“การแสดงออกทางรสนิยมที่ดีที่สุด…คือ การไม่แสดงอะไรเลย”
คำพูดสั้นๆจากรุ่นพี่คนหนึ่งทำเอาผมสะดุ้งเฮือกกลืนน้ำลายลงคออึกๆ และพยายามทบทวนกับคำพูดของแกว่าถ้าไม่แสดงออกแล้วมันจะเรียกว่า ‘แสดงออก’ ได้อย่างไรฟ๊ะ? ก้มลงสำรวจตัวเองตั้งแต่รูขุมขนจรดหัวเท้า จากนั้นจึงประมวลเข้ากับสีหน้าท่าทางของพี่ชายคนนั้น ทำให้สามารถปะติดปะต่อได้คร่าวๆว่า…อ้อ! มันคงคล้ายกับประโยคจากภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ว่า “ความงามที่แท้จริง ไม่ต้องการการเรียกร้องความสนใจ” นั่นเอง
ปฏิเสธไม่ได้ว่าสังคมยุคนี้ ผู้คนสามารถพูด เล่า และแสดงออกทางความรู้สึกกันได้มากขึ้น ยิ่งพวกเราทุกคนอยู่ในยุคโซเชียลครองเมืองด้วยแล้ว ยิ่งทำให้การแสดงออกทางรสนิยมเหล่านั้นทำได้ง่ายแสนง่ายขึ้นไปอีก และบ่อยครั้งเราก็จะเห็นว่ามันสามารถส่งผลไม่ดีต่อตัวเราเองได้ด้วยเช่นกัน ทว่า, ผลทางด้านลบเหล่านี้ไม่ได้มีแค่ในโลกโซเชียลอย่างเดียว แต่มันมีอยู่ในที่ทำงานของเราด้วย
และนี่คือ 12 สิ่ง ที่พวกเราไม่ควรเผยในที่ทำงานครับ
เผย…ว่าไม่ชอบงานที่เราทำ
สิ่งที่น่าเบื่อหน่ายที่สุดที่ทุกคนไม่อยากฟังในที่ทำงานนั่นก็คือ…การที่มีใครบางคนพร่ำบ่นว่าเขาเกลียดงานของเขามากแค่ไหน การเผยความรู้สึกเหล่านี้ออกมาจะทำให้เราดูเป็นคนมองโลกในแง่ลบ และดูเป็นคนมีทัศนคติที่ไม่ดี สิ่งเหล่านี้จะทำให้เพื่อนร่วมงานต่างก็พากันออกห่าง และที่แย่เข้าไปอีกอาจทำให้หัวหน้าสุดที่รักของเราประเมินตัวเราในแง่ไม่ดีได้ หากยังคิดและบ่นพร่ำเพรื่อในทัศนคติแบบนี้ต่อไป ปรับเงินดงปรับเงินเดือน หรือเลื่อนข้งเลื่อนขั้นที ก็อย่าหวังว่าจะเป็นเราเลยครับ
เผย… “ชั้นคิดว่าเขา/เธอ_ คนนั้นไร้ความสามารถ”
ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ในทุกสถานที่ทำงานมักจะต้องมีคนที่ขาดความสามารถ หรืออาจขาดคุณสมบัติบางประการเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว หากเราไม่มีความสามารถที่จะช่วยพัฒนาเขา หรือไม่มีอำนาจที่จะไล่เขาออก…เราก็ไม่มีสิทธิที่จะบอกว่าเขา/เธอคนนั้นไร้ความสามารถ
การลั่นวาจาว่าเพื่อนร่วมงานขาดคุณสมบัติ หรือขาดความสามารถนั้น อาจทำให้ตัวเรารู้สึกสบายใจที่ดูเหนือกว่าคนอื่น แต่เชื่อเถอะครับว่าความสบายใจเหล่านั้นคงอยู่ได้ไม่นาน เพราะสุดท้ายแล้วเราจะโดนเพื่อนร่วมงานมองว่าเราเป็นคนที่มีทัศนคติที่ย่ำแย่ หากอะไรมันไม่ได้ดั่งใจ ก็ขอให้ทำใจร่มๆไว้ ไม่อย่างนั้นก็ให้คำแนะนำหรือสอนเพื่อนร่วมงานคนๆนั้นก็ได้ครับ
