เปิดหมัดเด็ด ‘เซ็นทรัล รีเทล’ ทำไมแคมเปญ 11.11 จึงแตกต่าง

  • 7.1K
  •  
  •  
  •  
  •  

Central Retail

สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA รายงานมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซไทย คาดการณ์ว่าในปี 2562 จะมีการเติบโตสูงถึง 12% หรือราว 3.2 ล้านล้านบาท บ่งบอกว่าตลาดอีคอมเมิร์ซมีการเติบโตสูงมากทีเดียว แต่อันที่จริงแทบจะไม่ต้องใช้ตัวเลขใดมายืนยันเราก็สามารถสัมผัสได้กันอยู่แล้วว่า ตลาดค้าขายออนไลน์ขยายตัวสูงมากแถมยังแข่งขันกันอย่างดุเดือดอีกด้วย หลายค่ายหลายเจ้าต่างขยันแข่งจัดโปรโมชั่นท้าทายกระเป๋าสตางค์ของเราอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะ ‘แคมเปญเลขคู่’ ตั้งแต่ 9.9, 10.10 และเร็วๆ นี้กับ 11.11 ที่กำลังจะถึงซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการกำเนิดแคมเปญเลขคู่อื่นๆ ที่ตามมา

ทว่า น่าเสียดายที่เรากลับเห็นกลยุทธ์เพียงแค่ผิวเผินจากบรรดามาร์เก็ตเพลสต่างๆ ที่โหมกันเล่นสงครามโปรโมชั่นกันเพียงอย่างเดียว เพราะยังมีสิ่งอื่นอีกที่เราสามารถสร้างประสบการณ์และความประทับใจให้กับลูกค้าได้อีก รวมทั้งต้องไม่ลืมว่านอกจากช้อปปิ้งออนไลน์แล้ว ลูกค้าเองก็ยังชอบที่จะช้อปปิ้งออฟไลน์อีกด้วย การได้จับสัมผัสสิ่งของหรือทดลองใช้หรือทดลองใส่ยังเป็นที่ต้องการของลูกค้าอยู่ ดังนั้น หน้าร้านจึงยังจำเป็น และประสบการณ์การช้อปปิ้งในร้านจึงยังสำคัญ

Central Retail

ด้วยเหตุผลนี้เองจึงไม่แปลกใจเลยที่ยักษ์ใหญ่อย่าง เซ็นทรัล รีเทล และบริษัทในเครือกลุ่มเซ็นทรัล มองเห็นตรงจุดนี้และไม่พลาดที่จะวางกลยุทธ์เหนือชั้นยกระดับแคมเปญเลขคู่ให้แตกต่างจากรายอื่นๆ ด้วยการสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งแบบ Seamless ไร้รอยต่อ เชื่อมโยง Offline To Online ได้อย่างแนบเนียน และวันนี้เราจะมาปอกเปลือกกันให้เห็นเลยว่าเวลายักษ์ใหญ่เค้าทำอะไร จะแตกต่างจากรายอื่นๆ อย่างไร

เซ็นทรัล รีเทล จัดแคมเปญเลขคู่ 11.11 ภายใต้ชื่อว่า 11.11 Mega Sale” #1111 MegaSale #CentralRetail โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-11 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งนอกเหนือจากการลดกระหน่ำอย่างจุใจสูงสุดถึง 90% แล้ว ยังเป็นการระดมกลุ่มธุรกิจในอาณาจักรค้าปลีกเซ็นทรัล รีเทล และกลุ่มเซ็นทรัลครั้งใหญ่ ตั้งแต่ห้างเซ็นทรัล โรบินสัน ซูปอร์สปอร์ต เพาเวอร์บาย ออฟฟิศเมท บีทูเอส ซีเอ็มจี ไทวัสดุ บ้านแอนด์บียอนด์ ท็อปส์ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ แฟมิลี่มาร์ท และมัทสึโมโตะ คิโยชิ เรียกได้ว่าขนทุกสรรพกำลังที่มีเข้าโหมในแคมเปญนี้เอาใจนักช้อปจริงๆ

