เรียนรู้ให้แบรนด์มีส่วนสร้าง ‘Positive World’ อย่างไร ตามแนวคิดธุรกิจฟาสต์แฟชั่น ‘UNIQLO’

  • 85
  •  
  •  
  •  
  •  

 

บางทีเรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องสังคม หรือแม้แต่ภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ที่จริงแล้วไม่ได้เป็นเรื่องไกลตัวด้วยซ้ำไป เพียงแต่ยังมีบางมุมบางธุรกิจบางอุตสาหกรรมที่มุ่งมั่นเกี่ยวกับเรื่องนี้มานานแล้ว และหยิบยกขึ้นมาเป็น priority แรกๆ มากขึ้นในปัจจุบัน หนึ่งในนั้นก็คือ ‘UNIQLO’ ที่ตั้งเป้าตัวเองให้เป็นองค์กรยั่งยืน เป็นแบรนด์ยั่งยืนมานาน

ในระหว่างที่มีการแถลงการณ์ของ คุณทาดะชิ ยาไน (Tadashi Yanai) CEO, Fast Retailing Group บริษัทแม่ของแบรนด์ฟาสต์แฟชั่นอย่าง UNIQLO ได้พูดประโยคหนึ่งที่น่าสนใจว่า “เราจะทิ้งโลกที่เป็นบวก (positive world) ไว้ให้กับลูกหลานรุ่นต่อๆ ไปได้อย่างไร และกิจกรรมทางเศรษฐกิจ กลยุทธ์ นโยบายต่างๆ ของแบรนด์สามารถสร้างให้โลกเราน่าอยู่ขึ้นได้อย่างไรบ้าง”

แง่มุมนี้ทำให้ฉุดคิดขึ้นมาว่า “นั่นสิ! แล้วถ้าเราไม่ช่วยกัน แบรนด์ไม่ปรับตัว ภาคธุรกิจไม่ใส่ใจ แล้วโลกหลังจากนี้มันจะเป็นยังไงกันนะ”

ส่วนเรื่องกลยุทธ์ นโยบายการสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรของ UNIQLO คงไม่ต้องเล่าให้มากความ เพราะถ้าย้อนไทมไลน์ไป 20 ปี ในแต่ละปีเราจะเห็นว่า UNIQLO ออกนโยบายช่วยเหลือไม่เว้นปีเลย ทั้งช่วยเหลือผู้ลี้ภัย, บางประเทที่ประสบปัญหาทางการเมือง จนมาล่าสุดก็สถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19

แต่สิ่งที่สังเกตได้ชัดก็คือ ความต่อเนื่อง’ ของแบรนด์นี้ ซึ่งในระหว่างแถลงวิสัยทัศน์ปี 2021 ของบริษัท Fast Retailing จุดที่เด่นออกมาก็คือ การคิดตลอดเวลา การแชร์ mind-set เรื่องสังคม การปฏิญาณกับแบรนด์ในกระบวนการต่างๆ ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแบบ 100% มีเป้าหมายที่ชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้และในอนาคต

ทั้งยังย้ำเรื่อง ‘Gen Z’ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีอิทธิพลในยุคนี้เพราะเติบโตมากับเทคโนโลยี และค่อนข้าง concern มากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องสิ่งแวดล้อม หรือกระบวนการใดๆ ก็ตามที่กระทบต่อสังคม ดังนั้น สิ่งที่พวกเขาจะทำคือ ‘แชร์ข้อมูลที่รู้ – บอกต่อ – กระจายเสียง’ ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้ทำให้แบรนด์ต้องคิดมากขึ้น เข้าใจธรรมชาติของคน Gen Z มากขึ้นเพื่อปรับตัว

ในข้อมูลของ Fast Retailing ได้เปิดเผยเกี่ยวกับ 5 คำถามสำคัญที่ภาคธุรกิจควรเข้าใจ และใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยสัมภาษณ์ 2 ผู้นำด้านสิ่งแวดล้อมอายุน้อยในญี่ปุ่น (26 ปี กับ 18 ปี) และนี่คือสิ่งที่พวกเขาแนะนำ

  1. แบรนด์ใช้ #แฮชแท็ก 3 ข้ออะไรบ้าง เพื่ออธิบายเกี่ยวกับธุรกิจ, แคมเปญ, โปรโมชั่นการตลาด ฯลฯ
  2. สรุปสั้นๆ เกี่ยวกับความพยายามด้านสิ่งแวดล้อมของแบรนด์นั้นๆ
  3. อะไรคือแรงบันดาลใจหรือสิ่งกระตุ้นที่ทำให้แบรนด์เริ่มต้นที่จะทำ (ด้านสิ่งแวดล้อม)
  4. คุณอยากเห็นโลกเป็นอย่างไรในอีก 50 ปีข้างหน้า
  5. แบรนด์ต้องการอะไรเพื่อก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงในโลกอนาคต

 

www.fastretailing.com

 

คำถามเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นซ้ำๆ ในใจของผู้บริโภค Gen Z หรือคนรุ่นใหม่ๆ มากขึ้นเรื่อยๆ และประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมจะไม่ใช่เรื่องไกลตัวออกไป อย่างที่ UNIQLO ทำไม่ได้แค่การเริ่มต้นจากแบรนด์ แต่รวมทั้ง วัตถุดิบ, กระบวนการผลิต, supply chain, โลจิสติกส์ ฯลฯ อย่างเช่น ปี 2020 ที่ UNIQLO ได้เปิดตัวโปรเจ็กต์ ‘RE.UNIQLO’ เพื่อให้ลูกค้าช่วยกันบริจาคเสื้อผ้าของ UNIQLO ที่ไม่ได้ใช้แล้ว สำหรับการนำไปรีไซเคิลอีกครั้งเป็นเสื้อผ้าตัวใหม่ เช่น เสื้อกันหนาวรุ่น Recycled Down Jacket ที่ทำมาจากการรีไซเคิล 100%

ตัวอย่างจาก UNIQLO อาจเป็นเพียงบางส่วนของแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับประเด็นสิ่งแวดล้อม ซึ่งจริงๆ แล้วมีอีกหลายแบรนด์ที่เริ่มปรับ mind-set ปรับตัวและใส่ใจกับเรื่องนี้มากขึ้น แต่คีย์ของการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดของเทรนด์นี้ ก็คือ ปูทางให้โลกของเรากับภาคธุรกิจไม่สวนทางกัน และทำให้โลกในอนาคตเป็น positive สำหรับรุ่นหลังๆ ต่อไป

 

 

 

ที่มา: fast retailing


  • 85
  •  
  •  
  •  
  •  
prakai
'ชีวิต' ต้องมีสีสันหลากหลาย เหมือนกับความรู้ที่มีหลายมิติ ทั้งไลฟ์สไตล์, การตลาด, ดิจิทัล, ประเพณี-วัฒนธรรม