หยุดอวยตัวเอง! เรียนรู้วิธีเป็นคน ‘ฉลาด’ (โดย)ไม่ต้องพูด ด้วยทริคง่ายๆ 12 เรื่องเล็กๆ น้อยๆ

  • 2.1K
  •  
  •  
  •  
  •  

 

เวลาที่เรานั่งอยู่คนเดียวในมุมเงียบๆ ท่ามกลางผู้คนรอบตัว ไม่ว่าจะในงานประชุม สัมมนาประจำปี ปาร์ตี้ หรือกิจกรรมอะไรก็ตาม เคยคิดเล่นๆ หรือสังเกตคนอื่นกันบ้างมั้ยว่า มีพฤติกรรม ท่าทาง วิธีการพูดคุยกันในสังคมเป็นแบบไหน เบื้องหลังช่วงเวลาการพูดคุยสนุกสนานอยู่นั้นมีอะไรซ่อนอยู่หรือไม่ ลึกๆ แล้วผู้คนที่หันหน้าเข้าหากันเขาคิดอะไรอยู่ และจริงๆ แล้วในมุมกลับกันจะมีคนที่กำลังสำรวจพฤติกรรมของเราอยู่บ้างหรือไม่

สิ่งเหล่านี้มันก็ชวนให้น่าคิดอยู่เหมือนกัน เพราะแต่ละวันเราต่างก็เจอคนมากมายรายล้อม ลองให้ทุกคนจิตนาการดูว่า ถ้าเราอยู่บนดาดฟ้าของโรงแรมในงานประชุมประจำปีครั้งใหญ่ และเรามีกล่องขนมปังจำนวนหนึ่งที่อยากจะแบ่งปันให้คนอื่นในเวลานั้น เราจะแบ่งปันขนมปังในกล่องนั้นอย่างไร?

สิ่งที่นักเขียน ‘Nicolas Cole’ แนะนำก็คือ เราเปิดฝากล่องขนมปังกล่องนั้น ให้เป็น ready to eat แล้ววางไว้บนโต๊ะ หรือที่ที่ทุกคนหรือใครๆ ก็หยิบทานได้

“นี่แหละคือ วิถีของคนฉลาดทั้งความคิดและทางอารมณ์ และเป็นคนที่ใครๆ ก็อยากทำงานด้วย”

ถ้าให้คิดในมุมความมีน้ำใจก็ใช่ หรือจะให้คิดเป็นทางวิทยาศาสตร์การใช้ศาสตร์จิตวิทยาก็ถูก โดยรวมพูดง่ายๆ ก็คือ บางสถานการณ์เฉพาะหน้าก็สะท้อนความคิด และความฉลาดทางอารมณ์ของเราได้เหมือนกัน แม้แต่การบ่งบอกถึงความเป็นเรา ว่าเรามี characters อย่างไรบ้าง

ทีนี้ Nicolas Cole มีทริคง่ายๆ 12 เรื่องที่อยากจะมาแชร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำได้ และเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่จะทำให้เราดูเป็นคนที่ฉลาดขึ้นมาทันที โดยที่ไม่ต้องเอ่ยปาก หรือโอ้อวดตัวเองด้วยซ้ำไป จะมีอะไรบ้างเราสรุปให้อ่านกันตรงนี้

 

ตรงต่อเวลา (Showing up on time)

‘การตรงต่อเวลา’ เป็นสิ่งที่บ่งชี้และดูออกง่ายที่สุดว่า คนๆ นั้นเป็นคนฉลาด เพราะการมาสายเท่ากับการไม่เคารพเวลาของคนอื่น การที่ไม่ให้ความสำคัญต่อสถานการณ์ หรือเหตุการณ์ในวันนั้นๆ ทั้งที่อาจจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเล็กก็ได้ ให้ตีความหมายว่า คนๆ นั้นยังไม่มีคุณสมบัติเบื้องต้น เพราะส่วนใหญ่คนที่ใฝ่รู้มักจะมาพร้อมกับความตรงต่อเวลา และเห็นค่าของเวลาเสมอ

 

แต่งตัวให้เหมาะสม (Dressing appropriately)

เรื่องการแต่งตัวดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องธรรมดา และเล็กน้อยมากๆ ที่จะมานั่งใส่ใจ แต่รู้หรือไม่ว่า การแต่งตัวอย่างเหมาะสมมันสะท้อนอะไรหลายๆ อย่างจากมุมมองของคนอื่น

บางคนอาจพูดว่า “แต่งตัวให้ดูเยอะไว้ก่อน (overdressed) เดี๋ยวจะดีเอง” แต่ประโยคนี้สำหรับ Nicolas Cole และยังมีนักจิตวิทยาอีกหลายคนที่ ‘ไม่เห็นด้วย’

