Facebook Business X Marketing Oops!
บทสรุป
- 3 ใน 4 ของคนใช้โทรศัพท์มือถือจะมีการจัดระเบียบแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน เพื่อให้เข้าถึงการใช้งานแอพฯได้อย่างรวดเร็ว
- ผู้ใช้ Facebook ในไทย ในตอนนี้มีอยู่ 55 ล้านสมาชิกที่เข้า Facebook เป็นประจำทุกเดือน โดยมี 54 ล้านสมาชิกที่ใช้ Facebook ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ และมีถึง 39 ล้านสมาชิกที่เข้า Facebook เป็นประจำทุกวัน
- โดยเฉลี่ยแล้ว พวกเราใช้เวลากับคอนเทนท์แต่ละฟีด เพียง 1.7 วินาทีเท่านั้น ซึ่งก็หมายความว่า นักการตลาดจะมีเวลาเพียง 1.7 วินาทีในการดึงความสนใจของผู้ใช้โซเชียลในแต่ละราย!!!
- One size doesn’t fit all เราจะใช้ครีเอทีฟคอนเทนท์แบบไหนก็ได้ แต่เราจะใช้ขนาดเดียวกับทุกโซเชียลไม่ได้!
- การเสพคอนเทนท์บนมือถือนั้น ไม่เหมือนกันเสพคอนเทนท์บนทีวี และกราฟฟิกหรือวิดีโอขนาดเดียว ไม่สามารถตอบโจทย์ได้ทุกแพลตฟอร์ม
- หน้าจอบนมือถือนั้นเล็ก แต่มันก็ไม่ได้เล็กอย่างที่คิด
- สรุป ประสบการณ์ “แนวตั้ง” และ “ครีเอทีฟ” ที่แตกต่าง แบรนด์ใช้ลูกเล่นอะไรได้บ้าง
การตลาดในยุคที่มือถือมีบทบาทสำคัญกับผู้ใช้โซเชียลกว่า 55 ล้านคนของคนไทย และการผลิตงานโฆษณาที่ต้องท้าทายกับการนำเสนอ และคอนเทนท์มากมายบนโซเชียล และวันนี้เรากำลังอยู่ในยุคที่ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว และกฏของการทำให้ชิ้นงานโฆษณาประสบความสำเร็จ มีเพียงสิ่งเดียวในเวลานี้ ที่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค หรือคนใช้โซเชียลได้ นั่นก็คือ
- ความเข้าใจในพฤติกรรมของผู้ใช้โซเชียล หรือผู้บริโภคว่ามีการเข้าถึง content และใช้เวลากับโซเชียลอย่างไร
- ความเข้าใจในแพลตฟอร์มโซเชียล และฟีเจอร์ต่างๆของการนำเสนอ
- Creativity หรือ ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อให้งานโฆษณามีความแตกต่างและดึงดูด
Finger Feed behavior พฤติกรรมใช้นิ้วอย่างเอาแต่ใจ ฟีดคอนเทนท์บนโซเชียล
การหยิบมือถือขึ้นมาดูในแต่ละวันของคนยุคนี้ เกิดขึ้นเป็นสิบๆครั้งต่อวัน มากกว่าการมองหน้าลูกมองหน้าแฟนเสียด้วยซ้ำ เรียกได้ว่ากลายเป็นหนึ่งในพฤติกรรมหลักของคนยุคนี้ไปแล้ว จากผู้ใช้ Facebook ในไทย ในตอนนี้มีอยู่ 55 ล้านสมาชิกที่ใช้ Facebook เป็นประจำทุกเดือน กับจำนวน 39 ล้านสมาชิกที่ใช้ Facebook ทุกวัน (ตัวเลขจากงาน Facebook Marketing Summit 2019 จัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ในเดือนกันยายน 2562) ถือเป็นตัวเลขที่ไม่น้อย และพฤติกรรมการเสพเนื้อหาบนโซเชียล ในวันนี้ คือ “Feed” หรือการฟีดเนื้อหาบนหน้าจอด้วยปลายนิ้วอย่างรวดเร็ว!! เพื่อเข้าถึง ภาพ วิดีโอ และเรื่องราวที่ตนอาจจะสนใจ
ซึ่งต้องยอมรับว่าพฤติกรรมการเสพโซเชียลนี้ ช่างท้าทายคนทำคอนเทนท์และโฆษณาอย่างสุดๆ เพราะโดยเฉลี่ยแล้ว พวกเรา ใช้เวลากับคอนเทนท์แต่ละฟีดบนมือถือ เพียง 1.7 วินาทีเท่านั้น (2.5 วินาทีบน PC) ซึ่งหมายความว่า นักโฆษณาและนักการตลาดจะมีเวลาเพียง 1.7 วินาทีในการดึงความสนใจของผู้ใช้โซเชียลในแต่ละราย!!!
