หากยังจำกันได้ ก่อนหน้านี้ Central สร้างความฮือฮา ด้วยการชนะปนะมูลพื้นที่ Block A ของสยามสแควร์ โดยเป็นไปตามแผนการกระจายความเสี่ยงและการสร้างความหลากหลายทางธุรกิจ ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญของ Central โดยครั้งนั้น Marketing Oops! วิเคราะห์ว่า หนึ่งเหตุผลของการดำเนินการที่ผ่านมาเป็นเพราะว่า Central กำลังเปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เข้ามา นอกจากการเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เพื่อสอดรับกับพฤติกรรมการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค
หนึ่งในนั้นคือธุรกิจออนไลน์ภายใต้ชื่อ JD Central และถือได้ว่าเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มออนไลน์ในไทยที่เติบโตรวดเร็ว และมีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยการการันตีว่า สินค้าที่ขายใน JD Central รับประกันว่าเป็นของแท้ เชื่อใจได้ แก้ปัญหาความหวาดระแวงของผู้บริโภคที่จะได้สินค้าเลียนแบบหรือก๊อปเกรด A ไม่เพียงเท่านี้ JD Central ยังมีแคมเปญการตลาดที่ไม่ต้องอิงกระแสเลข 2 ตัว ซึ่งเป็นแคมเปญลดราคาแค่วันเดียวในแต่ละเดือน แต่ที่ JD Central ใช้วิธีผสมผสานประสบการณ์การใช้แคมเปญของห้างเข้าไปด้วย
JD Central เติบโตอย่างรวดเร็ว
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า JD Central มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เห็นได้จากตลอดระยะเวลา 3 ปี นับตั้งแต่การเริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2561 สามารถสร้างอัตราการเติบโตที่สูงกว่า 955% ด้วยกลยุทธ์ที่แตกต่างจากแพลตฟอร์มอื่น โดยเน้นเรื่องสินค้าที่เป็นของแท้และความน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ต้องสร้างความแตกต่าง เมื่อในตลาดมีผู้เล่นรายใหญ่แถมมีถึง 2 ราย หนึ่งสิ่งที่ JD Central นำมาใช้คือประสบการณ์การสร้างแคมเปญของห้างที่ถูก Apply มาใช้กับการขายสินค้าออนไลน์
ซึ่งที่ผ่านมามีการจัดแคมเปญ “จับจ่าย FRIYAY” ในช่วงเดือนมิถุนายน โดยนำสินค้าอุปโภคบริโภค (Household Products) และสินค้าเกี่ยวกับบ้านและไลฟ์สไตล์ (Home & Living) มาลดราคาเป็นพิเศษทุกวันศุกร์ ส่งผลให้มีลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่า 450% และช่วยให้ลูกค้าประหยัดรวมได้มากกว่า 65 ล้านบาท และยังชี้ให้เห็นว่าขนมขบเคี้ยวได้รับความสนใจมากขึ้น โดยเกิดพฤติกรรมที่ชัดเจนในการกินขนมขบเคี้ยวกับน้ำอัดลม
หรือแคมเปญสดๆ ร้อนๆ อย่าง “Crazy Monday” ที่ลดราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าไอทีและแก็ดแจ็ตต่างๆ ทุกวันจันทร์เพื่อตอบโจทย์ความสะดวกและความบันเทิงเมื่อต้องใช้ชีวิตอยู่ที่บ้าน ก่อให้เกิดผู้ซื้อเพิ่มขึ้นถึง 35% และยังมียอดการซื้อเฉลี่ยต่อครั้งเพิ่มขึ้น 27% นั่นเป็นเพราะแคมเปญของ JD Central ลดราคาในทุกวันที่กำหนดของแต่ละเดือน ไม่ได้ลดเพียงแต่วันเดียว ทำให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าลดราคาได้ต่อเนื่องและทำให้เกิดการเข้ามาซื้อซ้ำต่อเนื่อง ใช้เวลาอยูใน JD Central นานขึ้น
จอยชัวร์ ตัวจริง ย้ำแหล่งขายสินค้าของแท้
จนเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2564 JD Central ได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกลยุทธ์ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผ่านพันธกิจ “จอยชัวร์ ตัวจริง” การันตีประสบการณ์ช็อปปิ้งออนไลน์ที่ชัวร์ที่สุดในทุกแง่มุมและทุกรูปแบบที่นักช้อปมองหา ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่เรื่องสินค้าที่เป็นของแท้ชัวร์เท่านั้น แต่รวมไปถึงความชัวร์ด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น สินค้าคุณภาพดีชัวร์ สินค้ามีความหลากหลายชัวร์ สินค้าส่งเร็วชัวร์ รวมไปถึงบริการหลังการขายที่จะสร้างความประทับใจชัวร์
ด้าน คุณก่อลาภ สุวัชรังกูร ประธานบริหารฝ่ายการตลาด JD CENTRAL ชี้ว่า ตั้งแต่มีการปรับกลยุทธ์ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เข้าถึงกลุ่มนักช้อปที่กว้างขึ้น โดยเฉพาะการรับรู้ของผู้บริโภคเพอ่มขึ้น 48% เห็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของนักช็อปได้มากขึ้น เช่น มีนักช็อปผู้ชายหน้าใหม่เข้ามาซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคมากขึ้นถึง 130% รวมไปถึงกลุ่มสินค้าแฟชั่น และสุขภาพและความงามก็มีนักช้อปเพิ่มขึ้นกว่า 300% ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการสร้างการรับรู้และจดจำภาพลักษณ์การเป็น ”ตัวจริง” ที่สามารถการันตีประสบการณ์การช็อปให้กับผู้บริโภค ก่อให้เกิดความมั่นใจที่จะเข้ามาจับจ่ายใช้สอยบน JD Central มากขึ้น
ในช่วงล็อกดาวน์ที่ผ่านมา JD Central ส่งแคมเปญ Save & Safe ด้วยการสนับสนุนงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท เพื่อให้คนไทยลดค่าใช้จ่ายและช่วยกระตุ้นยอดขายให้ร้านค้าได้อีกทาง รวมไปถึงภารกิจในการช่วยเหลือสังคม และช่วยพันธมิตรทางธุรกิจอย่าง GRAB ในการจัดส่ง “กล่องพร้อมใจ” ให้แก่ครอบครัวคน Rider กว่า 8,000 ครอบครัว อีกทั้งมอบคูปองส่วนลดจาก JD central เพื่อเป็นการช่วยเหลืออีกทาง โดยมียอดการใช้คูปองดังกล่าวไปแล้วกว่า 50% และส่วนใหญ่เป็นการนำไปซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน
สุขสันต์วันจอย ฉลองครบรอบ 3 ปี
ขณะที่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี JD central จะเน้นที่การเพิ่มบริการ ร้านค้า และฟีเจอร์ต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมเปิดการให้บริการของร้านค้าทางการของแบรนด์สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ระดับโลก การเปิดตัวบริการใหม่ “Instant JOY” เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของ On Demand Delivery ที่โตขึ้นอย่างต่อเนื่อง การันตีส่งของเร็วภายใน 1 ชั่วโมง รวมไปถึงการขยายการให้บริการ e-Voucher ในส่วนของโรงพยาบาล ร้านอาหาร สปา และประกันชีวิต และการเพิ่มร้านค้าแบรนด์ดังๆ ระดับอินเตอร์เนชันนัลเข้ามาในแพลตฟอร์ม เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น
ในด้านของการสนับสนุนร้านค้าและแบรนด์ต่างๆ เจดีเซ็นทรัลได้เพิ่มโซลูชั่นการตลาดอย่าง MPA (Manage Partner Ads) เข้ามาเพื่อช่วยการกระตุ้นยอดขายของแบรนด์และร้านค้า ให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยถือเป็นแพลตฟอร์มแรกในตลาดที่นำโซลูชั่นนี้มาใช้ พร้อมจัดเต็มแคมเปญ “9.28 Birthday Fest สุขสันต์วันจอย” ระหว่างวันที่ 28-30 กันยายน 2564 ตลอดแคมเปญ 3 วันพบกับส่วนลดสูงสุด 90% พร้อมรับ JD Points มูลค่า 928 บาททุกออเดอร์ เมื่อช็อปครบ 99 บาท โดยสินค้าจะจัดส่งถึงบ้านไม่มีการยกเลิกหรือคืนสินค้า และสามารถใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 28-30 กันยายน
