เวลานี้การตลาดถือว่ามีความสำคัญมากขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์แบบไหนที่ได้ผลก็คงต้องงัดมาใช้กันให้หมด เพราะวิกฤตการแพร่ระบาดของ COVID-19 อยู่กับเรานานเกือบ 2 ปีแล้ว ขณะที่แนวโน้มการเติบโตของการช้อปปิ้งออนไลน์สูงขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่สินค้าอุปโภคบริโภค ไปจนถึงของชิ้นใหญ่อย่างเฟอร์นิเจอร์ หรือสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่แค่สไลด์และจิ้มซื้อได้เลย
ความไว้ใจที่จะซื้อของในออนไลน์สูงขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน แต่ความคาดหวังของผู้บริโภคก็สูงขึ้นตามเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะบริการที่ดึงดูด และ offer ที่น่าสนใจสำหรับพวกเขา
อย่างโซลูชั่นหนึ่งคือ Buy Now Pay Later (BNPL) หรือ ซื้อก่อนค่อยจ่ายทีหลัง แม้ว่าจะไม่ใช่โซลูชั่นใหม่ที่เพิ่งมาในตลาด แต่ความนิยมพูดได้ว่ากำลังมาแรงจริงๆ เพราะแม้แต่ในประเทศที่สถานการณ์ COVID-19 เริ่มดีขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะในโซนตะวันตก, ยุโรป, สแกนดิเนเวีย, ออสเตรเลีย ฯลฯ การช้อปปิ้งออนไลน์กับโซลูชั่น BNPL ยังบูมต่อไปเรื่อยๆ
ข้อมูลของ Business Insider Intelligence ชี้ว่า โซลูชั่นรูปแบบ BNPL เพิ่มความคึกคักให้กับการซื้อขายในโลกออนไลน์ เพราะผู้บริโภคมีตัวเลือกมากขึ้น และผู้ซื้อยังรู้สึกว่า การใช้จ่ายเงินมีความยืดหยุ่นสูง ดังนั้น ดีมานด์ความต้องการซื้อจึงเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบของแบรนด์
รู้หรือไม่ว่า ตั้งแต่ที่มีการแพร่ระบาดเกิดขึ้น โซลูชั่น BNPL ทำให้เม็ดเงินในรูปแบบการซื้อขายนี้มีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อยๆ และประเมินว่ามูลค่าจะแตะระดับที่ 680,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2025
โซลูชั่น BNPL สร้างข้อมูลผู้บริโภคมหาศาล
ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า การที่จะทำการตลาดรูปแบบ BNPL ได้ระบบการชำระเงิน หรือข้อมูลของลูกค้าต้องแข็งแกร่ง เพื่อไม่ให้กระทบต่อธุรกิจในภายหลัง นั่นหมายความว่า กลุ่มผู้ซื้อที่เลือกการชำระเงินรูปแบบนี้ คือ กลุ่มที่ยอมแลกเปลี่ยนข้อมูลทางธุรกรรมและข้อมูลบางอย่างที่เป็นส่วนตัวด้วย
ดังนั้น พูดได้ว่า การซื้อสินค้าแบบช้อปก่อนแล้วค่อยจ่าย เป็นพฤติกรรมของผู้ซื้อที่สามารถสร้างความได้เปรียบในเรื่องข้อมูลต่อแบรนด์หรือธุรกิจ เพียงแต่ธุรกิจนั้นๆ ต้องดีไซน์ระบบให้ใจง่าย ให้ผู้ซื้อรู้สึกได้ว่า “สามารถเชื่อใจได้หากให้ข้อมูลไป เพราะฉันก็อยากซื้อของโดยที่ยังไม่ต้องชำระเงินทันทีอยู่ดี”
สิ่งที่นักการตลาดของบริษัทหนึ่งได้แชร์ผลลัพธ์เกี่ยวกับ โซลูชั่น BNPL ก็คือ นอกจากจะเพิ่มยอดขายได้ ยังมีโอกาสสูงที่ลูกค้าจะยินยอมรับข้อมูลข่าวสารหากธุรกิจหรือแบรนด์นั้นๆ มีสินค้ามาใหม่ และมีโซลูชั่น BNPL ร่วมด้วย
นอกจากประโยชน์ของแบรนด์นั้นๆ แล้วยังเกิดประโยชน์มหาศาลให้กับสถาบันการเงิน หรือผู้ให้บริการทางการเงินที่รองรับโซลูชั่น BNPL ด้วย เพราะนั่นหมายถึงการเพิ่ม market share ให้กับธุรกิจตัวเอง ซึ่งธุรกิจฟินเทคและสถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่เข้าร่วมโซลูชั่นนี้แล้ว เช่น
- Affirm
- Afterpay
- Alliance Data
- American Express
- Chase
- Citi
- Mastercard
- JPMorgan Chase
- Klarna
- PayPal
- Visa
- Zip
อย่างไรก็ตาม แม้ว่านักวิเคราะห์หลายคนจะมองว่า BNPL โซลูชั่นนี้จะน่าสนใจและเป็นเทรนด์ที่ผู้บริโภคกำลังนิยม แต่อย่าลืมศึกษาข้อมูลของแต่ละธนาคาร หรือผู้ให้บริการทางการเงินอื่นๆ ด้วยว่า เงื่อนไขการใช้โซลูชั่นนี้คืออะไรบ้าง อย่างน้อยๆ ที่ผู้บริโภคหลายคนพูดก็คือ ค่าปรับสำหรับคนที่ชำระเงินไม่ตรงเวลาสูงมาก ซึ่งเงื่อนไขเล็กๆ น้อยๆ นี้เราต้องทำการบ้านมาดีๆ ก่อนจะใช้บริการนี้หรือไม่ว่าบริการใดก็ตาม
ที่มา: businessinsider, codeandpepper, scalefast
