Thailand Campaign “อย่าให้ใครว่าไทย” โดยเครือข่ายอนาคตไทย ร่วมกับ สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กรมประชาสัมพันธ์ สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) สภาหอการค้าไทย และมูลนิธิมั่นพัฒนา ร่วมกับ ภาคีเครือข่ายกว่า 91 องค์กร มีวัตถุประสงค์ คือ กระตุ้นให้คนไทยตระหนักและเกรงกลัวต่อผลของการมีพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ (ขี้โกง ฟุ่มเฟือย มักง่าย ไม่ครองสติ) ปรับทัศนคนิ และลดเลิกนิสัยเหล่านี้ สร้างภูมิคุ้มกันให้กับคนไทย และประเทศไทยในการก้าวไปอย่างยั่งยืนในอนาคต
คุณวิทวัส ชัยปาณี คณะทำงานเครือข่ายอนาคตไทย เผยว่า การดำเนินงานที่ผ่านสามารถทำตามแผนยุทธศาสตร์ที่ได้วางไว้ ตั้งแต่เริ่มดำเนินการ คือ ยุทธศาสตร์การรับรู้และเรียนรู้ โดยแบ่งเป็น 3 ช่วง ได้แก่ ช่วงที่ 1 สร้างกระแส มีการจัดทำคลิปโฆษณาเผยแพร่ทางออนไลน์ ช่วงที่ 2 สร้างจิตสำนึก สร้างภาพยนตร์โฆษณา และช่วงที่ 3 สร้างพฤติกรรมไร้หนี้ จัดทำ Viral นักศึกษา ภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ สปอร์ตวิทยุเสริมนิสัยและความเพียร สปอร์ตรถแห่ตามต่างจังหวัด กิจกรรม Exhibitions ห้างสรรพสินค้า จัดงานเสวนาที่สถาบันการศึกษาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ กระตุ้นความตระหนักต่อวิกฤต และกระตุ้นพลังบวกของผู้เข้าร่วมกิจกรรม
ผลการดำเนินงาน มีกระแสการรับรู้ของสื่อโฆษณาผ่านทาง TVC ตามแผนสื่อที่วางไว้ อาทิ งานโฆษณาไทยหัวสูงสามารถสื่อสารให้คนไทยเข้าใจได้ถึงการไม่ควรใช้จ่ายเกินตัวและฟุ่มเฟือย สามารถสื่อให้คนไทยเข้าใจวัตถุประสงค์ของคลิปหรือโฆษณาชิ้นนั้นๆ ส่วนของโลกออนไลน์พบว่าในคลิปทั้งหมดที่ได้เผยแพร่ไป ทำให้เกิดความเคลื่อนไหว มี Engagement รวมกันเกือบ 28 ล้านครั้ง ซึ่งพบว่ามีส่วนน้อยที่ให้ความคิดเห็นในเชิงลบ
ผลการตอบรับบนโลกออนไลน์
• Total View : 26,192,792
• Total Like : 1,033,448
• Total Share : 357,984
• Total Engagement : 27,615,517
นอกจากนี้ เครือข่ายอนาคตไทย ได้สร้าง Facebook Fanpage เพื่อใช้ในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร งานประชาสัมพันธ์ และได้รับการชื่นชม หรือ Like Page อยู่ที่ 115,000 Likes นับว่าเป็นที่น่าพอใจ
ส่วนการจัดกิจกรรมในต่างจังหวัด จากการวิจัยแบบสัมภาษณ์ พบว่า ผู้เข้าร่วมเสวนานักศึกษา หรือบริษัทต่างๆ เข้าใจในวัตถุประสงค์ของกิจกรรมที่มุ่งเน้นเรื่องหนี้เกินตัว ความฟุ้งเฟ้อ และบางส่วนได้แรงบันดาลใจที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
เมื่อประชาชนเห็นแคมเปญ “อย่าให้ใครว่าไทย”
3 คำ สั้นๆ “ใหม่” “สด” และ “โดน” เพราะเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีใครนำเสนอ เนื้อหาน่าสนใจ สนุก เข้าใจง่าย และเป็นเรื่องจริงที่อยู่ใกล้ตัว สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้
• 41% เห็นและจดจำได้จากโทรทัศน์
• 84% ชอบ ไม่คิดว่าต้องปรับปรุง
• 83% มีความตั้งใจจะเปลี่ยนพฤติกรรม
ด้าน คุณองค์อร อาภากร ณ อยุธยา คณะทำงานเครือข่ายอนาคตไทย กล่าวเสริมว่า สำหรับแผนการทำงานต่อไปของเครือข่ายอนาคตไทย เราจะเน้นขยายภาคการเรียนรู้ เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเดิมๆ เกิดการปฏิบัติจริงไปสู่กลุ่มเป้าหมายมากขึ้น โดยเน้นการลงพื้นที่ทำงานร่วมกับองค์กรท้องถิ่น ในขณะเดียวกันเราได้จังหวัดขอนแก่นเป็นพื้นที่นำร่องโมเดลสำคัญที่จะเป็นตัวอย่างของการมีส่วนร่วมให้ภาคประชาชน ได้ลุกขึ้นมาจัดการและพัฒนาชุมชุนด้วยตัวเอง จากมิติความแตกต่าง และความหลากหลายของแต่ละพื้นที่ เน้นการเชื่อมโยงความร่วมมือในการเข้าถึงประชาชนให้มากที่สุด โดยมีเครือข่ายอนาคตไทยช่วยสนับสนุนกระบวนการจัดการร่วมด้วย เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนปรับเปลี่ยนสังคมไทยให้แข็งแรงตลอดไป