“ป.ปลา นั้นหายาก ต้องลำบากออกเรือไป ขนส่งจากแดนไกล ใช้น้ำแข็ง เปลืองน้ำมัน แช่เย็นต้องเสียไฟ หุงต้มไซร้แก๊สทั้งนั้น พลังงานต้องหมดกัน โอ้ลูกหลานจำจงดี”
บทท่องอาขยานของโฆษณาโครงการ “รวมพลังหาร 2” ที่มั่นใจว่าคนในยุค Boomer Gen X สู่ Gen Y หลายคนยังจำได้ดี ซึ่งในยุคนั้นเป็นโฆษณาที่ทุกคนกล่าวถึงกันอยู่นาน สามารถปลุกกระแสของการประหยัดพลังงานและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าให้เกิดขึ้นได้สำเร็จ นอกจากนี้ ยังดันให้นักแสดงที่เล่นบท “อาเม้ง ป.ปลา” โด่งดังในชั่วข้ามคืน มีงานแสดงเข้ามามากมาย
อาเม้ง ป.ปลา – ย้อนอดีตโฆษณา รวมพลังหาร 2
httpv://youtu.be/DjS-A60q_rs
และหลังจากประสบความสำเร็จจากผลงาน “อาเม้ง ป.ปลา” แล้ว แคมเปญของ รวมพลังหาร 2 ยังต่อยอดด้วยการสร้าง Awareness ให้เพิ่มขึ้น โดยมีการเพิ่มดีเทลของการ “คิดก่อนใช้” ทรัพยากรต่างๆ ให้คุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็น สอนเรื่องการประหยัดพลังงานไฟฟ้า เช่น หรี่แอร์ลง ปิดทีวีเมื่อไม่ได้ดู ปิดไฟในพื้นที่ที่ไม่จำเป็น หรือการชักชวนไปทางเดียวกันด้วยรถคันเดียว การใช้กระดาษให้คุ้มทั้ง 2 หน้า ฯลฯ ผ่านผลงานโฆษณาอีกหลายตัวโดยที่เด่นๆ ใช้ศิลปินคนดังแห่งยุคมาสร้างสีสันให้แคมเปญเพื่อทำให้คนสนใจมากขึ้น ได้แก่ ป๋าเทพ โพธิ์งาม และโน้ส อุดม
หาร 2 ฉบับเทพ โพธิ์งาม – ย้อนอดีตโฆษณา รวมพลังหาร 2
httpv://youtu.be/hEfa9ZvGRwc
แหล่หาร 2 (โน้ส อุดม แต้พานิช ) – ย้อนอดีตโฆษณา รวมพลังหาร 2 พ.ศ 2539
httpv://youtu.be/M597C_hHFtQ
เหตุที่มารีวิวโฆษณาทั้ง 3 ชิ้นนี้ ไม่ใช่แค่ที่ว่าโฆษณาเซ็ทนี้ครบอายุ 20 ปีพอดีเท่านั้น แต่เพราะแคมเปญนี้มีความโดดเด่นและน่าสนใจอย่างยิ่ง แม้เวลาจะผ่านไปถึง 2 ทศวรรษแล้วแต่แคมเปญนี้ก็ยังถูกหยิบยกมาเป็น Case Study ในการศึกษาความสำเร็จของงานโฆษณาในอดีตอยู่เรื่อยๆ ซึ่งเป็นแคมเปญนี้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2539 โดย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สพช.) ในขณะนั้น ซึ่งคือ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงานในปัจจุบันจากการสนับสนุนแคมเปญนี้โดยกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน มีวัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์ปลุกจิตสำนึกในการอนุรักษ์พลังงานและการตระหนักรู้ในการใช้พลังงานอย่างประหยัดและใช้อย่างมีประสิทธิภาพ และอย่างที่กล่าวไปในตอนต้นว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้โครงการรวมพลังหาร 2 ประสบความสำเร็จได้นั้น เป็นเพราะไอเดียที่สร้างสรรค์จากโฆษณา อาเม้ง ป.ปลา ดังนั้น ลองมาฟังบทสัมภาษณ์จากผู้อยู่เบื้องหลังผลงานชิ้นดังกล่าวกันค่ะ
