ส่องแคมเปญ #ปล่อยลูกไว้กับพ่อก็ดีนี่ โดย D-Nee X GREYnJUNITED เปิดมุมใหม่ของการเลี้ยงดูผ่านเลนส์ของผู้เป็นพ่อ

  • 263
  •  
  •  
  •  
  •  

ควันหลง #วันพ่อ ซึ่งแม้ว่าจะผ่านล่วงเลยมาแล้ว แต่เราได้ไปแอบเห็นแคมเปญหนึ่งที่น่าสนใจ และสะท้อนแนวคิดใหม่ทั้งในเชิงสังคมและงานโฆษณาที่ตอบโจทย์ความคิดคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี จาก D-Nee สร้างสรรค์โดย GREYnJUNITED ที่สำคัญงานชิ้นนี้เกิดขึ้นจาก Data insight ที่พัฒนาออกมาเป็น Creative Ads

 

ภาพของ “ผู้เป็นพ่อ” ในความทรงจำของเด็กยุค 80 หลายคนคงนึกถึงผู้ชายที่มาพร้อมกับความเข้มงวดที่หวังให้ลูกได้ดี แต่เมื่อโครงสร้างทางสังคมและเศรษฐกิจ ตลอดจนค่านิยมและทัศนคติที่มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ “พฤติกรรมและการรับรู้” ภาพของผู้เป็นพ่อเปลี่ยนไป

 

จากการทำแบบสอบถามของ GREYnJ UNITED ถึงทัศนคติที่มีต่อ “พ่อยุคใหม่” พบว่า พ่อยังคงถูกมองว่าเป็นช้างเท้าหน้า ทำหน้าที่หาเงินมาจุนเจือครอบครัว (Breadwinner) ไม่ค่อยมีเวลาให้ลูก โดยแม่ยังคงทำหน้าที่เป็นผู้เลี้ยงดูหลัก (Primary Caregiver) พ่อเลี้ยงลูกไม่เก่งเท่าแม่ พ่อไม่รู้ความชอบของลูกเท่าแม่ พ่อดูแลลูกไม่เป็น พ่อไม่มีเวลาให้ลูก ฯลฯ

 

แต่นั่นคือมายาคติ (Myth) ที่คนส่วนใหญ่มีต่อเพศชายผู้ทำหน้าที่ “พ่อ” แต่ในความเป็นจริง พ่อกับแม่มีความให้ลูกในรูปแบบที่ “แตกต่าง” กัน เพราะพ่อมีความรักลูกในรูปแบบของพ่อ เช่น ความเป็นเพื่อน (Playmate) ความสมบุกสมบัน ความนอกกรอบ สปอย ไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์บ้าง แต่ความรักของแม่มักจะอยู่ในความสมบูรณ์แบบ (Perfection) ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม เป็นไปตามกฎเกณฑ์และแนวทางอย่างชัดเจน

 

และนั่นนำมาสู่อินไซต์สำคัญของแคมเปญ #ปล่อยลูกไว้กับพ่อก็ดีนี่ ที่ว่า “ถ้าความรักของแม่คือการฟูมฟักทะนุถนอม ความรักของพ่อก็คือการเปิดโลกและประสบการณ์ใหม่ๆ พ่อก็มีรักในแบบของพ่อที่สนุกสุดๆ”

 

สอดคล้องกับข้อมูลจากการทำ Social Listening พบว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา มีการโพสต์คอนเทนท์ที่เกี่ยวกับโมเมนท์น่ารักระหว่าง “พ่อกับลูก” ผ่านแฮชแท็ก #อย่าปล่อยลูกไว้กับพ่อ เกือบ 4,000 โพสต์บนแพลทฟอร์ม Tiktok มียอดวิวรวมกว่า 4 ล้านวิว  สะท้อนให้เห็นว่า จริงๆ แล้ว เวลาลูกอยู่กับพ่อ เขาก็มีความสุข สนุกสนานกันในแบบของตัวเองได้ แถมยังมีโมเมนต์พิเศษๆ ที่ไม่เหมือนใครในสไตล์พ่อด้วย

 

จากงานวิจัยโดยมหาวิทยาลัย Duke สหรัฐอเมริกาที่ศึกษาการพัฒนาในวัยเด็กและ ระบุว่า ความเป็นพ่อมีบทบาทต่อทุกนาทีชีวิตของเด็กที่ไม่มีใครสามารถเติมเต็มได้ และสิ่งนี้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการกำหนดบุคลิกลักษณะนิสัยของเด็กเมื่อเติบใหญ่ การเลี้ยงดูของพ่อยังส่งเสริมให้เด็กมีความสามารถในการเข้าสังคม ความฉลาดทางอารมณ์ และภูมิคุ้มกันทางสังคมสูงอีกด้วย

 

D-Nee ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก ที่มียอดขายอันดับ 1 ในเครือบริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตสินค้า FMCG ชั้นนำของไทย ซึ่งเชื่อว่า “ลูกน้อยคือสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับพ่อแม่ทุกคน การเลี้ยงดูจากทั้งพ่อและแม่” จึงกำหนดบทบาทของแบรนด์ โดยต้องการ “เชิดชูความรักของพ่อในทุกรูปแบบ ทำความเข้าใจและสนับสนุนความรักของพ่อที่มีรูปแบบที่แตกต่างกัน”

 

ทั้งนี้ กลุ่มเป้าหมายหลักเป็นกลุ่มคุณพ่อแม่คุณแม่ช่วงอายุ 25-45 ปี ที่มีทารกหรือเด็กอายุไม่เกิน 3 ปี และกลุ่มเป้าหมายรองเป็นกลุ่มคู่แต่งงานใหม่และกลุ่มครอบครัว ช่วงอายุ 25-45 ปี ที่ลูกมีอายุเกิน 3 ขวบ ซึ่งกลุ่มนี้ถือเป็น คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ที่อยู่ในกลุ่ม “Sophisticated Parent” เนื่องจากปัญหามหภาคทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม ทำให้คนยุคใหม่มีลูกน้อยลงจากความเสี่ยงทางสภาพแวดล้อม ต้นทุนในการเลี้ยงดูให้มีคุณภาพสูงขึ้นกว่ายุคก่อน ทำให้อัตราการเกิดของไทยต่ำลงเรื่อยๆ แต่ในทางกลับกัน คนที่มีลูกคือ คนที่พร้อมที่สุด ทั้งเวลาและกำลังทรัพย์ ทุ่มเท 100% เพื่อลูกในทุกด้าน ระมัดระวังใส่ใจทุกรายละเอียด

 

และนี่ ถือเป็น “ครั้งแรก” ของการเผยอีกด้านของความที่แท้จริงในแบบพ่อ และ D-Nee ถือเป็นแบรนด์แรกในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสำหรับเด็กที่มาจับบทบาทสำคัญของพ่อต่อการเลี้ยงดูเด็ก ที่ส่วนมากจะให้ถ่ายทอดความรักของแม่เป็นหลัก

 

และนี่ถือเป็นอีกมุมที่น่ารักและแปลกใหม่สำหรับการสื่อสารการตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กของไทย และที่สำคัญ ยังสื่อสารกับ “ผู้ตัดสินใจซื้อ” ตัวจริงอีกด้วย มาแอบดูพ่อเลี้ยงลูกกันที่นี่เลย

 


  • 263
  •  
  •  
  •  
  •  
pigabyte
การเรียนรู้ไม่มีวันจบสิ้น มาเรียนรู้และสนุกไปกับบทความ จาก MarketingOops! กันนะคะ แล้วเราจะได้ค้นพบว่าโลกของ Marketing นั้น So Sexy and Cool!