ว่ากันว่า, ‘เวลา’ มักผกผันสวนทางกับ ‘ความต้องการ’ เสมอ
เคยรู้สึกไหมว่ายามที่เรามีความสุข เวลามักจะผ่านไปไว…เหมือนเอาลิ้นเลียริมฝีปากยังไงยังงั้น จนบางครั้งเราแทบจะยังไม่ทันได้ซึมซับกับช่วงเวลาดีๆเหล่านั้นเลย แต่ยามที่เราเบื่อหน่าย และอยากให้ช่วงเหล่านั้นมันผ่านไปไวๆ เรากลับพบว่าเวลาช่างเดินช้าเสียเหลือเกิน…ชนิดที่ว่าแม้เต่ายังคลานชนะเลยทีเดียว
บ่อยครั้งในการทำงานที่เรานั่งมองนาฬิกาจ้องแล้วจ้องอีก เมื่อไหร่หนอหนึ่งวันนี้จะสิ้นสุดลงเสียที ยิ่งถ้าเป็นวันศุกร์ด้วยแล้ว…ยิ่งสะอื้นกายสะอื้นใจกันยกใหญ่ บางรายไม่ต้องรอให้ถึงวันศุกร์ ก็ยังทุกข์ระทมอยู่แทบทุกวัน ในเมื่อเลี่ยงการทำงาน (เพื่อมีเงินไว้จับจ่ายความสุขให้กับตนเอง) และเลี่ยงการจับจดกับนาฬิกาในออฟฟิศไม่ได้ แต่ทุกความมืดมิดย่อมมีแสงสว่างเสมอ ขอแนะนำให้ใช้ทุก 10 นาทีเฮือกสุดท้ายในออฟฟิศก่อนที่เราจะไปลั้น-ลา ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด กับ 13 สิ่งที่ควรทำต่อไปนี้…
‘โฟกัส’ ไม่ใช่ ‘โฟร์-มด’
เข้าใจว่าหลายคนแอบยิ้มแฉ่ง เมื่อรู้ว่าอีกไม่นาน ชีวิตในขุมนรกนี้ก็จะสิ้นสุดลงเสียที แต่รู้หรือไม่ว่า…ก่อนจะเลิกงานและปันใจไปให้กับเรื่องกิเลสทั้งหลาย เราควรตั้งสมาธิ และโฟกัสถึงสิ่งที่เราจะทำต่อจากนี้หลังเลิกงาน กิจกรรมต่างๆทั้งหลาย หรือแม้แต่อาหารมื้อเย็นที่เราจะรับประทาน ไม่ใช่พอรู้ว่า 10 นาทีสุดท้าย ก็มัวแต่ฮัมเพลงของสองสาวโฟร์-มด “หายใจเข้า…ก็ห้าโมง, หายใจออก…ก็หกโมง” ทั้งนี้, ไม่ใช่เพื่อย้ำคิดย้ำทำและซีเรียสมากเกินไป แต่เพื่อเป็นการบำรุงฝึกฝนสมองของเราให้หลักแหลม และเกิดไหวพริบอันเฉียบคมยิ่งขึ้น เพราะนักวิจัยหลายคนกล่าวว่าช่วงเวลาก่อนจะหมดวันทำงาน หัวสมองเราจะทื่อเหมือนมีดที่ไม่เคยลับยังไงยังงั้น เพราะฉะนั้นเราควรใช้เวลาช่วงที่สมองเราอ่อนแอนี้ในการพัฒนาและบำรุงความขดหยักของมัน
อัพ Do ทู Date (อัพเดท To-Do List)
ก่อนจะรีบกระวีกระวาดยกบั้นท้ายออกจากออฟฟิศไป ก้มลงสำรวจ To-Do List หรือตารางภารกิจของเราเสียหน่อย เพื่อเช็คว่าสิ่งที่ต้องทำในวันนี้ เราได้ทำครบทุกข้อหรือยัง ขาดตกหล่นอย่างไรบ้าง แล้วข้อสุดท้ายของวันนี้เราทำเรียบร้อยแล้วหรือไม่ นอกจากจะเป็นการทำให้จิตใจเรานิ่งสงบ…เป็นระบบแบบแผนก่อนออกเริงร่าแล้ว ยังช่วยให้เราสามารถเช็คได้ว่าพรุ่งนี้เรามีอะไรที่ยังต้องทำอีกบ้าง เดินออกไปอย่างสง่าๆด้วยท่าทีที่ดูสบาย…ดีกว่าต้องเดินออกไปแบบกุลีกุจอ นะครับ!