เผย…เราหาเงินได้มากแค่ไหน
‘อวดไปทำไมให้สึก’ คำพูดของท่านพุทธทาสภิกขุ ยังคงใช้ได้ดีอยู่เสมอ คุณพ่อคุณแม่ของเราอาจมีความสุขที่ได้ยินว่าเดือนต่อเดือนเราสามารถหาเงินได้มากเท่าไหร่ แต่หากพูดในที่ทำงาน…นี่คงเป็นการส่งผลลบต่อตัวเราอย่างใหญ่หลวง ถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะนั่นอาจทำให้เพื่อนร่วมงานของเราหมั่นไส้และมองเราในแง่ลบเอาได้ เชื่อเถอะครับว่าไม่มีใครชอบคนขี้อวดคุยโวหรอกครับ ยิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับเงินเดือนในที่ทำงานด้วยแล้ว ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
คำว่า ‘อวด’ มักใช้ไปในทางไม่ค่อยดีนัก ไม่ว่าจะเป็น อวดรู้, อวดรวย, อวดเก่ง, อวดดี, อวดฉลาด, อวดนั่นอวดนี่ ฯลฯ แม้เรื่องดีๆในชีวิตก็ไม่ต้องอวด เพราะของอะไรก็แล้วแต่…อวดบ่อยๆแล้วมันทำให้สึกครับ
เผย…มุมมองเรื่องการเมือง และความเชื่อทางศาสนา
ว่ากันว่า, รสนิยมและมุมมองส่วนตัวในเรื่องการเมืองและศาสนาเป็นสิ่งที่ก้าวก่ายกันไม่ได้ และที่สำคัญต้องให้ความเคารพซึ่งกันและกัน การแสดงความไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้อาจทำให้เกิดข้อพิพาทระหว่างเรากับเพื่อนร่วมงานเอาได้ บางรายอาจถึงขั้นนึกว่าชวนทะเลาะตบตีกันเลยทีเดียว บางครั้งการรู้จักยอมรับและรับฟังอาจเป็นการกระทำที่ดีที่สุด หัดปล่อยผ่านและปล่อยวางไปบ้าง คิดเสียว่า…เราทุกคนมีสิทธิที่จะเชื่อในสิ่งที่เขาเชื่อมั่นครับ
เผย…ทุกการกระทำบน Facebook
เชื่อได้เลยว่าหัวหน้าของเราคงไม่อยากเห็นรูปเราบนเฟสบุ๊คที่กำลังถือแก้วเหล้าพร้อมบรรยากาศแบบปาร์ตี้สนุกสุดเหวี่ยงชนิดผมเพ้ากระเซอะกระเซิงเป็นอย่างแน่ เพราะนั่นอาจทำให้เราดูไม่เหมาะสมและเกิดความไม่ประทับใจเอาได้
ความไม่เหมาะสมเหล่านี้อาจพานไปถึงเสื้อผ้าที่เราใส่ คนที่เราอยู่ด้วย กิจกรรมที่กำลังทำอยู่ หรือแม้แต่คอมเม้นท์จากเพื่อนของเราเองก็ตาม สิ่งเหล่านี้คือสิ่งเล็กๆที่อาจส่งผลต่อมุมมองของหัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงานที่มีต่อเราได้…ซึ่งมันอาจมีผลต่อการเลื่อนตำแหน่ง หรือปรับเงินเดือนของเรา
อาจดูเป็นเรื่องยากที่เราจะป้องกันตัวเองบนเฟสบุ๊คจากเพื่อนร่วมงาน จำไว้ว่าการโพสก็เหมือนกับการพูด คิดก่อนพูด-คิดก่อนโพส เสมอครับ ใช้ LinkedIn เป็นเครื่องมือในการเชื่อมต่อกับสังคมในการทำงาน และเก็บ Facebook ไว้ใช้กับคนอื่นๆทั่วไปจะดีกว่าครับ เฟสบุ๊คเปรียบเสมือนกับกระจก 2 ด้าน…ที่สะท้อนทั้งด้านดี และด้านไม่ดีของตัวเรา ในคราวเดียวกัน, มันก็สามารถสะท้อนความรู้สึกด้านดี และด้านไม่ดีจากคนอื่นได้เช่นกัน
