สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 กลายเป็นอัตราเร่งให้หลายๆ วิถีการทำงานเกิดเร็วขึ้นกว่าเดิม รวมไปถึงวิธีการออมเงินที่หลายคนให้ความสนใจมากขึ้น เพราะวิกฤตมันลากยาว และหาคำตอบให้กับจุดสิ้นสุดของไวรัสยังไม่ได้
หนึ่งในวิธีการออมเงินที่ได้รับความสนใจในกลุ่มคนอายุน้อยมากขึ้น ก็คือ #การเล่นหุ้น หลายคนอาจจะมองว่าการเล่นหุ้นต้องใช้เงินจำนวนมากพอสมควรถึงจะได้ผลตอบแทนที่ไม่เสี่ยงเกินไป แต่สำหรับคนที่มีเงินทุนไม่มาก สมมุติว่ามีงบประมาณ 30,000 นิดๆ ก็สามารถเล่นได้แล้ว และอาจจะได้ผลกำไรตอบแทนที่ดีด้วยหากฉลาดเล่น
และนี่คือ วิธีที่นักวิเคราะห์จาก Businesswage ได้แนะนำ นั่นก็คือ การกระจายไข่ในตะกร้าหลายใบ หรือ เทคนิคกระจายเงินลงทุนในหุ้นหลายประเภทที่น่าสนใจ โดยแบ่งเป็น 4 อุตสาหกรรม ที่น่าลงทุนสำหรับมือใหม่ที่อยากลองเสี่ยงเงินก้อนแรก
1.ลงทุน 25% ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี หรืออินเทอร์เน็ต
เชื่อว่าอุตสาหกรรมแห่งอนาคตยังเป็นคำตอบของหลายๆ อย่างสำหรับนักลงทุน เพราะโลกแห่งอนาคตข้างหน้าที่จะถึงนี้ยังคงต้องพึ่งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี นวัตกรรม หรืออินเทอร์เน็ตก็ตาม
เช่น การลงทุนในหุ้นของ Facebook, Google, Amazon ซึ่งเป็น 3 บริษัทที่ผู้เชี่ยวชาญได้พูดถึง และให้ความสนใจ
2.ลงทุน 25% ในธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค
โดยผู้เชี่ยวชาญได้อธิบายไว้ว่า มีหลายอุตสาหกรรมที่เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ เป็นธุกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ และค่อนข้างมีเสถียรภาพดี เช่น บริษัท Coca-Cola, Johnson&Johnson ซึ่งจัดว่าเป็นสินค้าในกลุ่มอุปโภคบริโภค และถือว่ามีดีมานด์ความต้องการที่ stable
3.ลงทุน 25% ในอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ หรือซอฟต์แวร์
โดย Busineswage อธิบายว่า อุตสาหกรรมจำพวกคอมพิวเตอร์ หรือซอฟต์แวร์ ยังเป็นสิ่งจำเป็นต่อการพัฒนาในยุคนี้ ดังนั้น เลือกกระจายความเสี่ยงไปที่ธุรกิจที่มีประสิทธิภาพสูง และมีโอกาสเติบโตที่มั่นคง เช่น บริษัท NVIDIA (เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์) เป็นต้น
4.ลงทุน 25% ในอุตสาหกรรมอาหาร
แน่นอนว่า #อาหาร เป็นสิ่งจำเป็นมากที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิตของทุกคน เพราะยังต้องกินต้องซื้ออยู่ทุกวัน ดังนั้น ไม่ต้องสืบว่าหุ้นในธุรกิจอาหารมีความน่าสนใจอย่างไร โดยนักวิเคราะห์ของ Businesswage ได้พูดถึง หุ้นของ McDonald’s ถือว่าเป็นหนึ่งในหุ้นที่น่าสนใจ หนึ่งในเหตุผลก็คือ McDonald’s เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเครือร้านอาหารจานด่วนที่ใหญ่ที่สุดในโลกเวลานี้

อย่างไรก็ตาม คงต้องย้ำกันอีกครั้งว่า ทุกการลงทุนมีความเสี่ยงทั้งหมด ดังนั้น การศึกษาอย่างละเอียดและการตัดสินใจถูกจังหวะ ยังเป็นปัจจัยหลักประกอบซึ่งสำหรับมือใหม่ที่อยากจะลองเสี่ยงลงทุนในตลาดหุ้น คงต้องใช้เวลาศึกษาและวางแผนงบประมาณลงทุนให้ดีก่อนเสมอ
ที่มา: Business Wage