“ชีวิตยังมีพรุ่งนี้เสมอ…”
หลายคนอาจเคยได้ยินเพลงยอดฮิตติดท็อปชาร์ตของพี่ตูน บอดี้แสลม ที่ร้องว่า “ความรักลวงหลอกมันก็แค่เจ็บปวด ก็ไม่ตาย…ชีวิตยังมีพรุ่งนี้เสมอ” แน่นอนว่าถ้าโดนบอกเลิกจากคนรัก ยังไงชีวิตก็ยังคงต้องเดินต่อไป แต่ถ้าหากเป็นตอนจะเลิกงานแล้วล่ะก็…เราควรเขียนสิ่งที่จะต้องทำ หรือเป้าหมายของวันพรุ่งนี้ไว้เสมอในทุกๆวันก่อนเลิกงาน ยิ่งเราขมวดจดสิ่งต่างๆลงกระดาษได้ครบถ้วนเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมีความสามารถในการใช้ชีวิตที่มีความเตรียมพร้อมได้มากเท่านั้น สละเวลาสัก 10 นาทีก่อนหมดวัน…รับรองว่าวันต่อๆไปของเราจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
แต่งเนื้อแต่งโต๊ะ
การทำงานอย่างถาโถมตลอดทั้งวัน อาจทำให้เราไม่มีเวลาจัดเก็บโต๊ะทำงานให้ดูเป็นระเบียบเข้าที่เข้าทาง…เชื่อกันว่าโต๊ะทำงานที่ดูสะอาดสบายตา จะทำให้เราสามารถจัดการสิ่งต่างๆได้ดียิ่งขึ้น ทั้งการทำงาน และการทำ ‘สนุก’ เมื่อปิดคอมฯ และเตรียมตัวจะผละออกจากเก้าอี้แล้ว ก็อย่าลืมจัดระเบียบความสวยงามให้กับโต๊ะสักนิด เพื่อเช้าวันใหม่มาทำงานจะได้สมองโล่งโปร่งใส และเตรียมเอกสารสำคัญที่ต้องใช้ไว้บนโต๊ะให้เห็นได้ชัด เราจะได้หยิบใช้สอยได้อย่างสะดวก โลกไม่ได้เร่งรีบอะไร…แต่รอได้จนกว่าจะเพอร์เฟ็ค
ชมชอบกับความ ‘สำเร็จ’
10 นาทีสุดท้ายแล้ว ก็เชยชมกับความสำเร็จของสิ่งต่างๆในวันนี้ที่เราได้ทำลงไป นอกจากจะทำให้เราภูมิอกภูมิใจไม่ซังกะตายก่อนเลิกงานแล้ว ยังช่วยให้เราสามารถเช็คได้อีกด้วยว่ายังเหลืออะไรอีกบ้างที่เราต้องทำ แม้แค่ 1 นาทีก็ทำให้เราซึมซับความสุขแห่งความสำเร็จนั้นไปได้อีกหลายชั่วโมงเลยทีเดียว เผลอๆอย่างน้อยก็ได้รู้ว่า…คืนนี้จะมีเรื่องอะไรดีๆไปเล่าอวดโชว์เพื่อนๆ หรือคนรู้ใจ บ้าง
วิ ‘ใจ’ รณญาณ
ความเงียบคือเสียงที่ไพเราะที่สุด นั่งเงียบๆกับตัวเองสัก 10 นาที เพื่อคิดใคร่ครวญถึงสิ่งต่างๆที่เราได้ทำไปในวันนี้ ไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องกิน เรื่องเหล่…ทุกเรื่องเลยก็ว่าได้ เพื่อทบทวนว่าสิ่งไหนที่เราได้ทำลงไปแล้วผิดพลาด หรือไม่ควรบ้าง หรือถูกต้องเหมาะสมบ้าง ทั้งนี้ก็เพื่อเป็น การเรียนรู้ฝึกฝนกับตัวเองที่ไม่มีอาจารย์สอน…แต่มี ‘วิจารณญาณ’ และ ‘จิตใจ’ ของเราเองเป็นคนคอยฝึกฝน
choose Best for the Best!