เผย…การกระทำบน ‘เตียง’
เรื่องบนเตียง ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ส่วนตัวมาก และส่วนตัวจนไม่ควรเอามาเที่ยวเล่าให้ใครต่อใครฟัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสังคมในที่ทำงานของเรา การเผยเรื่องเหล่านี้อาจดูเป็นบทสนทนาที่สนุกสนาน และทำให้เราดูเป็นคนจริงใจ (เหรอ?) แต่ในคราวเดียวกัน, มันอาจทำให้เราดูเป็นคนไม่น่าเคารพ และเราอาจมีกิตติศัพท์ที่ไม่ดีเอาได้ ให้เกียรติและเคารพกับเรื่องส่วนตัวของเราเองเสมอครับ
เผย…การกระทำบนเตียงของ ‘คนอื่น’
แน่นอนว่าการใช้ชีวิตในสังคม เราต้องรู้จักเคารพคนอื่นเสมอ การนำเรื่องส่วนตัวของคนอื่นมาเล่า นอกจากจะทำให้ตัวเราสูญเสียความเชื่อใจแล้ว ยังเป็นการไม่ให้เกียรติคนๆนั้นอย่างที่สุด แน่นอนว่าคนอื่นๆรวมถึงหัวหน้า…จะต้องมองเราในทางที่ไม่ดีเป็นอย่างแน่ ยังคงยืนยันคำเดิมครับว่า…ให้เกียรติและเคารพกับเรื่องส่วนตัวทั้งของคนอื่น และของตัวเองเสมอ
เผย…ถึงการเอาความดีเข้าตัว
การเอาดีเข้าตัว เป็นการกระทำที่ไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหน หรือสังคมไหนๆ ต่างก็ไม่มีใครชื่นชอบกันทั้งนั้นครับ เข้าใจว่าอยากก้าวหน้า อยากประสบความสำเร็จ จึงต้องแสดงความทะเยอทะยานด้วยการบอกหัวหน้าว่าโปรเจคชิ้นนี้ตัวเราเองตั้งใจทำมากแค่ไหน ทั้งที่ความเป็นจริงโปรเจคนี้เราทำกันเป็นทีม สิ่งเหล่านี้นอกจากจะทำให้เพื่อนร่วมงานไม่พอใจแล้ว ยังทำให้หัวหน้ารู้ว่าเราเป็นคนเห็นแก่ตัวมากแค่ไหนอีกด้วย
พนักงานที่ดีต้องการให้ทีมทั้งทีมประสบความสำเร็จ ไม่ใช่ต้องการแค่ตัวเองคนเดียวครับ
เผย…ถึงความห่ามของเราเมื่อสมัยเรียน
อดีตสามารถบ่งบอกอะไรได้หลายอย่างเกี่ยวกับตัวเรา แค่เพราะว่ามันเป็นการกระทำห่ามๆบ้าๆบอๆของเราในสมัยเมื่อ 20 ปีก่อนจะสามารถทำให้คนเชื่อได้ว่าปัจจุบันนี้เราพัฒนาและปรับปรุงตัวเองแล้ว เพราะบางการกระทำก็อาจถูกจัดให้อยู่ในหมวดกิจวัตรปกติประจำวันของเราได้ อาทิ การดื่มหนัก, ลักเล็กขโมยน้อย, เมาแล้วขับ, แกล้งผู้อื่นและสัตว์ ฯลฯ บางครั้งอาจดูเป็นเรื่องสนุกๆสบายๆที่เล่าให้ฟังกันได้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ฟังจะมองว่ามันเป็นที่เรื่องขำๆชิลๆ ดังนั้นเราจึงต้องระวังไว้มากครับ ก่อนที่จะคิดหรือพูดอะไรออกไป
