ถ้าจะไม่พูดถึงการระบาดของไวรัส COVID-19 แล้ว ก็คงจะไม่ได้ เพราะประเทศไทยยังไม่ถือว่าพ้นจากสถานการณ์นี้ ตราบใดที่ทั่วโลกยังคงรุนแรง และเรายังไม่เห็นวัคซีนกับตา และยิ่งต้องพูดเพราะว่าที่ผ่านมามีหลายอุตสาหกรรมที่กระทบอย่างหนักจนต้องปิดตัวลง ชะลอธุรกิจออกไปบ้าง หรือประกาศปลดพนักงานด้วยความจำยอมเพราะไม่มีทางเลือก
มีสถิติที่ผ่านมาว่า ในไทยมีผู้ที่ถูกเลิกจ้างงานสูงถึง 8.4 ล้านคน นี่ยังไม่รวมถึงนักศึกษาปริญญาตรี-โท ที่เตรียมจะเข้าสู่ตลาดแรงงานกว่า 5.2 ล้านคน ว่าจะมีชะตากรรมอย่างไรต่อไป
ในฐานะที่ ‘SEAC’ (Southeast Asia Center) แหล่งเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้คนไม่หยุดที่จะเรียนรู้ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ได้พูดถึง ‘อัตราเร่ง’ ที่สปีดมากกว่าเดิม เพราะไวรัสทำให้เกิดแรงขับเร็วขึ้น ขณะที่เราอยู่ในสถานการณ์ที่ ‘ไม่เคยแน่นอน’ ดังนั้น สิ่งเดียวที่เราเตรียมตัว และติดตัวเราได้ดีที่สุด นั่นก็คือ ‘ความรู้’ ไม่ว่าจะเป็นกรอบความรู้แบบไหน ทั้งแบบ hard skill – soft skill ล้วนจำเป็นอย่างมากต่อก้าวต่อๆ ไปของเราในเส้นทางอาชีพ
Just in Time Learning มาแรง!
ตั้งแต่ที่ SEAC คลุกอยู่กับวงการการเรียนรู้มานาน และได้ปรับโมเดลธุรกิจเล็กน้อย จากเดิมที่พึ่งพาห้องเรียนแบบ face-to-face แบบ 3 ใน 4 คอร์สเรียนก็ขยับขยายมาเป็นแพลตฟอร์มการเรียนรู้แบบออนไลน์ ทั้งแบบ on demand และแบบ virtual class
คุณอริญญา เถลิงศรี กรรมการผู้จัดการ SEAC ได้เล่าให้ฟังว่า SEAC ได้ปรับเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด 3 กลุ่มจากสถานการณ์ COVID-19 ที่ผ่านมา โดยกลุ่มแรกคือ 1.Organizational and People Transformation: ให้คำปรึกษาและโซลูชั่นสำหรับองค์กร และพัฒนากลุ่มคนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 2. Workforce Capability Development: ส่งเสริมให้คน reskill และ upskill ทั้งเรื่องของวิธีคิด (Mindset) และทักษะที่จำเป็น (Skillset) ผ่านโปรแกรม YourNextU ซึ่งเปิดตัวมาแล้ว 1 ปี และ 3. New Generation Capability Development: ขยายขอบเขตการเรียนรู้มากกว่า ‘กลุ่มคนทำงาน’ ขยับไปสู่โรงเรียน, วิทยาลัย และมหาวิทยาลัย
แต่ที่น่าสนใจ คือ การเรียนรู้แบบ ‘Just in Time’ หรือ การเรียนรู้ระยะสั้นๆ เฉพาะสิ่งที่อยากจะรู้ หรือต้องการอัพเดทความรู้ด้านไหนเป็นพิเศษ แล้วพรุ่งนี้สามารถนำไปใช้ได้เลย ไม่ต้องเรียนนาน 1 เดือน 3 เดือน หรือ 1 ปี โดยปัจจุบันมีหลักสูตรแบบคอร์สสั้นลักษณะนี้ ประมาณ 600-700 หลักสูตร (จากทั้งหมดกว่า 1,000 หลักสูตร) ซึ่งการเรียนรู้แบบนี้กำลังมาแรงมากๆ มีเหตุผลไม่กี่อย่างที่กลุ่มคนชอบการเรียนแบบนี้ เพราะว่า
-