เพราะอะไร? ก็เพราะว่า การแต่งตัวให้ดูเยอะไว้ก่อนก็ไม่ต่างอะไรกับการแต่งตัวไม่เหมาะสม หรือไม่ถูกกาลเทศะนั่นเอง ดังนั้น smart looks จึงจำเป็นต้องประเมินสถานการณ์ที่เราจะไปด้วยว่าเป็นอย่างไร อย่างน้อยๆ ต้องให้เกียรติคนเข้าร่วมงานด้วย นั่นแหละคือ ความฉลาดอย่างหนึ่ง

 

จดจำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ได้ (Remembering the little things)

“เคล็ดลับความสุขที่แท้จริงอยู่ที่การจดจำรายละเอียดทั้งหมดของชีวิตในแต่ละวัน” William Morris ดีไซน์เนอร์ชาวอังกฤษชื่อดัง เคยพูดเอาไว้

หมายความว่า ถ้าเราจำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของคนอื่นได้ ที่จริงนี่ก็คือความสมาร์ทอีกอย่างหนึ่ง สำคัญมากๆ คือ ยิ่งถ้าเราจำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของคนที่เรารู้สึกว่าอยากจะให้เขาชอบเรา หรือรู้สึกดีกับเราตลอดไป นี่คือ เคล็ดลับที่ต้องทำ!

บางสิ่งง่ายๆ เช่น เวลาเราไปปาร์ตี้เจอคนเยอะๆ แต่มีคนนึงที่เราอยากจะ make friend ด้วยมากๆ (เพราะอาจจะเจอกันหลายครั้งแล้ว) สิ่งที่ควรทำก็คือ ทักทาย แล้วอาจจะพูดกับเขาว่า “ฉันจำได้ว่าเธอชอบกาแฟดำ ไม่ครีม ไม่น้ำตาล และฉันจำที่เธอบอกได้ว่า เธอก็ไม่ชอบดื่มนม” ทริคเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้สามารถทำให้เราเปลี่ยนใจใครคนนั้นให้อยากเป็นเพื่อนกับเราได้เลย

เพราะนั่นคือการแสดงถึง ‘ความใส่ใจ’ และมันดู so smart อีกด้วย

 

 

เปิดประตูให้ผู้อื่น (Holding the door open)

บางทีเวลาเราพูดถึง smart หรือ intelligent มันก็ไม่ได้หมายถึง ‘สติปัญญาระดับสมอง’ เท่านั้น แต่บางทีมันคือ พฤติกรรมรวมๆ ทางสังคมด้วย ดังนั้น นิสัยโดยธรรมชาติ (ไม่เฟค) เกี่ยวกับ ‘การเปิดประตูให้คนอื่น’ ที่จริงก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งเล็กๆ ที่คนส่วนใหญ่มองชื่นชมระดับสติปัญญาทางอารมณ์ด้วยเช่นกัน

อย่างที่ Nicolas Cole ได้พูดถึงวัยเด็กของเขา วิธีการสอนลูกๆ ของแม่ของเขา คือ ทุกๆ ครั้งที่แม่ของเขาเดินถึงประตูก่อน เธอจะยืนรอและให้ Nicolas Cole เปิดประตูให้เสมอ นี่คือ สิ่งเล็กน้อยของพฤติกรรมมนุษย์ที่แสดงถึงความใส่ใจ และเต็มใจที่จะทำให้ผู้อื่น

 

ศิลปะบนผนังบอกตัวตน (The art on your walls)

“ศิลปะสามารถบอกตัวตนของคุณได้” คำพูดนี่มันแบบ so true มากๆ คุณต้องลองสังเกตเวลาที่เดินเข้าไปบ้านของคนอื่น ห้องนอน, ห้องนั่งเล่น หรือแม้แต่สำนักงาน คุณจะเห็นดีไซน์การตกแต่งผนังด้วยรูปแบบต่างๆ ซึ่งบ้าน/ห้องของคนๆ นึงที่เต็มไป arts ก็บ่งบอกได้ว่า “คนๆ นี้ต้องน่าหลงใหลแน่ๆ และมีเอกลักษณ์บางอย่างที่โดดเด่นจากคนอื่น เป็นต้น”

