เข้ามา ถือเป็นการปิดฉากเทคโนโลยี 3 มิติโดยสมบูรณ์แบบ คงเหลือไว้แต่จอในแบบมอนิเตอร์เพื่อใช้สำหรับเล่นเกม 3 มิติเท่านั้น โดยล่าสุด SONY และ LG 2 ค่ายผู้ผลิตทีวียักษ์ใหญ่ประกาศยกเลิกสายการผลิตเทคโนโลยี 3 มิติอย่างเป็นทางการ ทำให้ทีวี 3 มิติในอดีตกลายเป็นตำนาน
โดยนักวิเคราะห์ในต่างประเทศต่างเห้นตรงกันว่า สาเหตุหลักที่ทำให้เทคโนโลยี 3 มิติถึงกาลอวสานเป็นเพราะคอนเท้นต์ที่ในอดีตเคยใช้ระบบ 3 มิติ เริ่มมีการยุติระบบ 3 มิติลง เช่น ESPN ที่ประกาศหยุดออกอากาศในระบบ 3 มิติช่วงปี 2012 และ 2013 รวมไปถึงแว่นตา 3 มิติที่ให้ความรุ้สึกน่ารำคาญเวลารับชมและมันยังไม่เท่อีกด้วย นอกจากนี้เทคโนโลยีความละเอียดของภาพคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนดูรู้สึกเพียงพอกับการดูทีวี
ไม่เพียงเท่านี้ภาพยนตร์ 3 มิติมีราคาใกล้เคียงกับภาพยนตร์แบบ Blu-ray ที่ให้ความคมชัดสูง และในบางคนการชมรายการหรือภาพยนตร์ผ่านแว่นตา 3 มิติทำให้เกิดอาการปวดตาได้ ที่สำคัญหลายคนมีความรู้สึกที่ไม่ได้ต่อการใช้เทคโนโลยี 3 มิติทำให้ได้รับประสบการณ์การรับชมที่ไม่ดี
Source : Business Insider