Central Retail

แต่อย่างที่บอกไปว่าไม่ได้มีเพียงแค่กลยุทธ์โปรโมชั่นเท่านั้น แต่สิ่งที่เซ็นทรัลทำคือการทำการบ้านมาอย่างดีจนพบว่า พฤติกรรมผู้บริโภคยังคงช้อปปิ้งทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ ดังนั้น การที่จะแข่งขันเฉพาะแต่กับเรื่องราคาเพียงอย่างเดียวหรือทำบนแพลทฟอร์มเดียวไม่อาจตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคในปัจจุบันได้ เซ็นทรัล รีเทล จึงสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งอย่างไร้รอยต่อ Seamless Experience ระหว่างออฟไลน์และออนไลน์ให้เกิดเป็นโซลูชั่นในการช้อปปิ้งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทั้งที่หน้าร้านและบนช่องทางออนไลน์ ด้วยการเปิดบริการใหม่เฉพาะช่วงนี้ ได้แก่

  1. บริการ 1 Hour Pick up หรือบริการรับสินค้าที่ร้านใน 1 ชั่วโมง จากเพาเวอร์บาย
  2. บริการ Express Delivery หรือบริการส่งสินค้าด่วน จากเซ็นทรัล แชท แอนด์ ช้อป (Chat & Shop) และท็อปส์

บริการ 1 Hour Pick up

สำหรับบริการรับสินค้าที่ร้านใน 1 ชั่วโมง (1-hour pick up) จากเพาเวอร์บาย คือการที่ลูกค้าสามารถเลือกสินค้าออนไลน์และรับสินค้าด้วยตัวเองได้ที่ร้านเพาเวอร์บาย สาขาที่สะดวกทั่วประเทศภายใน 1 ชั่วโมงหลังการจองสินค้า

บริการ Express Delivery 

นอกจากนี้ ยังมีบริการส่งสินค้าด่วนจาก เซ็นทรัล แชท แอนด์ ช้อป ซึ่งลูกค้าสามารถพูดคุยกับผู้ช่วยส่วนตัวที่คอยให้บริการในการเลือกซื้อสินค้า รวมทั้งให้คำแนะนำสินค้าที่เหมาะกับความต้องการเฉพาะของลูกค้าแต่ละราย และทำการส่งสินค้านั้นถึงมือลูกค้าภายในเวลา 99 นาที สำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล

หรือหากซื้อสินค้าด่วนจากท็อปส์ ลูกค้าในกรุงเทพฯ สามารถรอรับสินค้าให้มาส่งถึงที่ได้ภายใน 2 ชั่วโมงผ่านบริการของแกร็บ (Grab) ได้เลย โดยไม่ต้องรอข้ามวัน

Central Retail

ดังคำกล่าวจาก นิโคโล กาลันเต้ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แคมเปญนี้สร้างขึ้นมาบนคำถามง่ายๆ 2 ข้อที่ว่า “ทำไมโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าที่ซื้อหน้าร้านจะเหมือนกับซื้อออนไลน์ไม่ได้?” และ “ทำไมลูกค้าที่ช้อปออนไลน์จะได้รับบริการการรับประกันสินค้าของแท้และคำแนะนำต่างๆ เหมือนกับการซื้อหน้าร้านไม่ได้?”

ทั้งหมดนี้ทำให้เราเห็นได้ชัดเจนถึงสิ่งที่เซ็นทรัลฯ เคยประกาศมาตลอดว่าจะทำให้เกิด O2O ที่เห็นภาพชัดเจนในวงการรีเทลขึ้น

Central Retail

แต่นอกเหนือจากการสร้างประสบการณ์ความประทับใจในการช้อปปิ้งให้กับลูกค้าอย่างไร้รอยต่อแล้ว ก็ยังมีการเสริมทัพด้วยกลยุทธ์ KOL โดยปีนี้ยังได้เลือก “เจมส์ มาร์” พระเอกสุดหล่อที่มีไลฟ์สไตล์เหมาะกับคนรุ่นใหม่มาเป็นแอมบาสเดอร์ของแคมเปญ 11.11 ในปีนี้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นการทำงานที่ครบมุมรอบด้านสร้างจุดขายที่แตกต่างได้ดีสำหรับแคมเปญเลขคู่ของเซ็นทรัล รีเทล

น่าศึกษาและจับตาต่อไปว่าทั้งตัวมาร์เก็ตเพลส รีเทล หรือแม้แต่แบรนด์ต่างๆ จะสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ ให้เราได้ว้าวกันอีกหรือไม่ นอกหนือจากเรื่องราคาและโปรโมชั่นบนแคมเปญเลขคู่ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะกินระยะเวลาไปอีกจนถึง 12.12 ดังนั้น คำถามคือเพียงแค่นี้เพียงพอแล้วหรือที่จะตอบโจทย์ลูกค้าของคุณ?

#1111MegaSale #CentralRetail #CentralGroup


  • 7.1K
  •  
  •  
  •  
  •