เอาจริงๆ บางทีคนที่ smart คล้ายๆ กัน พวกเขาไม่ต้องถามตรงๆ เลยก็ได้ว่า เธอ/เขา เป็นคนแบบไหน ขณะเดียวกัน เจ้าของห้อง/บ้าน ก็ไม่จำเป็นต้องพูดโอ้อวดว่าพวกเขาเป็นคนแบบไหน ฉลาดแค่ไหน หรือ unique แค่ไหนเช่นกัน เพราะการตกแต่งบ้าน หรือนอนต่างๆ เป็นการสังเกตตัวตนคนนั้นๆ ในวิธีที่ฉลาดกว่า

 

การเลือกรองเท้า (Your shoes)

‘สไตล์รองเท้า’ เป็นอีกหนึ่งอย่าที่บ่งบอกความฉลาดได้ โดยที่ไม่ต้องพูด ข้อนี้ไม่ได้เกี่ยวว่าต้องเป็นแฟชั่น หรือราคาแพง แต่เป็นสไตล์การเลือกแต่ง ความตั้งใจที่ให้ออกมาเป็นแบบนั้นๆ มากกว่า เช่น คนบางคนอาจจะสวมเสื้อยีนส์เก่าๆ กางเกงยีนส์เก่าๆ แต่รองเท้าหนังดีๆ สักคู่แมตช์กันไป เป็นต้น

“ลักษณะรองเท้า คู่กับชุดของคุณบอกอะไรที่เป็นตัวตนของคุณมากกว่าที่คิด”

 

จดบันทึกช่วยความจำ (When you take notes)

คนบางคนเลือกที่จะแสดงความฉลาด และอยากจะสร้างความประทับใจด้วยการ ‘ไม่จดออเดอร์’ ในขณะที่ลูกค้าสั่งอาหาร หรือหัวหน้าต้องการอะไรบางอย่าง เป็นต้น

ที่จริงถ้าคุณจดจำได้แม่นโดยที่ไม่เป็นปัญหาทีหลังก็ถือว่า ประสิทธิภาพความจำของคุณนั้นเป็นเลิศ แต่ถ้าเราจะเลือกวิธีการ take note เพื่อป้องกันความผิดพลาด ลดความเสี่ยงในการหลงลืมระหว่างทาง วิธีนี้เป็นวิธีที่ฉลาดมากกว่า อีกอย่างยังทำให้เราดูเป็นคนเอาใจใส่ และอยากทำให้มันถูกต้องจริงๆ (เป็นคนรอบคอบ)

ดังนั้น คำที่ว่า “อยากลองก็ต้องเสี่ยง” บางทีมันก็ไม่คุ้มค่ากับความหงุดหงิดจากลูกค้า, ความน่าโมโหจากบอส หรือความผิดพลาดที่เราลืมข้อมูลเกี่ยวกับพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ ซึ่งมันไม่คุ้มกับผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นหรอก

 

ความระเบียบบนหน้าเดสก์ท็อป (The state of your desktop)

ที่จริงก็เป็นเรื่องน่าเสี่ยงอยู่เหมือนกันที่เราจะให้คนอื่นเห็นหน้า desktop ของเรา ทั้งๆ ที่ไม่เป็นระเบียบเอาซะเลย

รู้หรือไม่ว่าการที่ไฟล์งาน ไฟล์รูปของเรา กระจัดกระจายไปทั่วทั้งหน้า desktop โดยที่เราไม่ได้แยกหมวดหมู่ ทำให้เป็น section แยกอย่างชัดเจน ทำให้เราเป็นคนที่ดูไม่ฉลาดเท่าไหร่ แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง แต่ทางจิตวิทยาสิ่งนี้หมายถึง ความไม่เป็นระเบียบในระดับเซลล์สมอง การไม่จัดแจง หรือ manage ข้อมูลเป็นสัดส่วนชัดเจน จึงทำให้การจดจำ การแบ่งแยก และการพัฒนาความรู้ตามระดับสมองไม่เต็มประสิทธิภาพ

 

ความฉลาดในการใช้จ่าย (Spending money wisely)

จริงอยู่ที่ว่า เงินของเรา เราจะทำอะไรก็ได้ ทำไมต้องแคร์ แต่รู้หรือไม่ว่า วิธีการใช้จ่ายเงินไม่ว่าจะใช้จ่ายไปกับอะไร, ที่ไหน, เมื่อไหร่, กับใคร ข้อมูลทั้งหมดนี้มีส่วนทำให้คนส่วนใหญ่วิเคราะห์ถึงตัวตนของเราว่าเป็นคนแบบไหนได้

โดยเฉพาะความถี่ในการใช้จ่าย และเราจะเสียเงินไปกับอะไรบ้าง เป็นข้อที่สำคัญมากที่จะระบุว่า ความสามารถในการ manage และแยกความจำเป็น กับไม่จำเป็นของเราได้หรือไม่ เป็นต้น

