เราทุกคนล้วนเคยได้ยินว่า โลกเรากำลังจะก้าวเข้าสู่ 5G เร็วๆ นี้ และก็มีบางคนที่พูดว่า ในยุคความเร็ว 5G ไลฟ์สไตล์ชีวิตและการเป็นอยู่ของเราจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ข้อมูลต่างๆ ทั้งหมดนี้เราจะมาอธิบายง่ายๆ ย่อยข้อมูลให้เข้าใจง่ายขึ้นว่า จริงๆ แล้วพฤติกรรมของเรา ณ ตอนนี้สรุปว่าอยู่ในยุคกี่ G และในยุค 5G พฤติกรรมเราจะเป็นอย่างไรบ้าง
‘ไทย’ เปิดตัว 5G ตั้งแต่ไตรมาส 1/2020
หลายคนอาจจะยังเข้าใจว่าประเทศไทยยังอยู่ในยุคของ 4G แต่จริงๆ แล้วเราเข้าสู่ยุค 5G อย่างเป็นทางการตั้งแต่ ไตรมาส 1 ของปีนี้ และก็เป็นชาติแรกในเอเชียะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ตามมาด้วย สิงคโปร์ เวียดนาม และ มาเลเซีย ขณะที่ในปัจจุบันมีทั้งหมด 33 ประเทศทั่วโลกที่เปิดตัวระบบ 5G อย่างเป็นทางการ
ถามว่าแล้ว 5G คืออะไร เพราะไม่ใช่แค่เรื่องของความเร็วที่เร็วกว่า 4G เท่านั้น แต่ในเรื่องของ IoT (Internet of things) ก็จะเป็นความจริงมากขึ้น ซึ่งมีหลายๆ อย่างที่เราเห็นมาจากภาพยนตร์ สิ่งเหล่านั้นล้วนเกี่ยวข้องกับระบบ 5G ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ไร้คนขับ, การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ, หุ่นยนต์ ซึ่งก็คือ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน และในภาคธุรกิจเกือบทุกมิติ
3 จุดแตกต่างระหว่าง 4G และ 5G
-
Speed สำหรับ 4G ความเร็วจะน้อยกว่า 1Gbps – 5G ความเร็วสูงถึง 20 Gbps
-
Latency (ความหน่วง) สำหรับ 4G ความหน่วงของการส่งข้อมูลในระดับไม่เกิน 10 มิลลิวินาที (10 ms) – 5G ความหน่วงอยู่ที่ 1 ms เท่านั้น หมายความว่า เวลาที่เราส่งข้อมูลต่างๆ ค่อนข้างใกล้เคียงกับเวลาจริง หรือที่เรียกว่า real-time มากขึ้น
-
Connection มีส่วนทำให้เกิด smart things ขึ้นเพราะระบบจะสามารถเชื่อมต่อกับ IoT ได้ ในระยะ 1 mn/sq.km
ยุค 5G โลกแห่งความเชื่อมโยง ‘H2M และ M2M’
ชีวิตประจำวันของเราในเวลานี้ คนส่วนใหญ่อาจจะยังคุ้นชินกับการใช้ 4G เพื่ออำนวยความสะดวก และเพื่อเป็นการ connect ระหว่าง ‘มนุษย์–มนุษย์’ (Human to Human : H2H) ซึ่งพูดได้ว่า 4G มีส่วนทำให้พฤติกรรมมนุษย์เปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก โดยจะค่อยๆ เพิ่มระดับความสะดวกสบายขึ้น ตั้งแต่ 1G > 2G > 3G และ 4G
ในขณะที่ 5G นั้นแตกต่างจาก 4G โดยแบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่
-
มนุษย์ – เครื่องจักร (Human to Machine: H2M)
-
เครื่องจักร – เครื่องจักร (Machine to Machine: M2M)
ดังนั้น พูดง่ายๆ ก็คือ 4G เข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมมนุษย์ แต่ 5G จะเปลี่ยนแปลงสังคม เพราะเทคโนโลยี 5G จะก่อให้เกิดนวัตกรรมต่างๆ อีกมากมาย โดยจากนี้ไปสิ่งที่จะเชื่อมต่อกับสัญญาณอินเทอร์เน็ต จะไม่ใช่แค่โทรศัพท์มือถืออย่างเดียว แต่ทุกสิ่งจะเป็น IoT ไม่ว่าจะเป็นหลอดไฟ เครื่องซักผ้า ทีวี ตู้เย็น สิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเรา จะเชื่อมต่อกันได้ทั้งหมด และเราก็สามารถควบคุมทุกอย่างได้เช่นกัน
อุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ 5G เข้ามาเปลี่ยนแปลง
ด้วยความเรียลไทม์ของการรับส่งข้อมูล และคุณสมบัติอื่นๆ ของเทคโนโลยี 5G จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อหลายๆ อุตสาหกรรม ยกระดับให้เป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ทั้งนี้ อุตสาหกรรมที่คาดว่าจะได้ประโยชน์อย่างมากจาก 5G ได้แก่
- ภาคเกษตรกรรม
- ธุรกิจค้าปลีก
- ด้านสุขภาพ
- การศึกษา
- โลจิสติกต์
- ระบบความปลอดภัย
- ภาคอุตสาหกรรม
- การเงินและการธนาคาร
- พลังงาน
- อุตสาหกรรมยานยนต์
ทั้งนี้ ยกตัวอย่างสิ่งที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในภาคอุตสาหกรรมจากเทคโนโลยี 4G เป็นในยุค 5G อย่างเช่น ทางการแพทย์ เช่น ผ่าตัดทางไกล หรือในเขตชนบทที่เครื่องมือทางการแพทย์ไม่พร้อม ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์สามารถช่วยเหลือ หรือให้คำปรึกษาระหว่างโรงพยาบาลได้ในระหว่างการผ่าตัด
‘เกษตรกรรม’ ที่เริ่มมีการนำเทคโนโลยีโดรนช่วยในการคำนวนความเหมาะสมของน้ำ, ปุ๋ย หรือระยะเวลาในการเก็บเกี่ยว รวมไปถึงการกำจัดวัชพืชด้วย นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยี high solution camera, IoT solution และ Data – AI ในการวิเคราะห์ และสังเคาระห์ผลการเพาะปลูก เป็นต้น
สำหรับ เทคโนโลยี 5G ‘ภาคการศึกษา’ เริ่มเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการเรียนการสอนให้ทันสมัยขึ้น ด้วยเทคโนโลยีแว่นVirtual Reality (แว่น VR) ซึ่งเป็น Gadget ใหม่ที่ผู้สอนสามารถเพิ่มความเข้าใจของนักเรียนได้ด้วยภาพ-วิดีโอเสมือนจริง รวมไปถึงการใช้ 5G สำหรับ Live streaming ในช่วงที่มีการระบาดของเชื้อไวรัส ด้วยคุณภาพความชัดขั้นสูง
และ 5G สำหรับ Smart city ที่ช่วยได้ตั้งแต่การออกแบบผังเมืองแบบ 3D, CCTV คุณภาพขั้นสูง, IoT และ เทคโนโลยี AI ช่วยในการประมวลผลสภาพการจรจร รวมไปถึงความขรุขระของท้องถนนในแต่ละจุด ที่จะสามารถตรวจพบได้เร็วขึ้น เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาหรือ apply เทคโนโลยี 5G กับอุตสาหกรรมต่างๆ แม้ว่าจะก่อประโยชน์อย่างมหาศาล แต่บางทีอาจจะไม่เหมาะกับทุกอุตสาหกรรม เมื่อวัดจากความเข้าใจ และดีมานด์ของผู้บริโภค อย่างเช่น รถยนต์ไร้คนขับ ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นความล้ำสมัยที่ต้องร้องว๊าว แต่เมื่อถามดีมานด์ความต้องการใช้จริงๆ อาจจะไม่เหมาะกับทุกกลุ่ม หรือใครก็ได้ ดังนั้น target ของแต่ละกลุ่มกับแต่ละอุตสาหกรรมจึงต้องสอดรับกัน และกำหนดให้ชัดเจน
ที่มา : TRUE