ชาวโซเชียลกำลังตื่นเต้นกับข่าว Louis Vuitton พร้อมนับถอยหลังเปิดให้บริการห้างสรรพสินค้าที่ตัวเองซื้อมาหลังจากต้องปิดทำการมานานกว่า 16 ปี เบื้องต้นมีการแพร่ภาพสถาปัตยกรรมอลังการสุดไฮโซ กระตุ้นดีมานด์ขาช็อประดับซูเปอร์รวยให้อยากมาเพลินกับการจับจ่ายสินค้าแบรนด์เนมหรูกว่า 600 แบรนด์
Bernard Arnault เจ้าของ Louis Vuitton นั้นได้ซื้อกิจการห้าง La Samaritaine มาครองในปี 2544 แต่คอมเพล็กซ์เก่าแก่ในปารีสแห่งนี้ถูกบังคับให้ปิดทำการในปี 2548 ด้วยข้อหาไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยของอาคาร ผลจากวัสดุอย่างเหล็กและกระจกซึ่งทำให้ LVMH ตัดสินใจปิดบริการชั่วคราว จนกระทั่งปีที่แล้ว ห้าง La Samaritaine จึงเริ่มสร้างบัญชี Instagram ของตัวเองแล้วโพสต์ส่งสัญญาณพร้อมให้บริการ แต่ก็ยังไม่มีการบอกเล่ารายละเอียดอย่างจริงจัง
ล่าสุดคือปลายพฤษภาคม 64 ห้างได้โพสต์ภาพการตกแต่งภายในที่คงการออกแบบสไตล์อาร์ตนูโวดั้งเดิมไว้ ทำให้บัญชี Instagram ของห้างดูสดใหม่มากขึ้น ทุกภาพสะท้อนความเป็นดินแดนมหัศจรรย์แห่งการช้อปปิ้งมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐได้ดี ตอกย้ำโอกาสของ LVMH ที่หมายมั่นปั้นมือว่าจะดูดเงินจาก “มหาเศรษฐีขาช็อป” ได้หลังจากวิกฤติโควิด-19 ซึ่งมีผลให้ห้างต้องเลื่อนเปิดทำการออกไปอีก
La Samaritaine การันตีว่าจะจัดแสดงสินค้าจาก “มากกว่า 600 แบรนด์” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือกับ DFS ร้านค้าปลีกปลอดภาษี รวมถึงมีสปา Christian Dior, บริการอพาร์ตเมนต์เซอร์วิส และร้านอาหารสุดหรู ด้านบนจะเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวที่มีอัตราค่าห้องพักต่อคืนเกิน 1,270 ดอลลาร์สหรัฐ หรือไม่ต่ำกว่า 39,000 บาท
ความเคลื่อนไหวของห้าง La Samaritaine จะเป็นกรณีศึกษาที่ดีของแบรนด์เก่าแก่ที่ต้องการปรับภาพให้ยืนหยัดอยู่รอดในยุคสมัยใหม่ เพราะเมื่ออาคารถูกสั่งปิดมานาน 16 ปี ความตั้งใจของ LVMH ที่หวังให้ La Samaritaine ดึงดูด “ผู้เยี่ยมชมหลายล้านคนต่อปี” อาจจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนไปในยุคที่นักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่อาจเดินทางได้ ขณะเดียวกันก็ยังต้องโปรโมทเพื่อเรียกความเชื่อมั่น ว่าตัวคอมเพล็กซ์จะมีความปลอดภัยมากขึ้น เพราะมีการเสริมชั้นของคอนกรีตด้านล่างเพื่อป้องกันการแตกหักของกระเบื้องแก้ว
สวรรค์แห่งการช้อปปิ้งของ LVMH Moët Hennessy Louis Vuitton และ DFS อย่าง La Samaritaine จะเริ่มต้อนรับลูกค้าครั้งแรกในรอบ 16 ปี ตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน 64 เป็นต้นไป.
