การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ Covid-19 ขณะนี้ได้กระจายความรุนแรงไปกว่า 50 ประเทศทั่วโลกแล้ว ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 ยอดสะสมจำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อดังกล่าวเพิ่มขึ้นมากกว่า 85,000 รายทั่วโลก ทั้งยังมีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก กว่า 2,900 ราย
ทั้งนี้ มีนักวิทยาศาสตร์จากหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด สหรัฐอเมริกา, นักระบาดวิทยาจากศูนย์วิจัยการแพทย์ในเยอรมนี รวมไปถึง Nils Gilman นักวิทยาศาสตร์จากสถาบัน Berggruen ที่ทวีตข้อความว่า มีความเป็นไปได้มนุษยชาติอาจติดเชื้อ Covid-19 ถึง 70% และคิดเป็นอัตราการเสียชีวิต 1-3% โดยรวมๆ ทั่วโลกจะมีจำนวนสูงถึง 10-100 ล้านชีวิตด้วยกัน
ขณะที่ Top 5 ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัส Covid-19 มากที่สุด (นอกประเทศจีนแผ่นดินใหญ่) ได้แก่ เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, อิตาลี, อิหร่าน และ ฮ่องกง โดยล่าสุดมีหลายประเทศในกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ ได้ประกาศเตรียมออกมาตรการปิด ‘red zone’ หรือพื้นที่เสี่ยงบ้างแล้ว เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส ที่น่าสนใจก็คือ ไม่ใช่แค่ในประเทศเอเชีย แต่ยังมีหลายๆ ประเทศในยุโรป และตะวันออกกลาง ที่กำลังพิจาณาควบคุมประชาชนในพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่แออัดให้อยู่แต่ในบ้าน และงดทำกิจกรรมนอกบ้านทุกประเภท
แน่นอนว่ามาตรการดังกล่าวจะทำให้หลายๆ ธุรกิจได้รับผลกระทบมากขึ้นเป็นวงกว้าง ทั้งทางตรงและทางอ้อม เริ่มตั้งแต่เดือน ธันวาคม 2562 ที่มีการระบาดของไวรัสที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลเหอเปย์ของจีน ผ่านมาได้ 3 เดือนแล้วและกำลังย่างเข้าสู่เดือนที่ 4 อย่างเป็นทางการ เราลองมาดูว่า วิกฤตการระบาดของโคโรนานี้ก่อ effect ต่อธุรกิจประเภทไหนบ้าง?
ธุรกิจที่มีผลกระทบ ‘ทางตรง–ทางอ้อม’ จากไวรัส Covid-19
นับตั้งแต่เดือนธันวาคม คือ ฤดูกาลแห่งการท่องเที่ยวของทั่วโลก ขณะที่ประชากรจีนที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลก ได้สร้างความปั่นป่วนให้กับ ‘อุตสาหกรรมท่องเที่ยว’ อย่างมาก ซึ่งก็ลุกลามมาถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น สายการบิน, โรงแรม-ที่พัก, ร้านอาหาร, ธุรกิจทัวร์, แพลตฟอร์ม booking ต่างๆ จนไปถึง ห้างสรรพสินค้า, สถานบันเทิง, โรงภาพยนตร์, โรงละคร, คอนเสิร์ต หรืองานอีเวนท์ต่างๆ
ยังไม่พอ! ความหวาดกลัวเหล่านี้เริ่มบีบบังคับให้ผู้คนเดินทางออกจากบ้านกันน้อยลงด้วย บ้างก็บางบริษัทให้ work from home แล้วอย่างในประเทศ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ดังนั้นความเลวร้ายที่จะตามมาก็คือ การคมนาคมขนส่งสาธารณะทั้งหมดที่ได้รับผลกระทบไปด้วย รวมไปถึงธุรกิจบริการเติมน้ำมัน เป็นต้น
นอกจากนี้ มีประเมินเกี่ยวกับผลกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลกอย่าง Apple คาดการณ์ว่า รายได้ในแต่ละไตรมาสของปี 2020 จะได้รับผลกระทบแน่นอน สาเหตุมาจากปริมาณของ iPhones สำหรับจำหน่ายมีจำนวนน้อยลง เนื่องจากชิ้นส่วนและอุปกรณ์หลายประเภทต้องนำเข้าจากจีน
