จำนวนผู้คนที่อาศัยอยู่ในบ้านเพิ่มขึ้นอีกหลายล้านคนทั่วโลก หลังจากที่การระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 พ่นพิษไกลขึ้น ไม่ใช่แค่ในประเทศจีน, ในไทย หรือภูมิภาคเอเชียอีกต่อไป
ภาพรวมของอุตสาหกรรมและธุรกิจที่ได้รับผลกระทบฉายภาพชัดเจน และดูรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนนำไปสู่การปิดตัวธุรกิจหลายแห่ง รวมไปถึง การ lay off พนักงานตั้งแต่หลักร้อย ไปจนถึงหลายหมื่นคน อย่างล่าสุดสายการบินแควนตัส (Qantas) ของออสเตรเลีย ที่ต้านแรงลบๆ ไม่ไหวจำใจต้องปลดพนักงาน (ชั่วคราว) ไปถึง 20,000 คนจากทั้งหมด 30,000 คนด้วยกัน
ดังนั้น ปรากฏการณ์อย่างหนึ่งที่เราจะเห็นมากขึ้นแน่ๆ ก็คือ ‘stay at home economy’ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการต่อยอดเทรนด์ที่เกิดขึ้นมาแล้ว นั่นก็คือ ‘Lazy Economy’ จากเดิมที่ก่อนหน้านี้ ความ flow ของเศรษฐกิจส่วนใหญ่จะมาจากการที่ผู้คนออกนอกบ้าน, ซื้อของนอกบ้าน ทำกิจกรรมนอกบ้าน หรือเดินทางไปเที่ยวในที่ต่างๆ
ด้วยพฤติกรรมเหล่านี้ที่เริ่มเปลี่ยนแปลงมาสักพักใหญ่ จะย้ำปรากฏการณ์นี้ชัดขึ้นไปอีก จากผลกระทบของไวรัส Covid-19 ที่มีอนุภาพทำลายล้างสูงต่อหลายๆ ธุรกิจ แต่ขณะเดียวกันกลับสร้างอานิสงส์ให้กับ ‘ธุรกิจบันเทิงออนไลน์’ บนแพลตฟอร์มดิจิทัล
ทั้งนี้ ข้อมูลจาก JustWatch ที่ถือว่าเป็น smart guide ที่ช่วยแนะนำสตรีมมิ่งจากทั่วโลกบนแพลตฟอร์มเดียว ระบุถึงรายประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ว่ามีแนวโน้มการเติบโตของ SVOD (Subscription video on demand) อย่างชัดเจน
ประเทศที่ block พรมแดน แนวโน้มเข้าชม streaming สูงลิ่ว
ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าหากอัตราการเข้าชม video streaming จะพุ่งสูงมากๆ ในประเทศที่ใช้มาตรการปิดประเทศ หรือปิดกั้นพรมแดน เพื่อควบคุมสถานการณ์ Covid-19 เนื่องจากประชาชนเกือบทั้งประเทศต้องอยู่บ้าน ทำกิจกรรมที่บ้านเท่านั้น ตามมาตรการของรัฐบาล
อย่าง ‘สเปน และ อิตาลี’ ที่ data ของ JustWatch ชี้ให้เห็นว่า มีแนวโน้มการเข้าใช้สูงขึ้นมาก ในการเปรียบเทียบระหว่างวันที่ 14-15 มี.ค. เทียบกับวันที่ 7-8 มี.ค. โดยสเปน เพิ่มสูงสุดถึง 84.98% ส่วนอิตาลี เพิ่มขึ้นที่ 76.63% ซึ่งเป็น 2 ประเทศที่มีการระบาดรุนแรงที่สุดในตอนนี้ ขณะที่ เยอรมนี เป็นอีกหนึ่งประเทศที่เริ่มประกาศใช้มาตรการปิดบางเมืองที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นรวดเร็ว โดยการเข้าใช้ video streaming ค่อยๆ เพิ่มขึ้นทีละน้อย อยู่ที่ 3.22%
‘ชาติเอเชีย’ ที่กระทบจาก Covid-19 ใช้สตรีมมิ่งมากขึ้น
ขณะเดียวกันประเทศในเอเชียไม่ได้น้อยหน้ากว่ากันเลย โดยข้อมูลจาก JustWatch ที่เปรียบเทียบระหว่างวันที่ 16-17 มี.ค. เทียบกับวันที่ 9-10 มี.ค. พบว่า ‘ฟิลิปปินส์’ ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิวได้ไม่นาน มียอดการเข้าชมวิดีโอสตรีมเพิ่มขึ้นถึง 65.84% สูงที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่ได้รับผลกระทบเหมือนกัน
ตามมาด้วย ‘อินโดนีเซีย’ อยู่ที่ 50.89% คาดว่าเป็นผลมาจากจำนวนประชากรที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น แม้ปัจจัยรองก็มาจากการระบาดของ Covid-19
สำหรับ ‘ไทย’ ที่ ณ ปัจจุบันยังมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รายวัน ขณะที่หลายๆ องค์กรเริ่มใช้มาตรการ Work From Home แล้ว ทำให้ยอดการเข้าชม video streaming เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะด้วยเช่นกัน อยู่ที่ 11.74%
‘สหรัฐฯ’ สมัครบริการ streaming มากกว่า 1 บริการ
แนวโน้มที่ชาวอเมริกาจะสมัครใช้บริการ video streaming มากกว่า 1 บริการ (Service stacking) เริ่มสูงขึ้น นับตั้งแต่ที่มีการระบาดของไวรัส Covid-19 โดยบทความในเว็บไซต์ IT Brief ระบุว่า นอกจากแพลตฟอร์มของ Netflix แล้ว อีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่มาแรงตามมาติดๆ ก็คือ Amazon Prime ในตลาดสหรัฐฯ
ขณะที่ข้อมูลของ JustWatch ระบุว่า ยอดการเข้าชมสตรีมมิ่งของคนอเมริกันเพิ่มขึ้น 16.35% ณ วันที่เก็บข้อมูล 14-15 มี.ค. โดยยอดดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 20% ในวันที่เก็บข้อมูล 16-17 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อว่าหากไวรัสยังยากที่จะควบคุมได้ การเติบโตของธุรกิจสตรีมมิ่ง และธุรกิจออนไลน์อื่นๆ จะยิ่งโตมากขึ้นตาม
ดังนั้น จะว่าไปโอกาสในการเกิดธุรกิจใหม่ๆ ท่ามกลางความโชคร้ายในหลายๆ ที่ก็ยังมีให้เห็นเสมอ เพียงแต่ว่าในยุคแบบนี้มือของใครยาวกว่าและเร็วกว่า ก็น่าจะได้เปรียบมากกว่าผู้เล่นรายอื่นๆ
ที่มา : itbrief, techcrunch, justwatch