เชื่อมั้ยว่า ในปี 2560 มีคนไทยที่อายุมากกว่า 100 ปี ถึง 9,041 คน! ขณะเดียวกัน อายุขัยของคนไทยตลอด 60 ปีที่ผ่านมา ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เฉลี่ยแล้ว 4.4 เดือนต่อปี นั่นหมายความว่า อีกไม่กี่ปีข้างหน้า “100 ปี อาจกลายเป็นเกณฑ์อายุเฉลี่ยของคนไทย” ก็เป็นได้
สอดคล้องกับภาวะ “Aging Society” ของสังคมไทย ที่อัตราการเกิดลดลงสวนทางกับอายุเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น ประเด็นนี้ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงทางตัวเลขสถิติประชากร แต่กลายเป็นโจทย์ใหญ่ระดับชาติว่าเราต้องทำอย่างไร เพื่อเตรียมพร้อมและก้าวผ่านความท้าทายครั้งนี้ โดยเรื่องที่ทุกคนสามารถเริ่มได้ง่ายและรวดเร็วที่สุด คือ เริ่มจากการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ ซึ่งไม่จำเป็นต้องลงทุน ลงแรง ให้ยุ่งยากหรือราคาแพงแต่อย่างใด
ไม่น่าเชื่อว่าแนวคิดในการกระตุ้นและสร้างความตระหนักแก่ประชาชนในการดูแล สร้างความแข็งแรงให้ตนเอง ซึ่งเป็นเรื่องระดับชาติจะกลายเป็นแนวทางเดียวกับที่ “Nestlé” (เนสท์เล่) ให้ความสำคัญตลอดปีที่ผ่านมา เพราะต้องการให้คนไทยใส่ใจสุขภาพมากขึ้น
อยากให้แคมเปญ Mass ต้องเริ่มจากเรื่องใกล้ตัว!
เรื่องนี้ถือเป็นเป้าหมายของเนสท์เล่ เราจึงได้เห็นแคมเปญล่าสุดอย่าง “เนสท์เล่ คนไทยแข็งแรง” ผ่านการนำเสนอนวัตกรรมที่ช่วยให้คนไทยแข็งแรงด้วยข้าวของเครื่องใช้ที่มีอยู่แล้วภายในบ้าน เพื่อทำให้เข้าถึงผู้คนได้ทุกระดับ ทุกช่วงวัย และเป็นการขจัด Pain Point ของคนไทยกับการเอาใจใส่สุขภาพว่าเป็นเรื่องยากและต้องใช้งบประมาณสูงจึงจะมีสุขภาพที่ดีได้ ประเด็นเหล่านี้ทำให้แคมเปญของเนสท์เล่เป็นการหยิบเอาเรื่องราวที่ทำได้ง่ายและใกล้ตัวขึ้นมาสื่อสารกับผู้บริโภคผ่านไอเดีย “3 อ.” ได้แก่ อ.อาหาร อ.ออกกำลังกาย และ อ.อารมณ์ ซึ่งถ่ายทอดผ่านโฆษณา 3 ตอน ด้วยเป้าหมายที่อยากให้คนไทยเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพให้ดีขึ้น
ปรับ Mindset คนไทย “สุขภาพดีไม่ยาก – ไม่แพง แค่ต้องเริ่ม”
อย่างที่บอกไปแล้วว่าเนสท์เล่ พยายามสื่อสารกับผู้บริโภคชาวไทยว่าสุขภาพดีนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องลงมือทำด้วยตัวเอง และแน่นอนว่าการมีสุขภาพที่ดีนั้นไม่ใช่เรื่องยากหรือมีราคาค่างวดแต่อย่างใด เพียงแค่เริ่มต้นจากอุปกรณ์รอบตัวที่มีอยู่แล้วในบ้านของทุกคน อาทิ กระทะ ไม้ถูพื้น หรือแม้แต่พัดลม ทั้งหมดนี้สามารถกลายเป็นตัวช่วยในการออกกำลังกายดูแลสุขภาพได้ทั้งสิ้น