และยังมีบริษัทเทคโนโลยีรายอื่นๆ เช่น Facebook ที่ประกาศยกเลิกงานประชุมยิ่งใหญ่ประจำปี F8 2020 เพรากังวลเกี่ยวกับไวรัสโคโรนา รวมไปถึง Amazon ที่ได้ระบุในจดหมายเวียนภายในบริษัทว่าจะไม่มีการประชุมทีมใหญ่ประจำปีซึ่งต้องเดินทางไปต่างประเทศ จนกว่าจะถึงเดือนเมษายนเพื่อประเมินสถานการณ์อีกครั้ง ซึ่งการยกเลิกการประชุมครั้งใหญ่มีนัยยะสำคัญต่อรายได้ของบริษัททั้งหมด
ธุรกิจอะไรบ้างที่ได้อานิสงส์จาก Civid-19
“ในทุกๆ เรื่องที่มืดมนมักจะมีแสงสว่างเกิดขึ้นเสมอ” คำๆ นี้มันเป็นแบบนั้นจริงๆ แม้แต่ในกรณีของเชื้อไวรัสโคโรนาที่ทั่วโลกกำลังหวาดผวาอยู่นั้น ก็ยังมีธุรกิจหลายประเภททีเดียวที่ได้รับประโยชน์จากความหวาดกลัวของผู้คน
New York Times ชี้ว่า เหล่าธุรกิจสตรีมมิ่งทั้งหลายน่าจะเป็นธุรกิจแรกๆ ที่ได้รับประโยชน์แน่ โดยเฉพาะ Netflix ซึ่งมีฐานลูกค้าอยู่ทั่วโลก โดยช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา (ในช่วงที่เกิดวิกฤต Covid-19) Netflix ได้เปิดเผยว่า เกิดปรากฏการณ์ uptick หรือ การเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ตลอดเวลา เทียบกับที่ผ่านมาจะมีช่วงเวลา peak time ของลูกค้า ซึ่งหมายความว่า ผู้คนเลือกที่จะอยู่บ้านกันมากขึ้น
ที่น่าสนใจคือ สถานการณ์เลวร้ายของ Covid-19 กลับทำให้ราคาหุ้นในตลาดของ Netflix เด้งเพิ่มขึ้น โดย Dan Salmonนักวิเคราะห์ตลาดหุ้น BMO กล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ราคาหุ้น Netflix เพิ่มขึ้น 0.8% และเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เกิดเรื่อง
ขณะเดียวกัน บริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ให้บริการที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตอาจจะได้รับอานิสงส์ร่วมด้วย เพราะผู้คนจะหันมาท่องโลกอินเทอร์เน็ตกันมากขึ้นในระหว่างที่อยู่ในบ้าน เช่น Facebook, Amazon, Peloton และ Slack
‘บริการเดลิเวอรี่’ มาแน่ๆ ในช่วงที่ผู้คนไม่ออกจากบ้าน โดยนักวิเคราะห์ของ JC O’Hara ประเมินในทิศทางเดียวกันเกี่ยวกับธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากไวรัสโคโรนา
-
Video streaming
-
Social media
-
แพลตฟอร์ม Shopping online
-
บริการ Food delivery
-
อาหารสำเร็จรูป เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และ อาหารกระป๋อง
ทั้งนี้ มีนักวิเคราะห์อีกหลายคนที่มุ่งความสนใจไปที่ ‘การสร้างโอกาส’ ของรายงานโทรทัศน์ที่ถูก disrupt มานานจากเหล่า Video streaming โดยเมื่อต้นสัปดาห์ Perry Sook ซีอีโอของ Nexstar Media Group ยักษ์ใหญ่ด้านรายการโทรทัศน์ชื่อดังของอเมริกา ที่ออกมาพูดถึงความน่ากลัวของไวรัสโคโรนาในสหรัฐ และประเทศอื่นทั่วโลกจะสร้างรายได้มหาศาลให้กับธุรกิจรายงานโทรทัศน์ ในฐานะที่เป็นแหล่งบันเทิงหลัก โดยเขาพูดว่า “รายการโทรทัศน์ดีๆ และดึงดูดใจผู้คนจะทำให้ธุรกิจเรา come back แทนที่พวกเขาจะหันไปดู video streaming เท่านั้น”
ขณะที่ Neil Begley นักวิเคราะห์ของ Moody’s Investors Services ที่มองว่า สิ่งบันเทิงภายในบ้านทุกประเภทจะได้ประโยชน์ทั้งหมด และดูท่าทีแล้วการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 น่าจะยังไม่สามารถควบคุมได้เร็วๆ นี้ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นรายการโทรทัศน์ที่เป็นสื่อหลัก หรือ Netflix, Disney Plus, Peacock, AT&T’s HBO Max และอื่นๆ ควรเตรียมพร้อมสำหรับ contents เพราะสมรภูมิการแข่งขันจะเดือดมากขึ้นกว่านี้
ที่มา : variety, nytimes, cnbc, cnbc