คุณค่าของ ‘ประสบการณ์’ ไม่ได้อยู่ที่สอนให้เรารู้ว่า ‘ควรทำ’ อะไร…แต่อยู่ที่การเตือนสติว่าเรา ‘ไม่ควรทำ’ อะไร
เผย…ความสุขนิยมในของมึนเมา
เราอาจคิดว่าการพูดถึงงานปาร์ตี้ต่างๆที่เราไปร่วมหัวราน้ำมา หรือการสังสรรค์ที่แสนสนุกในแต่ละแมทช์ของเรานั้น อาจไม่มีผลต่อการทำงานของเรา เพราะงานของเราก็เสร็จทันเวลา และออกมาสมบูรณ์แบบแทบทุกครั้ง แต่รู้หรือไม่ว่า, หัวหน้าอาจไม่ได้วัดกันที่ผลงานแต่อย่างเดียว หากแต่วัดกันที่วินัยและความน่าเชื่อถือด้วย
การเล่าหรือพูดให้เพื่อนร่วมงานฟังเกี่ยวกับพฤติกรรมการดื่มหนักและความ ‘เมา’ มันส์ของเรานั้น ไม่ได้ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเราเป็นคนสนุกหรือคนเจ๋งแต่อย่างใด แต่มันทำให้พวกเขารู้สึกว่าเราเป็นคนที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่พอ และติดเที่ยวติดสนุกจนเกินไป หลายคนมีมุมมองด้านลบเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ เพราะฉะนั้นทางที่ดีเราเก็บเกี่ยวและซึมซับความสนุกเหล่านั้นไว้กับตัวเราและเพื่อนๆใกล้ตัวของเราจะดีกว่าครับ
เผย…มุขตลกเสื่อมๆ
มีสิ่งหนึ่งที่เราสามารถเรียนรู้ได้จากดาราเซเลบฯคนดังทั้งหลายนั่นก็คือ…ระมัดระวังในสิ่งที่พูด และคนที่เราพูดด้วย มุขตลกลามกหยาบคาย มุขตลกก้าวร้าว หรือมุขตลกเสื่อมๆ อาจทำให้ผู้อื่นรู้สึกแย่ได้ และยังทำให้เราดูแย่ได้อีกด้วย
มันมีเส้นด้ายบางๆระหว่างคำว่า ‘มุขตลก’ กับ ‘ไม่เหมาะสม’ เสมอ เราไม่มีทางรู้ว่าคนที่เล่าเล่นมุขด้วยนั้น เขาอาจจะเคยมีประสบการณ์ที่เลวร้ายในอดีตเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆหรือเปล่า ดังนั้นเมื่อต้องคิดก่อนพูด คิดก่อนโพสแล้ว…ก็อย่าลืมคิดก่อนเล่นมุขด้วยครับ
เผย…ว่ากำลังหางานใหม่
‘จังหวะ’ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญในชีวิตของเราทุกคน ทั้งด้านการพูดและการกระทำ สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่เราเที่ยวบอกใครต่อใครในที่ทำงานว่ากำลังหางานใหม่นั่นก็คือ…เราจะกลายเป็นบุคคลไร้ประโยชน์ไปโดยปริยาย และยังทำให้คนอื่นๆรู้สึกว่าเราทำให้พวกเขาเสียเวลาอีกด้วย นอกจากนั้นโอกาสที่จะไม่ประสบความสำเร็จในการหางานใหม่ยังมีสูง ทางที่ดีเราควรจะรอให้เราได้งานชัวร์ๆก่อนที่จะเที่ยวไปปาวๆบอกใครต่อใคร มิเช่นนั้น, อาจกลายเป็นคนว่างงานได้นะครับ
อนึ่ง, ไม่จำเป็นที่ชีวิตจะต้อง ‘สวยหรู’…เพราะคนที่สวยหรู ก็อยู่บนถนนที่เราเดินเช่นกัน