โดยไอเดียตัวอย่างของเนสท์เล่กับการออกกำลังกายง่าย ๆ ที่บ้านนั้น ได้แก่ กระทะลดน้ำมัน “ออโตมือติก”เพื่อทำให้ผู้บริโภคลดการบริโภคหวาน มัน เค็ม และหันมารับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ, “ไม้ถูพื้นเอว S” การออกกำลังกายด้วยไม้ถูพื้นเพื่อส่งเสริมการออกกำลังกายภายในบ้านทั้งง่ายและสนุกสนาน, “พัดลมสะบัดอารมณ์” เพื่อเป็นการสร้างความสุขให้กลับมามีอารมณ์ดีด้วยของใกล้ตัว
ส่งไม้ต่อ “Influencer” กระจายคอนเทนต์สู่ผู้บริโภค
ไม่ใช่แค่การทำแคมเปญที่ง่ายต่อการเข้าถึงผู้บริโภค แต่เนสท์เล่ยังใช้วิธีกระจายคอนเทนต์ผ่าน Influencer อีกด้วย เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มประสิทธิภาพในการนำเสนอแนวคิดเนสท์เล่ 3 อ. ด้วยการทำวิดีโอคอนเทนต์ตามธีมต่าง ๆ เพื่อให้เข้าถึงการใช้ชีวิตประจำวันของผู้บริโภคและเห็นภาพอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ว่าทุกคนสามารถทำสุขภาพให้แข็งแรงได้ทุกวัน
เข้าใจ Insight คนไทยชอบสนุก! ที่มา “3 อ.อวอร์ด Challenge”
เรื่องความสนุกสนานและชิงรางวัล เป็นเรื่องที่คนไทยชื่นชอบ แบรนด์เนสท์เล่จึงหยิบความชอบดังกล่าวมาต่อยอดแคมเปญ “เนสท์เล่ 3 อ.อวอร์ด Challenge” เพื่อเช็คความเข้าใจที่สื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายว่าเข้าใจตรงกับเป้าหมายที่แบรนด์ต้องการสื่อสารหรือไม่ พร้อมกับจัดทำรางวัลพิเศษเป็นถ้วยรางวัลแบบที่มีเพียงใบเดียวในโลก เนื่องจากออกแบบเป็นท่าทางและหน้าตาตามไอเดียของผู้ชนะแคมเปญ โดยแบ่งเป็น 3 สาย คือ #สายฟู้ดดี #สายฟิตดี #สายรมณ์ดี ซึ่งมีผู้ที่มีชื่อเสียงเป็นหัวหน้าทีม ต่าง ๆ ได้แก่ คุณอุ้ม นพรรต ที่ทำอาหารเมนูสุขภาพอยู่เสมอ ทำให้คนในบ้านได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ทุกวัน และได้รับถ้วยรางวัลถุงมือเทน้อยยอดเยี่ยม, คุณพลอย ชิดจันทร์ ที่ยังคงมีหุ่นฟิตเฟิร์มแม้จะมีลูก 4 คน เนื่องจากออกกำลังกายเป็นประจำได้รับถ้วยรางวัลถังน้ำจอมพลังยอดเยี่ยม, คุณตั๊ก บริบูรณ์ ที่สามารถทำให้ตัวเองและคนในบ้านมีความสุขได้ทุกครั้ง จึงได้รับถ้วยรางวัลดัชนีท้องแข็งยอดเยี่ยม
ผลจากการสร้างสรรค์แคมเปญดังกล่าว สะท้อนถึงความสำเร็จของแบรนด์ทั้งการสื่อสารกับผู้บริโภค และการสร้างพฤติกรรมใหม่ในการใช้ชีวิตโดยเริ่มต้นจากโภชนาการ เพื่อดูแลตนเองและคนรอบตัวให้มีสุขภาพดี สร้างสังคมคุณภาพแก่คนไทย
ทั้งหมดนี้เพื่อทำให้คนไทยได้ปรับเปลี่ยนวิธีการดูแลสุขภาพและโภชนาการที่ดี ผ่านวิธีที่ทำได้ง่าย ๆ และไม่ต้องเสียเงินลงทุนเพิ่มเติมแต่อย่างใด หากใครอยากศึกษาวิธีดูแลตนเองง่าย ๆ ตามแนวทางเนสท์เล่ 3 อ. สามารถศึกษาข้อมูลและวิธีเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Nestle