นอกจากนี้ยังจัดเต็มกับ Incredible Deals สินค้าราคาพิเศษสุดๆ แบบไม่เคยมีมาก่อน นอกจากนี้ยังมี Birthday Pocket เปิดซองแจกของขวัญทุกวัน ยิ่งส่งให้เพื่อนยิ่งมีสิทธิ์ลุ้น พร้อมส่วนลดจากแบรนด์ดัง อาทิ โค้กรสชาติออริจินัล ขนาด 1.95 ลิตรแพ็ค 6 ขวด ราคาพิเศษ 192 บาท, INBook X1 ราคาประหยัด, ไฮยีน EPC เบสท์ ออริจินส์ น้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้นพิเศษ กลิ่นเอเดลไวส์ (ชมพู) 1300 มล. และ กลิ่นวิสทีเรีย (ม่วง) 1300 มล.ราคาพิเศษ 111 บาทจากปกติ 140 บาท
O2O เป้าหมายต่อไปของ JD Central
หากลองย้อนนึกถึงในช่วงที่ธุรกิจ e-Commerce เข้ามาใหม่ๆ Central เองในฐานะผู้นำห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ก็มองตลาดออนไลน์ด้วยเช่นกัน แต่ต้องยอมรับว่าการขายออนไลน์แตกต่างจากการขายสินค้าในห้างฯ แม้จะมีประสบการณ์สูงจากการขายสินค้าในห้างก็ตาม ดังนั้นในช่วงแรกของการขายออนไลน์ Central จึงใช้วิธี “โยนหินถามทาง” ขณะที่แพลตฟอร์มออนไลน์ยักษ์ใหญ่ 2 ค่ายมั Know How แล้วจากต่างประเทศ และต้องยอมรับว่า Central ในเวลานั้นยังเน้นไปที่ธุรกิจก้างเป็นหลัก
แต่เมื่อธุรกิจออนไลน์เติบโต ธุรกิจห้างฯ (Brick&Mortar) ก็เปลี่ยนไปกลายเป็นแหล่งสร้างประสบการณ์การใช้ชีวิตทั้งดูหนังฟังเพลง กินดื่ม รวมไปถึงดู จับ สัมผัสสินค้าจริงแล้วกลับไปซื้อบนระบบออนไลน์ จนเมื่อ Central ร่วมมือกับ JD.com จนกลายเป็น JD Central การทำธุรกิจของ JD Central จึงเริ่มเติบโตมากขึ้น และทำให้ JD Central สามารถขายสินค้าได้ทั้งช่องทางออนไลน์บน JD Central และช่องทางออฟไลน์ในห้าง Central
หากมองการดำเนินงานที่ผ่านมาของ Central จะเห็นการเข้าซื้อ Siam Future ช่วยให้ Central เข้าถึง ห้างขนาดเล็กอย่าง Community Mall ที่ช่วยแก้ปัญหากฎหมายผังเมืองที่ห้ามสร้างห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ในพื้นที่เมือง การชนะประมูลพื้นที่ Block A ของสยามสแควร์ช่วยให้ Central สามารถเข้าถึงพื้นที่ใจกลางเมืองที่มีผู้คนพลุกพล่านมากที่สุด โดยใช้ความเล็กของ Community Mall เข้าถึงพื้นที่ นี่ทำให้เห็นภาพการกระจายตัวของ Central ไปยังพื้นที่ต่างๆ น้องๆ ร้านสะดวกซื้อ
ทีนี้ลองคิดว่าถ้าซื้อของออนไลน์ แต่ไม่อยากรอขนส่งนาน อยากไปรับสินค้าเองก็ไปที่ห้างหรือ Community Mall แถวบ้าน หรือถ้าซื้อสินค้ามาแล้วเกิดมีปัญหา ก็ไม่จำเป็นต้องส่งสินค้าคืนรออีกนานกว่าจะได้สินค้าใหม่ที่ไม่รู้ว่าจะเสียอีกหรือเปล่า แค่ไปที่ห้างหรือ Community Mall แถวบ้านแล้วเปลี่ยนสินค้าแถมยังสามารถลองได้ว่าเสียหรือใช้งานได้ปกติ ซึ่งรูปแบบนี้เรียกว่า O2O (Online to Offline) ซึ่งคุณก่อลาภก็ยอมรับว่า JD Central มีแผนกลยุทธ์ O2O เร็วๆ นี้แน่นอน
ต้องจับตาต่อไปว่า หน้าตากลยุทธ์ของ O2O จาก JD Central จะเป็นอย่างไร จะช่วยผสานการขายทั้งรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์อย่างไร