สะกดจิต ดึงความสนใจของคนใช้โซเชียล
ทุกวันนี้นักการตลาดอย่างเราๆ ใช้คอนเทนท์เป็นหลักในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ทั้งเนื้อหาที่เร็ว แตกต่าง ด้วยภาพกราฟฟิกและวิดีโอที่พยายามทำให้ครีเอทีฟกันสุดๆ ในช่วงของ Infographic และ Photo Story มาแรง พวกเราก็สรุปเนื้อหาในแบบกราฟฟิกกันไป พอ short video มาแรงเราก็ปั๊มวิดีโอกับเนื้อหาที่เราคิดว่าจะดึงดูดความสนใจคนดูให้ได้มากที่สุด แต่มันเพียงพอแล้วหรือยัง? ที่จะสะกดจิตกลุ่มเป้าหมายในเวลา 1.7 วินาที? มันอาจจะเพียงพอแล้วก็ได้ แต่มันยังมีดีได้มากกว่านั้น!
One size doesn’t fit all เราจะใช้ครีเอทีฟคอนเทนท์แบบไหนก็ได้ แต่เราจะใช้ขนาดเดียวกับทุกโซเชียลไม่ได้!
ยังมีนักโฆษณาหลายราย ที่ยังมีความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับการนำคอนเทนท์โฆษณาที่ผลิตแล้วขึ้นแชร์ต่อบนโซเชียล และยังหลงคิดว่า “เราได้ทำมันครบกระบวนการนำเสนอโฆษณาในทุกช่องทางแล้ว” มันก็ถูกที่อาจจะทำให้เราประหยัดเวลา และได้นำสิ่งที่ทำมาแล้วมาใช้ต่ออย่างมีประโยชน์ แต่จำไว้อย่างหนึ่งว่า “การเสพคอนเทนท์บนมือถือนั้น ไม่เหมือนกันเสพคอนเทนท์บนทีวี และกราฟฟิกหรือวิดีโอขนาดเดียว ไม่สามารถตอบโจทย์ได้ทุกแพลตฟอร์ม” และการทำโฆษณาลักษณะนี้ อาจจะทำให้คุณเสียเวลาเปล่า เพราะคนเสพโซเชียลนั้นมีพฤติกรรมที่สร้างสรรค์กว่านั้น ถ้าเรารู้จักและเข้าใจพฤติกรรมฝั่งผู้เสพ และเข้าใจประสิทธิภาพการทำงานของแพลตฟอร์มต่างๆ เราจะมีวิธีนำเสนอและดึงดูดความสนใจได้มากกว่านั้น งานโฆษณาที่ดี จะสร้างความสนใจที่จะต่อยอดไปสู่เป้าหมายของการทำโฆษณา ทั้ง การรับรู้ การมีส่วนร่วม การสร้าง conversion และยอดขาย
ครีเอทีฟโฆษณาบนฟีด และขนาดของคอนเทนท์ สามารถสร้าง Impact หรือการรับรู้ที่ให้ผลต่างกัน
สังเกตุได้จากภาพด้านล่าง เป็นภาพธรรมดาๆ ที่คุ้นตากันดี แต่นักการตลาดและนักโฆษณาก็ยังมองข้ามความสำคัญในจุดนี้ เรื่องราวเดียว แต่หากนำเสนอถูกวิธี การรับรู้จะให้ผลที่แตกต่าง และจะสามารถดึงความสนใจได้เต็มร้อย ในเมื่อพื้นที่บนมือถือมีให้เล่นได้อย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้เสียโอกาสเราก็ควรนำเสนออย่างเต็มพื้นที่ เพราะนอกจากจะดึงความสนใจได้แล้ว ยังสามารถนำเสนอรายละเอียดของคอนเทนท์ได้อย่างเต็มๆ
7 ใน 10 ของการเล่าเรื่องผ่านโทรศัพท์มือถือ พบว่าเรื่องราวในแบบแนวตั้ง สร้างการจดจำได้ดีกว่าแนวนอน
1.7 วินาที กับประสบการณ์ “แนวตั้ง” และ “ครีเอทีฟ” ที่แตกต่าง
