‘อุตสาหกรรมโฆษณา’ ในบ้านเราสถานการณ์ยังน่าห่วง โดย ‘เอจีบี นีลเส็น ประเทศไทย’ ได้เปิดเผยมูลค่าเม็ดเงินโฆษณาตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกันยายน 2563 มีมูลค่า 76,591 ล้านบาท ติดลบ 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาในเดือนกันยายนยังคงติดลบ 10% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
หากลงลึกจะพบว่า ใน 3 ไตรมาสของปีนี้ มีเพียง ‘สื่อดิจิทัล’ ที่เติบโตขึ้น 2% คิดเป็นมูลค่าเม็ดเงินโฆษณาที่ 14,554 ล้านบาท ขณะที่สื่ออื่นมีการใช้ลดลง ไม่ว่าจะเป็นสื่อทีวี มูลค่า 51,857 ล้านบาท ลดลง 12% , สื่อ outdoor มูลค่า 7,962 ล้านบาท ลดลง 19% , สื่อในโรงภาพยนตร์ มูลค่า 2,786 ล้านบาท ลดลง 55% , สื่อวิทยุ มูลค่า 2,654 ล้านบาท ลดลง 23% ,สื่อสิ่งพิมพ์ (หนังสือพิมพ์+นิตยสาร) มูลค่า 2,768 ล้านบาท ลดลง 36% และสื่อ In-store มีมูลค่า 456 ล้านบาท ลดลง 43%
สำหรับอุตสาหกรรมหลักใช้เม็ดเงินโฆษณาลดลง 4 อันดับแรก ได้แก่
-กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (Food&Beverage) มูลค่า 12,104 ล้านบาท ลดลง -10%
-กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลและเครื่องสำอาง (Personal Care & Cosmetic) มูลค่า 10,741 ล้านบาท ลดลง -3%
-กลุ่ม Media & Marketing มูลค่า 9,054 ล้านบาท ลดลง -7%
-กลุ่มยานยนต์ (Automotive) มูลค่า 4,591 ล้านบาท ลดลง -34% .
ขณะที่กลุ่มยา (Pharmaceuticals) มูลค่า4,086 ล้านบาท และกลุ่มสินค้าครัวเรือนในบ้าน (Household products) มูลค่า 3,209 ล้านบาท ใช้เม็ดเงินโฆษณาเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว +7% และ +15% ตามลำดับ
ในส่วนของบริษัทที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดของเดือนมกราคมถึงกันยายน 2563 ได้แก่
1.ยูนิลีเวอร์ (ไทย) โฮลดิ้งส์ มูลค่า 3,165 ล้านบาท
2.เนสท์เล่ (ไทย) มูลค่า 1,966 ล้านบาท
3. พีแอนด์จี มูลค่า 1,596 ล้านบาท
4. ทีวีไดเร็ค มูลค่า 1,536 ล้านบาท
5. ไลฟ์สตาร์ (อาร์เอส) มูลค่า 1,440 ล้านบาท
6. โมโน ทราเวล มูลค่า 1,060 ล้านบาท
7. ลอรีอัล มูลค่า 1,013 ล้านบาท
8. แมส มาร์เก็ตติ้ง มูลค่า 1,009 ล้านบาท
9. เอไอเอส มูลค่า 955 ล้านบาท
10. โตโยต้า มูลค่า 862 ล้านบาท