บ่อยครั้งที่เราค้นพบว่าช่วง 10 นาทีสุดท้ายในการทำงาน เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนจะรุมเร้าและถาโถมเข้าหาเราอย่างไม่ยั้งมือ จึงอดสงสัยไม่ได้ว่า…“มีทั้งวัน ทำไมมันไม่มากันว่ะ!” ขอให้ตั้งสติและนิ่งเข้าไว้ เลือกสิ่งที่สำคัญและดีที่สุดสำหรับนาทีนั้นๆ อาทิ เราอาจต้องเลือกระหว่างเพื่อนเม้าท์-มอยที่พยายามจะแซะเรื่องดาราให้เราฟัง กับ เพื่อนร่วมงานที่มาขอคำปรึกษาสำหรับงานที่ต้องนำเสนอในวันรุ่งขึ้น ระลึกไว้เสมอครับว่า…บุคคลที่นิ่งพอ คือคนที่มี ‘สันติ’ และ ‘เสรี’ อย่างแท้จริง
10 นาทีแห่งการ ‘แบ่งปัน’
10 นาทีสุดท้ายของใครหลายคน อาจไม่งดงามเหมือนของเรา บางคนอาจต้องนั่งเคลียร์งานด่วน งานเก่า งานค้างคา งานหลังคา…อย่างหลังคงไม่ใช่! เขาคงไม่ได้ผละออกจากออฟฟิศได้ง่ายๆเหมือนเราแน่ ในเมื่อว่างและหน้าตาก็ดี ก็ทำตัวเป็นคนดีสักหน่อย ลงไปหาซื้อของกิน หรือขนมของฝาก มาแบ่งปันเพื่อนร่วมงานที่ยังกลับบ้านไม่ได้ น้ำใจเล็กๆน้อย…อาจส่งผลต่อผู้ที่ได้รับอย่างมหาศาล
สร้างเสริมประสบการณ์นิดนิด
ก่อนวันอันแสนยาวนานนี้จะจบลง ไหนๆก็ว่างเตรียมรอกลับบ้านแล้ว ทบทวนตารางของวันพรุ่งนี้เสียหน่อย ไม่ว่าจะเป็นตารางนัดลูกค้า ตารางประชุมของวันต่อไป ทั้งนี้ก็เพื่อการเตรียมตัวที่พร้อม และยังช่วยเสริมความมั่นใจ คลายความตึงเครียดลงได้อีกด้วย คนที่รู้จักเตรียมตัวให้พร้อมเสมอ…คือคนที่แข็งแกร่งที่สุด
Thank You(rs)
ว่ากันว่า, คำ ‘ขอบคุณ’ เป็นคำที่ดีที่สุดในการทำงาน ก่อนจะกลับบ้าน รู้จักกล่าวคำขอบคุณกับเพื่อนร่วมงาน และหัวหน้าของเราเสียหน่อย…ไม่เว้นกระทั่งแม่บ้าน หรือพี่ ‘รักษาความปลอดภัย’ ก็ตามที จะช่วยให้ทุกคนรักใคร่ในความน่ารักของเรามากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นคำพูดที่ช่วยเพิ่มความสุข และคุณภาพทางจิตใจที่ดีแก่เราอีกด้วย ‘ขอบคุณ’ ได้ไม่รู้จบ…เพราะความไม่รู้จบของการขอบคุณ
อำลาอารัก
กล่าวคำร่ำลา…เซย์กู๊ดบาย กับเพื่อนร่วมงาน และหัวหน้าของเราด้วย คนไทยเชื่อเสมอว่า…การไปไม่ลา มาไม่ไหว้ นั้นเป็นการกระทำที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง! “สวัสดีครับ/ค่ะ” คำ 4 พยางค์สั้นๆนี้ ช่วยสมานความจริงใจและความอุนนุนลึกซึ้งระหว่างเรากับคนอื่นๆได้เป็นอย่างดี ทุกครั้งที่พูดจงคิดเสมอว่า…คำพูดดีๆไม่ได้มาจากปากหรือลำคอ หากแต่มาจาก ‘ใจ’ เสมอครับ
เครื่องสำอางที่ไม่ต้องเสียทรัพย์
ก่อนจากกันฉันและเธอในวันนี้…ส่งรอยยิ้มให้กันสักหน่อย ว่ากันว่า, บุคคลที่ประสบความสำเร็จในการทำงาน ก่อนหมดวันเขามักจะทิ้งความประทับใจดีๆไว้ให้คนอื่นเสมอ รอยยิ้มของเรานอกจากจะทำให้หน้าตาดูสดใส ไม่เหี่ยวย่นหลังจากตึงเครียดมาทั้งวันแล้ว ยังช่วยให้คนที่พบเห็นพลันมีความสุขและประทับใจในตัวเราไปด้วย รอยยิ้มคือเครื่องสำอางชั้นดี ไม่ต้องเสียทรัพย์…และมีผลต่อผู้พบเห็นมาก ยิ้มกันเถอะครับ
อย่าลีลาที่จะ ‘รีรอ’
เมื่อทำทั้ง 12 ข้อที่กล่าวมาข้างต้นอย่างสำเร็จลุล่วงแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราต้อง ‘ไป’ จริงๆเสียที อย่ารีรอ คนที่บริหารเวลาได้ดี จะรู้ดีว่าเขาควรทำอะไรต่อไป การก่อกแก่กเตาะแตะอยู่ที่ออฟฟิศ โดยมัวแต่ลีลาไปยอมไปเสียที เดี๋ยวแวะตรงนี้บ้าง หย่อนตรงนี้ที จะทำให้พลังงานของเราถูกจำกัด และใช้ไปอย่างสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ ได้ฤกษ์ดีงามก็รีบกลับเถอะครับ อย่าลืมว่า…ความสนุก กำลังรอเราอยู่นอกออฟฟิศ!
สำหรับ Finday…วันสุข ศุกร์นี้สุขไหน? ไม่ว่าจะทำอะไร จงทำให้ดีที่สุด และง่ายๆเข้าไว้เป็นดีครับ ‘ชีวิตคนเรานั้นเรียบง่าย…แต่มนุษย์เรายืนยันที่จะทำให้มันยุ่งยากเอง’