ผู้คนใช้ชีวิตบนโซเชียล ก็เพื่อต้องการดูว่าคนในสังคมกำลังทำอะไรที่ไหนอย่างไร และเพื่อติดตามเพจที่ให้ทั้งความรู้และความบันเทิง และหากเราในฐานะนักการตลาด และคนทำโฆษณา ที่ยังคงนำเสนอคอนเทนท์วิดีโอในรูปแบบแนวนอน นอกจากเราจะใช้พื้นได้ไม่เต็มที่แล้ว เรายังอาจจะเสียโอกาสในระหว่าง 1.7 วินาทีที่สำคัญ เพราะหากเราใช้พื้นที่ไม่เต็มจอ โอกาสที่ผู้ใช้โซเชียลจะถูกดึงความสนใจจากคอนเทนท์อื่นๆ ที่อยู่ด้านบน หรือด้านล่างนั้นถือว่าสูงมาก หากมีคอนเทนท์อื่นที่น่าสนใจกว่า คอนเทนท์ของเราก็จะถูกฟีดทิ้งไปด้านบนหรือด้านล่างอย่างไม่สนใจ
ลองนึกภาพดูว่าหากตัวเรากำลังสนใจวิดีโอโฆษณาของแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง แต่เหลือบไปเห็นภาพหรือวิดีโอของเพื่อนที่กำลังถูกขอแต่งงาน หรือพบกว่าเพื่อนๆกำลังปาร์ตี้กันอยู่ หรือพบบทความของอินฟลูเอนเซอร์ที่น่าสนใจกว่า เราจะยังหยุดดูโฆษณานั้น หรือจะเลือกดูภาพของเพื่อนแทน?
นอกจากนี้ การนำเสนอวิดีโอคอนเทนท์ ไม่ได้มีสูตรเดียว แค่ถ่ายวิดีโอแนวตั้งให้ได้ขนาดเต็มจอยังถือว่ายังไม่พอ เพราะการนำเสนออย่างสร้างสรรค์สามารถทำได้หลายวิธีผ่านวิดีโอแนวตั้ง หากทำดีๆ จะสามารถสะกดจิตคนดูให้อยู่กับเราจนโฆษณาจบได้เลยทีเดียว อะไรจะมั่นใจได้ขนาดนั้น? ก็เพราะว่าเราสามารถสร้างครีเอทีฟได้เบอร์นี้
เคสโฆษณาในแบบ Vertical Experience บน Facebook
สรุป ประสบการณ์ “แนวตั้ง” และ “ครีเอทีฟ” ที่แตกต่าง แบรนด์ใช้ลูกเล่นอะไรได้บ้าง
- Split หรือแบ่งย่อยวิดีโอเป็นหลายจอ เพื่ออรรถรสในการนำเสนอ อันนี้เป็นลูกเล่นของงาน ครีเอทีฟและการผลิตล้วนๆ ที่ต้องเข้าใจว่าวิดีโอแนวตั้งสามารถสร้าง Creativity ได้มากขนาดไหน
- เพิ่มลูกเล่นให้กับกราฟฟิกและสร้างการอินเทอร์แอค หรือสอดแทรก animated graphic เพิ่มความครีเอทีฟให้กับวิดีโอ
- เลือกใช้ Stories บน Facebook หรือ Instagram เพิ่มความแปลกใหม่ด้วยอิโมจิ สติ๊กเกอร์ และโอเวอร์เลย์ เพื่อสร้างสรรค์งานโฆษณาที่แตกต่าง และอินเทรนด์
- ใช้เสียงและลูกเล่นในการนำเสนอ
- แบรนด์ต่างๆ เลือกแสดงแบรนด์ของตนใน 3 วินาทีแรก และสอดแทรกความเป็นแบรนด์อย่างต่อเนื่อง
มีนักการตลาดหลายท่าน ยังไม่ทราบว่าลูกเล่นการนำเสนอโฆษณาผ่านมือถือนั้นมีหลากหลาย และมีรูปแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา ซึ่งเมื่อเข้าใจลูกเล่น การนำเสนอจะสามารถทำได้อย่างไร้ขีดจำกัด และหากต้องการได้แรงบันดาลใจในการทำครีเอทีฟ ลองดูเพิ่มเติมกันได้ที่ Facebook Business Inspiration
ในนี้ มีตัวอย่างการสร้างผลงานครีเอทีฟที่โดดเด่นหลายชิ้น พร้อมเรื่องราวและอินไซต์ต่างๆ ให้เรียนรู้
Facebook Business X Marketing Oops!
บทความ Exclusive นี้เผยแพร่บน Marketing Oops! เป็นที่แรก