“สุธน เพ็ชรสุวรรณ” หรือ “พี่ม่ำ” ผู้กำกับรางวัลคานส์ ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จและสร้างความจดจำให้กับโฆษณาหลากหลายชิ้นจนไล่เรียงแทบไม่หมด รวมทั้งหนังโฆษณา “โครงการรวมพลังหาร 2” ชุด อาเม้ง ป.ปลา ที่สร้างความฮือฮากลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์เมื่อ 20 ปีที่แล้ว
ในอดีตพี่ม่ำทำงานให้กับ แม็ทชิ่ง สตูดิโอ โปรดักชั่นเฮ้าส์ชื่อดัง ก่อนที่จะก้าวออกมาสร้างอาณาจักรของตัวเองในชื่อ “ม่ำ ฟิล์ม” โปรดักชั่นเฮ้าส์ ได้เล่าย้อนให้เราฟังถึงผลงาน อาเม้ง ป.ปลา ว่า เป็นโอกาสดีในชีวิตที่ได้ร่วมงานกับคนเก่งๆ หลายคน โดยเอเจนซี่ในขณะนั้นก็คือ ลีโอ เบอร์เนทท์ โดยมีหัวเรือใหญ่ คือ คุณภาณุ อิงคะวัต และทีมงานที่ทำให้งานโฆษณาชิ้นนี้เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำครั้งหนึ่งในชีวิตการทำหนังโฆษณา
“ในช่วงของการพัฒนาสตอรี่บอร์ดผมกับทีมงานของลีโอ เบอร์เนทท์ มีคุณภาณุ ซึ่งเป็นเอ็มดีของบริษัทฯ ไปนั่งคิดนอนคิดเขียนกลอนบทอาขยานด้วยกันที่ออฟฟิศแม็ทชิ่ง เขียนแก้กันไปแก้กันมาระหว่างคุณภาณุกับลูกน้อง รวมทั้งตัวผม ตอนนั้นเมื่อคิดว่าเป็นงานเพื่อสังคมแบบนี้นอกจากเรื่องไอเดียแล้วเรายังต้องคิดถึงผลที่จะตามมาเมื่อคนดูได้เห็นว่า จะเอาไปปฏิบัติจริงหรือไม่? เพราะหนังโฆษณาเพื่อสังคมบางเรื่องอาจจะมีไอเดียที่ดี แต่ดูแล้วอาจจะไม่มีแรงบันดาลใจที่จะนำไปปฏิบัติตาม อันนี้เป็นโจทย์ที่สำคัญ”
นอกจากนี้ ในช่วง Intro ของงานโฆษณามีการเปิดเพลง Imagine ของ “จอห์น เลนนอน” ซึ่งจะต้องดำเนินการเรื่องขอลิขสิทธิ์เพลง ปรากฏว่าได้สร้างอีกหนึ่งโมเมนต์พิเศษที่ทำให้ทีมงานทุกคนประทับใจ พี่ม่ำเล่าว่า “จำได้ว่าสมัยนั้นทางลีโอ เบอร์เนทท์ทำเรื่องขอลิขสิทธิ์เพลง Imagine ส่งไปยัง จอห์น เลนนอน โดยมี โยโกะ โอโนะ ภรรยาเป็นคนรับเรื่อง โดยบอกไปว่าผู้กำกับอยากใช้เพลงนี้มาก เพราะถ้าใช้เพลงอื่นก็ไม่สื่อ ปรากฏว่าทางโยโกะบอกขอดูสตอรี่บอร์ดก่อน และสุดท้ายเค้าก็บอกว่าให้เอาเพลงไปใช้ฟรี เพราะเห็นว่าเป็นโฆษณาเพื่อสังคม ซึ่งถือว่าในยุคนั้นเป็นการร่วมมือเพื่อให้งานออกมาดีที่สุดจริงๆ”
หลังจากงานชิ้นนี้เผยแพร่ออกไปก็สามารถปลุกกระแส “รวมพลังหาร 2” ได้สำเร็จ นอกจากนี้ ผลงาน อาเม้ง ป.ปลา ยังได้รับรางวัลเหรียญทอง ประเภทโฆษณาส่งเสริมเยาวชน จากเวที Tact Award อีกด้วย ซึ่งแม้เวลาจะผ่านมาเกือบ 20 ปีหลายคนก็ยังคงประทับใจในผลงานชิ้นนี้อยู่ และถ้าหากว่าจะมีการนำแคมเปญ “รวมพลังงานหาร 2” กลับมาอีก พี่ม่ำ ก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะเป็นโครงการที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะแนวคิดหลักที่ไม่ได้บังคับให้คนเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของตนเองอย่างสิ้นเชิง แต่พยายามส่งเสริมให้ปรับลดพฤติกรรมการใช้ทรัพยากรสิ้นเปลืองลง ทำให้คนรู้จักคิด เช่น แอร์ก็ยังเปิดได้ แต่จะดีกว่าถ้าหันมาเปิดหน้าต่างรับลมธรรมชาติไปด้วยเช่นกัน