ตอบ pain point พวกเขาได้ดี เช่น ครู ที่ต้องปรับ classroom มาสู่ออนไลน์ ไม่รู้ว่าต้องทำสื่อการสอนแบบไหน ใช้วิธีการพูดดึงดูดนักเรียนอย่างไร เป็นต้น
-
พวกเขามองหา ‘second job’ เพราะอาจรู้สึกว่างานที่ทำอยู่ไม่มั่นคง, รายได้ต่อเดือนไม่เพียงพอ หรือกรณีของคนที่ตกงาน พวกเขาต้องการสกิลที่สามารถต่อยอดได้ เลี้ยงชีพได้ เช่น นักการขาย(ออนไลน์) เป็นต้น
-
งานที่ทำมั่นคง แต่วิธีการทำงานเปลี่ยนไป การ take course แบบสั้นๆ ช่วยให้เพิ่มสกิลที่จำเป็นในยุคนี้ได้ รวมไปถึงเข้าใจวิธีการทำงานแบบ practical และ agile เป็นต้น
‘Outward Mindset’ หลักสูตรมาแรง No.1
เราคงได้ยินกันมาตลอดว่า ตลาดแรงงานไม่ได้ต้องการแค่ความรู้เชิงวิชาการว่าเราแม่นยำ หรือเก่งแค่ไหน แค่สำหรับ soft skills เป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นมากพอๆ กัน ซึ่งความเข้าใจแบบ ‘Outward Mindset’ เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา เพราะกว่าที่เราจะทำให้คนกลุ่มหนึ่งมองมาที่เป้าหมายเดียวกันไม่ง่ายเลย
คุณนิภัทรา ตั้งพจน์ทวีผล, Executive Director SEAC ได้พูดว่า แนวคิดแบบเป้าหมายเดียว ต่างคนต่างช่วยกันเพื่อให้บรรลุผลเป้าหมายเหมือนกัน หรือ Outward Mindset พูดได้ว่า เป็นหนึ่งในแนวคิดที่ทำให้ SEAC รอดพ้นจากวิกฤต COVID-19 มาได้ รวมถึงบริษัทชั้นนำอื่นๆ ที่ SEAC ช่วยหาโซลูชั่นให้ เช่น Food Passion, SCB, AP และ Amway รวมถึงบริษัทชั้นนำต่างชาติด้วย เช่น Apple, IBM, Google, Nestle, Nike และ Unilever เป็นต้น
ทั้งนี้ หลักสูตรแบบ Outward Mindset เป็น essential skills หนึ่งที่คนในปัจจุบันสนใจที่จะเรียนรู้ โดยมี 5 Top skills ที่ได้รับความนิยมตลอดกาลในช่วงที่ผ่านมา
1.Outward Mindset
2.Growth Mindset
3.Agility skill
4.Desigh thinking
5.Innovation
มีคำพูดหนึ่งของคุณอริญญา ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว “โมเดลการเรียนรู้ของ SEAC สำหรับ Edtech (Education Technology) ไม่ใช่การเปิดหลักสูตรสอนแล้วคนแห่มาสมัครเรียน แต่สำหรับเราคือ Completion Rate จำนวนของคนที่เรียนจบหลักสูตร ซึ่งสถิติที่ผ่านมาสำหรับ virtual class เรียนจบถึง 80% และ ออนไลน์ 54% นั่นหมายความว่า Topics ของเรา up to date ทันสมัย และนำไปใช้ได้จริง ส่วนวิธีการสอนแบบ interaction ก็ค่อนข้างตอบโจทย์”
เห็นทาง SEAC เปรยๆ ด้วยว่า ปีหน้าน่าจะปล่อยหลักสูตรที่เน้นด้าน essential skills มากขึ้น มีบทบาทมากขึ้น นอกจากนี้ คอนเซ็ปต์ที่เข้าใจง่าย ได้อะไรมากกว่าห้องเรียน ที่ต้อง apply ใช้ได้จริง จะเข้มข้นมากกว่าเดิมไปอีก เห็นทาง SEAC เอาจริงเอาจังขนาดนี้ มองๆ ว่าสถานการณ์แบบนี้ยังไม่มีธุรกิจไหนที่จะอยู่เฉยๆ แน่ ถ้าไม่ขยับก็ไม่มีทางรอด ถ้าขยับช้าก็ต้องตามหลังคนอื่น อยู่ที่เราจะเลือก