 

ลงทุนไปกับเวลาของตัวเองอย่างไร (How you invest your time)

กิจกรรม หรือ hobbies ของเราบ่งบอกตัวตนได้อย่างหนึ่งว่าเราเป็นคนแบบไหน ที่จริงก็น่าจะเป็นสิ่งแรกๆ ที่คนทั่วไปสังเกต ถ้าเขาอยากจะรู้จักเรามากขึ้น เช่น เวลาว่างเราชอบอ่านหนังสือ, ดูหนัง, ปาร์ตี้, เล่มเกมส์ เป็นต้น

ทั้งนี้ กิจกรรมเหล่านั้นทำให้พวกเขารู้ว่า แต่ละกิจกรรมโปรดของคุณนั้นมีประโยชน์ หรือช่วย improve บางอย่างให้กับตัวเองได้หรือไม่ และมันเป็นกิจกรรมที่ฉลาดแค่ไหนถ้าเราต้องการจะพัฒนาตัวเอง หรือว่าจริงๆ แล้ว กิจกรรมยามว่างของคนนั้นอาจจะ waste time ไปวันๆ นั่นเอง

ดังนั้น สิ่งที่เราลงทุนไปกับตัวเองนอกจากที่พวกเขาอยากจะรู้ว่า เกิดประโยชน์มั้ย? ยังทำให้พวกเขามองด้วยว่า คุณรักและดูแลตัวเองดีขนาดไหน (สะท้อนเรื่องความฉลาดทางอารมณ์ได้ 100%)

 

การเลือกอาหารที่ทานเข้าไป (The foods you eat)

หลายคนน่าจะเคยได้ยินคำว่า “You are what you eat.” (กินอะไรเข้าไปคุณก็ได้แบบนั้นแหละ)

เชื่อมั้ยว่า การที่เราเห็นคนอื่นดูแลตัวเองดีๆ ทั้งการออกกำลังกาย การเลือกทานของที่มีประโยชน์ เป็นเครื่องบ่งชี้ได้อย่างหนึ่งเกี่ยวกับ ‘ความฉลาดเลือก’ (สิ่งที่ดีให้กับตัวเอง)

Nicolas Cole ได้พูดเปรียบเทียบเกี่ยวกับร่างกายคนเราว่าเป็นเหมือน ‘บ้าน หรือ วิหาร’ เราต้องการออกแบบให้เป็นแบบไหนก็ต้องนำสิ่งนั้นเข้าบ้าน พูดง่ายๆ คือ ถ้าอยากได้บ้านสีขาวก็ต้องซื้อสีขาว, ถ้าอยากสร้างบันไดก็ต้องมีเครื่องมือเตรียมสร้างบันได ฯลฯ

ดังนั้น ถ้าคุณพึงพอใจกับสุขภาพระยะยาว ก็ต้องฉลาดเลือกสิ่งที่จะทำให้ร่างกายของคุณอยู่ได้ระยะยาวบนโลกใบนี้ได้เช่นกัน

 

สังคมเพื่อนที่คบ (Our circle of friends)

เพื่อนที่ใกล้ชิดเรามีความสำคัญมาก ถ้าเราอยากรู้ว่าจริงๆ แล้วเราเป็นคนแบบไหน ให้สังเกตเพื่อนที่เราชอบอยู่ด้วย ใช้เวลาด้วยมากที่สุด 5 คน และเราจะเห็นนิสัย(ส่วนใหญ่) ของเราจากเพื่อนทั้ง 5 คนนี้

และนี่ก็คือ สิ่งที่คนข้างนอกสังเกตเข้ามาเช่นกัน โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องพูดด้วยซ้ำว่าเป็นคนแบบไหน หรือฉลาดคบเพื่อนแบบไหน

สรุปง่ายๆ ก็คือ ถ้าเราอยากเจอคนที่ใช่ ก็พาตัวเองไปหาคนที่ใช่, ถ้าเราอยากปรับปรุงนิสัยตัวเอง ก็พาตัวเองไปหาคนที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาตัวเอง และภาพสะท้อนเหล่านี้จะออกมาเอง โดยที่เราไม่ต้องลงแรงไปพูด หรืออธิบายให้คนอื่นพยายามเข้าใจตัวตนที่แท้จริงเลย

 

 

 

 

ที่มา: medium


  • 2.1K
  •  
  •  
  •  
  •  
prakai
'ชีวิต' ต้องมีสีสันหลากหลาย เหมือนกับความรู้ที่มีหลายมิติ ทั้งไลฟ์สไตล์, การตลาด, ดิจิทัล, ประเพณี-วัฒนธรรม