“ผมไม่อายที่จะบอกว่าตัวเองไม่ใช่คนหาร 2 แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนตัวแล้วสำหรับผมอาจจะไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองทั้งหมด แต่ถ้างานของผมทำให้คนอีก 100 คนเปลี่ยนแปลงได้ นั่นล่ะคือเรื่องที่ดีที่สุด”
นี่คืออีกหนึ่งมุมมองของผู้อยู่เบื้องหลังผลงานรวมพลังหาร 2 ในอดีต ซึ่งไม่ได้แค่สร้างงานเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าแต่ตอบโจทย์ของสังคมด้วย
และในวันนี้ “โครงการรวมพลังหาร 2” จะกลับมาอีกครั้ง เพื่อปลุกกระแสและสร้างจิตสำนึกในการประหยัดและรู้คุณค่าของพลังงาน เพราะความต้องการใช้พลังงานของประเทศยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี แต่ด้านการจัดหาพลังงานให้มีความเพียงพอต่อความต้องการมีข้อจำกัด ทำให้ยังต้องพึ่งพาพลังงานจากต่างประเทศโดยการนำเข้าไม่น้อยกว่า 85% ส่งผลต่อความมั่นคงด้านพลังงานของไทย ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวจึงต้องมีการรณรงค์ให้เกิดการลดใช้พลังงานซึ่งเป็นแนวทางที่สามารถทำได้ทันที
ดังนั้น กระทรวงพลังงาน โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จึงกลับมาตอกย้ำรณรงค์กับภาคประชาชนอีกครั้งผ่าน “โครงการรวมพลังหาร 2” เพื่อสร้างจิตสำนึกการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่าและเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงานอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งส่งเสริมสนับสนุนให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจังและรณรงค์อย่างต่อเนื่องในการสร้างความรู้ความเข้าใจ ย้ำเตือนการคิดก่อนใช้พลังงานทุกครั้งและทำให้เป็นนิสัย รวมถึงแนะนำวิธีใช้พลังงานอย่างประหยัดที่สามารถนำไปปฏิบัติใช้ในชีวิตประจำวันได้ทันที ซึ่งครั้งนี้จะเพิ่มดีกรีของภารกิจแบรนด์แคมเปญจากเดิมที่เคยทำให้คนได้ “คิดก่อนใช้” เกิดความเข้าใจเรื่องการประหยัดพลังงานมาแล้ว การกลับมาใหม่จะยกระดับสู่แนวทางการลงมือปฏิบัติได้จริง “ประหยัดชัวร์”
เห็นความขึงขังจริงจังของการสร้างสรรค์แคมเปญดังในอดีตที่จะกลับมาอีกครั้ง เชื่อว่าหลายท่านที่เคยได้ชม อาเม้งท่องอาขยาน ป.ปลา น่าจะรู้สึกตื่นเต้นกับการรีเทิร์นครั้งนี้ของ “โครงการรวมพลังหาร 2” ว่าจะสามารถสร้างกระแสฮือฮาอย่างเช่นในอดีตได้อีกหรือไม่ เป็นอีกแคมเปญที่น่าจับตามากทีเดียวค่ะ
ขอบคุณภาพจาก Matching Studio
Copyright © MarketingOops.com